เชื้อราในกระแสเลือด
เชื้อราในโลกมีมากกว่า 2 ล้านสปีชีส์ แต่ส่วนมากเป็นเชื้อราในสิ่งแวดล้อม เชื้อราส่วนน้อยเท่านั้นที่ก่อโรคในมนุษย์
สารบัญ เชื้อราในกระแสเลือด
เชื้อราในกระแสเลือดอันตรายแค่ไหน ?
ปัจจุบันพบเชื้อราติดเชื้อชนิดรุกรานมากขึ้น ซึ่งสามารถเข้าสู่กระแสเลือด และทำลายอวัยวะต่าง ๆ ได้ เนื่องจากมีวิธีการรักษาผู้ป่วยทางการแพทย์แบบใหม่ ๆ เช่น
- การรักษาผู้ป่วยมะเร็งด้วยยาแบบใหม่
- การปลูกถ่ายอวัยวะที่ต้องรับประทานยากดภูมิต่อเนื่อง
- การใช้ยากกดภูมิเช่น สเตียรอยด์ในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับภูมิผิดปกติต่างๆ
- การใช้ยาต้านจุลชีพหลายขนานติดต่อกันเป็นเวลานานในผู้ป่วยวิกฤติ
สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อราเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสยังพบได้บ่อยกว่าการติดเชื้อรา
โดยเชื้อราชนิดรุกรานที่เป็นสาเหตุของภาวะพิษเหตุติดเชื้อ(Sepsis) การติดเชื้อในกระแสเลือด และพบอุบัติการณ์สูงขึ้น ได้แก่ เชื้อรา Candida
การวินิจฉัยเชื้อราทางห้องปฏิบัติการทำได้ยาก แปลผลยาก และใช้เวลานานในการตรวจ การรักษาด้วยยาต้านเชื้อรายังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงยาที่มักมีราคาสูงและผลข้างเคียงมาก ทำให้การดูแลรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อรามีความยากและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้สูง
การจำแนกเชื้อราที่ก่อโรคในมนุษย์
สามารถแบ่งได้หลายประเภท โดยสามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่คือ
- ยีสต์ ได้แก่ Candida
- ราสองรูป (Dimorphic Fungi)
- ราสาย (Filamentous Molds) ในกลุ่มนี้สามารถแบ่งเป็นกลุ่มย่อยจากการดูลักษณะสายรา (Hyphae) ได้ดังนี้
- ราสายที่ไม่มีเม็ดสีและผนังกั้น (Non-Septate Hyaline Molds) เช่น Mucormycosis
- ราสายที่ไม่มีเม็ดสีแต่มีผนังกั้น (Septate Hyaline Molds) เช่น Aspergillus spp., Fusarium spp. เป็นต้น
- ราดำ (Dematiaceous Molds) เป็นราสายที่มีเม็ดสีบริเวณผนังของสายราและมีผนังกั้นด้วย เช่น Madurella Spp., Fonsecaea Spp. เป็นต้น ซึ่งโดยมากพบเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง มีส่วนน้อยที่เป็นเชื้อราแบบรุกรานได้
ในผู้ป่วยที่มีภาวะการติดเชื้อในกระแสเลือดและเกิดภาวะช็อกในสหรัฐอเมริกา พบว่า 5% ของคนไข้กลุ่มนี้ เกิดจากเชื้อรา Candida และการติดเชื้อราแบบรุกราน 70-90% เกิดจากเชื้อราชนิด Candida, 10-20% เกิดจากเชื้อรา Aspergillus
ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงเชื้อรา Candida ซึ่งเป็นเชื้อราที่พบเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในกระแสเลือดได้บ่อยและรุนแรงเมื่อเทียบกับเชื้อราประเภทอื่น
ทำความรู้จัก เชื้อรา Candida ให้มากขึ้น
เชื้อรา Candida มีหลายสปีชีส์ ที่พบก่อโรคได้บ่อย ได้แก่
- Candida Albican
- Candida Glabrata
- Candida Parapsilosis
- Candida Tropicalis
ส่วนใดของร่างกายที่เป็นแหล่งรับเชื้อ Candida ?
