โรคติดเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus Infection) ตัวการอาการท้องเสีย อาเจียนรุนแรง

Reading Time: 2 minutes

โนโรไวรัส (Norovirus Infection) คืออะไร ?

โนโรไวรัส-Norovirus

โรคติดเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus Infection) เป็นเชื้อก่อโรคที่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อยของโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน โดยทั่วไปอาการเจ็บป่วยจากโรคจะหายเองได้แต่ก็อาจจะทำให้เกิดอาการรุนแรงจนทำให้เกิดการเสียชีวิตได้โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โนโรไวรัสยังสามารถทนอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน ผู้ติดเชื้อมีการขับเชื้อ(Viral Shedding) ทางอุจจาระได้เป็นเวลานาน 2-3 สัปดาห์ จึงทำให้เกิดการติดต่อระบาดได้ง่าย มีการแปรผันทางพันธุกรรมอย่างรวดเร็ว และยังไม่มียารักษาเฉพาะหรือวัคซีนสำหรับป้องกัน

สารบัญ โรคติดเชื้อโนโรไวรัส


รู้จักเชื้อโนโรไวรัส Norovirus

อาการเจ็บป่วยจากโนโรไวรัสถูกเรียกว่า “โรคอาเจียนฤดูหนาว” (Winter Vomitting Disease) เนื่องจากพบการเจ็บป่วยได้บ่อยในฤดูหนาวและอาการนำเด่น คือ อาเจียน

อาการโนโรไวรัส

การติดต่อของเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus Infection)

การติดต่อของไวรัสเริ่มจากเชื้อออกมากับอุจจาระแล้วปนเปื้อนมาสู่อาหารและถูกรับประทานเข้าสู่ร่างกายเกิดการกระจายสู่บุคคลอื่น (Fecal-Oral Route) เป็นการติดต่อหลัก โดยผ่านจากมือของผู้ป่วยที่ล้างไม่สะอาดมาสัมผัสพื้นผิววัตถุหรืออาหาร

นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อทางอื่น ได้แก่ ติดต่อผ่านละอองฝอยขนาดเล็กกว่า 10 ไมโครเมตร ที่เกิดจากการอาเจียนผ่านอากาศ (Airborne Transmission) ไวรัสจึงสามารถติดต่อได้ทั้งจากคนสู่คน ติดต่อทางอาหาร ทางน้ำดื่มน้ำใช้ และติดต่อผ่านสิ่งแวดล้อม

ข้อควรรู้ : อาหารที่เป็นแหล่งของการระบาดมักเป็นอาหารที่ต้องสัมผัสกับมือและไม่ได้ทำให้สุกร้อนก่อนรับประทาน เช่น แซนด์วิช สลัด อาหารกลุ่มอื่นที่พบได้บ่อย เช่น หอยนางรมที่เก็บมาจากแหล่งน้ำที่มีไวรัสปนเปื้อน

ระยะฟักตัวเชื้อโนโรไวรัส

ระยะฟักตัวของโรคอยู่ที่ 24-48 ชั่วโมง ตรวจพบเชื้อในอุจจาระได้มากที่สุดช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังเริ่มมีอาการ และร้อยละ 25 ยังพบเชื้อในอุจจาระได้ที่ 3 สัปดาห์หลังจากมีอาการ และหากเกิดโรคในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องสามารถตรวจพบเชื้อได้นานหลายเดือน

ระยะฟักตัวเชื้อโนโรไวรัส

สาเหตุที่ทำให้เชื้อโนโรไวรัส (Norovirus Infection) ระบาด

สาเหตุที่ทำให้การระบาดของเชื้อได้ง่าย คือ

  • การแพร่เชื้อที่สามารถเกิดขึ้นได้แม้มีเชื้อปริมาณน้อยกว่า 100 viral particles
  • ความทนทานของเชื้อต่ออุณหภูมิตั้งแต่ 0-60 องศาเซลเซียส
  • เชื้อทนต่อสารฆ่าเชื้อมาตรฐาน เช่น แอลกอฮอลล์และคลอรีน

เช็กอาการต้องสงสัยติดเชื้อ Norovirus

อาการทางคลินิก

  • การติดเชื้อโดยไม่มีอาการแต่พบเชื้อโนโรไวรัสในอุจจาระ ส่วนใหญ่พบในเด็กตั้งแต่ร้อยละ 11-50 ส่วนในผู้ใหญ่พบได้ร้อยละ 1-3
  • ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการปวดเกร็งท้องมาก่อน ตามมาด้วยอาเจียนเด่น ร้อยละ 25-80 และถ่ายเหลวร้อยละ 66-88 ซึ่งอาจจะมีเพียงอาการอาเจียนหรือถ่ายเหลวอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ลักษณะของอุจจาระเป็นน้ำ ไม่มีเลือดปน ปริมาณ 4-8 ครั้งใน 24 ชั่วโมง
  • อาการร่วม ได้แก่ มีไข้ พบได้ร้อยละ 50 ของผู้ป่วย และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ

ทั้งนี้อาการของโรคเป็นได้นาน 1-3 วัน ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอื่นที่ไม่ได้พบบ่อยร่วมด้วย เช่น คอแข็ง ตาสู้แสงไม่ได้ ระดับความรู้สึกตัวลดลง ภาวะลิ่มเลือดแพร่กระจายในหลอดเลือด (Disseminated Intravascular Coagulation) และภาวะหายใจล้มเหลว


การตรวจวินิจฉัยโรค

  • ควรสงสัยภาวะการติดเชื้อนี้กรณีที่มีการระบาดของภาวะอุจจาระร่วงเฉียบพลันที่ตรวจไม่พบสาเหตุจากการเพาะเชื้อทั่วไป ร่วมกับมีอาการอาเจียนเด่น มีระยะฟักตัวเข้าได้
  • การตรวจยืนยันการติดเชื้อโนโรไวรัสคือ RT-PCR(real time polymerase chain reaction)จากอุจจาระซึ่งเป็นการตรวจมาตรฐาน ส่วนการตรวจอีกวิธีคือ การตรวจทางภูมิคุ้มกันวิทยา Enzyme immunoassays และ immunochromatography ซึ่งเป็นการตรวจ antigen ของเชื้อโนโรไวรัส ซึ่งมีความไวต่ำกว่า RT-PCR

การวินิจฉัยการติดเชื้อ Norovirus แยกจากการติดเชื้อ Rotavirus โดยใช้อาการ ทำได้ยากเนื่องจากอาการคล้ายกัน ถ้าต้องการแยกโรค มีความจำเป็นต้องใช้ RT-PCR ในการระบุชนิดของเชื้อไวรัส


แนวทางการรักษา-ป้องกัน โรคติดเชื้อโนโรไวรัส

ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพชัดเจน การรักษาหลัก จึงเป็นการประคับประคองและรักษาตามอาการ โดยการทดแทนสารน้ำที่สูญเสียไป การรักษาทั่วไปอย่างอื่น เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ ยาลดอาการคลื่นไส้

การป้องกันและควบคุมโรค

เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันโนโรไวรัส จึงเน้นการล้างมือ การแยกผู้ป่วย และการทำความสะอาดสิ่งแวดล้อม รวมถึงพิจารณาตรวจเชื้อในอุจจาระของผู้ทำอาหารและคนส่งอาหาร เนื่องจากผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการสามารถแพร่กระจายเชื้อผ่านทาง Fecal-Oral Route ได้