การติดเชื้อ Candida สามารถพบได้ทุกส่วนของร่างกาย แต่ที่พบได้บ่อยคือ บริเวณเยื่อบุ เช่น เยื่อบุในช่องปาก เยื่อบุบริเวณอวัยวะเพศ และสามารถติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดได้ด้วย เมื่อเชื้อCandida เข้าสู่กระแสเลือด จะสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้ เช่น ตา ไต ตับ และสมอง
ผู้ป่วยกลุ่มใดที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ Candida ?
โดยปกติแล้ว ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงจะไม่พบภาวะการติดเชื้อ Candida ในกระแสเลือด แต่สามารถพบการติดเชื้อ Candida ในช่องปากได้ หากได้รับยาพ่นกลุ่มสเตียรอยด์ทางปากและไม่ได้ทำความสะอาดช่องปากหลังพ่นยา
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ Candida เข้าสู่กระแสเลือด
- ผู้ป่วยวิกฤติที่ได้รับการรักษาในไอซียูเป็นเวลาหลายวัน
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น มีการเจ็บป่วยหนักวิกฤติ ผู้ที่ได้รับเคมีบำบัด ผู้ที่ได้รับยากดภูมิ เช่นผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิต่อต้านตัวเอง
- ผู้ป่วยเบาหวาน
- ผู้ที่ได้รับยาสเตียรอยด์
- ผู้ที่ได้รับการใส่สายทางเส้นเลือดดำใหญ่
- ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดช่องท้อง
- ผู้ป่วยที่โดนไฟไหม้ น้ำร้อนลวกรุนแรง
- ผู้ป่วยโรคไตที่ได้รับการล้างไต
- ผู้ที่ได้รับยาต้านจุลชีพรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเป็นระยะเวลานาน
- ทารกที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาก
- ผู้ที่ติดยาเสพติดโดยการฉีดเข้าเลือด
อาการและอาการแสดงของผู้ที่มีการติดเชื้อ Candida ในกระแสเลือด
อาการแสดงขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ติดเชื้อเริ่มต้น ร่วมกับมีอาการร่วม ดังต่อไปนี้
- มีไข้ หนาวสั่น
- ผื่น
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- ความดันต่ำ
- การมองเห็นที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่ลามมาที่ตา
- ปวดหัว มีอาการทางระบบประสาท
- ปวดท้อง
การวินิจฉัยภาวะติดเชื้อ Candida ในกระแสเลือด
การวินิจฉัยเพื่อภาวะติดเชื้อ Candida ในกระแสเลือด ทำได้โดย
- การนำเลือดไปเพาะเชื้อรา
- การตรวจหา Antigen (ชิ้นส่วนของเชื้อ) ในเลือด
การรักษาภาวะติดเชื้อ Candida ในกระแสเลือด
เนื่องจากภาวะติดเชื้อ Candida ในกระแสเลือดเป็นภาวะที่อันตรายถึงแก่ชีวิตได้ การรักษาโดยการเริ่มยาต้านเชื้อราจึงควรเริ่มทันทีเมื่ออาการผู้ป่วยเข้าได้และมีความเสี่ยงที่ทำให้สงสัยภาวะการติดเชื้อราชนิดนี้
จากนั้นจะต้องหาสาเหตุและตำแหน่งของการติดเชื้อ และกำจัดแหล่งติดเชื้อนั้น เช่น เอาสายสวนที่ใส่ทางหลอดเลือดดำใหญ่ออกหากสงสัยว่าเป็นตำแหน่งของการติดเชื้อ และรีบเริ่มให้การรักษาด้วยยาต้านเชื้อรา
สรุปแนวทางการป้องกันการติดเชื้อ Candida ในกระแสเลือด
แนวทางป้องกันที่ทุกคนทำได้คือ การล้างมือบ่อย ๆ เพราะไม่เพียงแต่ป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายของเชื้อรา แต่ยังเพื่อป้องกันการติดเชื้อประเภทอื่นด้วย
ข้อมูลโดย : พญ.วีราภรณ์ พุฒิวงศ์รักษ์
อ้างอิง
- American Thoracic Society
- National Organization for Rare Disorders
- Centers for Disease Control (CDC)