การล้างมือ

จากการศึกษาโนโรไวรัสอื่นในกลุ่ม Caliciviridae พบว่าการล้างมือด้วยน้ำและสบู่มีประสิทธิภาพดีกว่าแอลกอฮอลล์ Ethanol โดย Healthcare Infection Control Practices Advisory Committee ได้ออกคำแนะนำให้ล้างมือด้วยน้ำที่ไหลผ่านมือและสบู่อย่างน้อย 20 วินาทีเพื่อป้องกันและควบคุมการติดเชื้อโนโรไวรัสมากกว่าการใช้แอลกอฮอล์ Ethanol

ป้องกันโรคติดเชื้อโนโรไวรัส

การแยกผู้ป่วย

ผู้ป่วยที่มีอาการอาเจียน ท้องร่วงที่สงสัยการติดเชื้อโนโรไวรัส ควรแยกผู้ป่วยแบบ Contact Isolation อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หลังมีอาการและจนกว่าอาการจะหาย และเมื่อต้องสัมผัสผู้ป่วยแนะนำการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการกระจายแบบละอองฝอยจากการอาเจียน

การทำความสะอาดสิ่งแวดล้อม

ทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสหรือปนเปื้อนบ่อยๆ โดยน้ำยาที่แนะนำคือ Hypochlorite หรือสารฟอกขาว ความเข้มข้นอย่างน้อย 1,000-5,000 ppm3 หรือปริมาณ 5-25 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 แกลลอน

การซักเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนเชื้อให้ใช้ผงซักฟอกและน้ำร้อน และอบผ้าด้วยความร้อนสูงสุดของเครื่องอบผ้า

ข้อมูลโดย : พญ.วีราภรณ์ พุฒิวงศ์รักษ์

พญ.วีราภรณ์ พุฒิวงศ์รักษ์

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
ปรึกษาหมอ
บทความแนะนำ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ปัญหาที่เจอได้ ทำไมบางคนถึงเป็นก้อน หลังฉีดเต็มแค่ไหน 2025

Reading Time: 8 minutes- ร้อยไหมหน้าเรียว ในกรุงเทพฯ ที่ไหนดี ? - ร้อยไหมหน้าเรียว ที่ไหนดี ? ก่อนร้อยไหมควรพิจารณาอะไรบ้าง ? - คลินิกร้อยไหมหน้าเรียวที่ได้มาตรฐาน สังเกตได้จากอะไร ? - วิธีการเลือกการร้อยไหมกับคลินิกร้อยไหม - ร้อยไหมหน้าเรียวกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ดีอย่างไร ?

โรคไขสันหลังอักเสบ ภัยเงียบที่ต้องระวัง รู้สาเหตุและแนวทา...

Reading Time: 2 minutes- โรคประสาทไขสันหลังอักเสบ คืออะไร ? - อาการแสดง โรคประสาทไขสันหลังอักเสบ - สาเหตุของโรคไขสันหลังอักเสบ - การตรวจวินิจฉัย โรคไขสันหลังอักเสบ - การรักษาโรคไขสันหลังอักเสบ

ภาวะเชื้อราในกระแสเลือด อันตรายแค่ไหน ? รู้แนวทางป้องกัน ...

Reading Time: 2 minutes- เชื้อราในกระแสเลือดอันตรายแค่ไหน ? - อาการและอาการแสดงของผู้ที่มีการติดเชื้อ Candida ในกระแสเลือด - การวินิจฉัยภาวะติดเชื้อ Candida ในกระแสเลือด - การรักษาภาวะติดเชื้อ Candida ในกระแสเลือด - สรุปแนวทางการป้องกันการติดเชื้อ Candida ในกระแสเลือด

ทำ IF ลดไขมันส่วนเกินในร่างกายได้อย่างไร ยั่งยืนไหม เหมาะ...

Reading Time: 2 minutes- ทำ IF อย่างไร ลดปริมาณไขมันส่วนเกินได้แถมสุขภาพดี - รู้หลักการกำจัดแคลอรี ในการทำ IF - 6 ประโยชน์การกำจัดแคลอรี แบบ IF - การทำ IF แบบได้ผลดี ต้องทำอย่างถูกต้องเหมาะสม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า