หลังฉีดโบกราม
หลังฉีดโบกราม มีข้อห้ามอะไรบ้าง ? ควรดูแลตัวเองอย่างไรให้เห็นผลเร็วและอยู่ได้นาน ?
หลายคนมีคำถามเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกลดกราม เพราะแม้จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้น แต่ก็มีข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม ในบทความนี้หมอจะตอบทุกข้อสงสัย พร้อมช่วยแนะนำแนวทางการดูแลอย่างถูกต้อง และข้อห้ามที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อให้เห็นผลชัดเจน คงผลลัพธ์ได้นานยิ่งขึ้น
สารบัญ หลังฉีดโบกราม
หลังฉีดโบกราม กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดโบกราม 1 สัปดาห์ จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงว่ากล้ามเนื้อเริ่มนิ่มลง เวลากัดฟันแล้วกรามจะเด้งออกเพียงเล็กน้อย จากนั้นภายใน 2 สัปดาห์ กล้ามเนื้อกรามจะคลายตัวมากขึ้นจนแทบไม่เด้งออกเมื่อกัดฟัน และจะเห็นผลชัดเจนว่ากรามยุบลงเต็มที่ หน้าเรียว V Shape ใน 2-3 เดือน
ผลลัพธ์หลังฉีดโบกราม อยู่ได้นานแค่ไหน ?
หลังฉีดโบลดกราม ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 5-6 เดือน เมื่อโบท็อกหมดฤทธิ์จะสลายไปตามธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกายครับ
หลังฉีดโบกราม ดูแลตัวเองอย่างไร ?
หลังฉีดโบกราม ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติครับ เพื่อให้ตัวยาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์ไว และอยู่ได้นาน คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ดังนี้
- หลังฉีดโบท็อกบริเวณกราม ให้รีบขยับกล้ามเนื้อกรามทันทีใน 1-2 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อกรามได้มีการเคลื่อนไหว ช่วยกระจายตัวยา และทำให้โบท็อกดูดซึมได้ดีขึ้น
- งดนอนราบ 3 ชั่วโมง และงดการก้มหน้าต่ำกว่าระดับหัวใจ 3 ชั่วโมง ป้องกันไม่ให้เลือดไหลเวียนมาที่หน้าเยอะขึ้น
- สามารถล้างหน้า แต่งหน้า ทาครีม ได้ตามปกติ แต่ให้เว้นจุดที่เป็นรอยเข็ม 1 คืน
- กินแร่ธาตุ zinc 50 mg (ตามคำแนะนำของแพทย์) ช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้น ออกฤทธิ์ดีขึ้น
- สังเกตอาการของตัวเอง หากรู้สึกไม่สบาย กล้ามเนื้ออ่อนแรงผิดปกติ หรือมีอาการอื่น ๆ ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที
หลังฉีดโบกราม มีข้อห้ามอะไรบ้าง ?
หลังฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่างในช่วง 7-14 วันแรก เนื่องจากตัวยายังอยู่ระหว่างการออกฤทธิ์ และผลลัพธ์ยังไม่คงที่ หมอแนะนำข้อห้ามหลังฉีดโบกราม ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น เข้าซาวน่า ตากแดด ออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดอาหารรสจัดและอาหารหมักดอง ในช่วง 14 วันหลังฉีด เพราะส่งผลต่อการขยายตัวของเส้นเลือด และอาจเกิดการอักเสบได้
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วง 14 วันหลังฉีด เพื่อป้องกันอาการบวมช้ำและยืดอายุของผลลัพธ์
รวม 10 คำถามที่พบบ่อยหลังฉีดโบกราม
1.หลังฉีดโบกราม รู้สึกตึงบริเวณกราม เป็นเรื่องปกติหรือไม่ ?
หลังฉีดโบกราม มีอาการตึงเล็กน้อยบริเวณกรามถือว่าเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในช่วง 3-4 วันแรกหลังฉีด ซึ่งเป็นช่วงที่ตัวยาเริ่มออกฤทธิ์ในการคลายกล้ามเนื้อ อาจทำให้รู้สึกตึง เมื่อยหน้า หรือชาเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด โดยทั่วไปอาการเหล่านี้มักเป็นเพียงชั่วคราวและจะค่อย ๆ ดีขึ้นได้เองครับ
2.หลังฉีดโบกราม บวมไหม ?
หลังฉีดโบท็อกกราม อาจมีอาการ เช่น ผิวบวม แดง มีรอยช้ำบริเวณที่ฉีด เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปและไม่เป็นอันตราย สามารถหายได้เองใน 2-3 วัน โดยหมอจะไม่แนะนำให้ประคบเย็นหลังฉีด เนื่องจากจะรบกวนกระบวนการดูดซึมของโบท็อกซ์เข้าสู่ปลายประสาท ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพของผลลัพธ์
3.หลังฉีดโบกรามแล้วรูปหน้าเปลี่ยนเลยหรือไม่ ?
หลังฉีดโบท็อกซ์กราม รูปหน้าจะเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้เปลี่ยนทันทีทันใด เพราะโบท็อกซ์ต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์จึงจะเห็นผลชัดเจนที่สุด โดยตัวยาจะเข้าไปช่วยคลายกล้ามเนื้อกรามที่หนาและใหญ่ ทำให้กรามดูเล็กลง ใบหน้าดูเรียวขึ้น และช่วยปรับรูปหน้าให้มีสัดส่วนสมดุลขึ้น
4.หลังฉีดโบกราม ต้องดูแลผิวเพิ่มเติมไหม ?
หลังฉีดโบท็อกซ์ลดกราม สามารถดูแลผิวตามปกติได้เลยครับ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือเรตินอล อย่างน้อย 2-3 วันหลังฉีด เพื่อป้องกันการระคายเคือง นอกจากนี้ควรงดการขัดหรือสครับผิวบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก และหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง
5.หลังฉีดโบกรามแล้วไม่เห็นผลเกิดจากอะไร ?
หลังฉีดโบกรามแล้วไม่เห็นผล เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- ตัวยาอาจยังไม่ออกฤทธิ์เต็มที่ ปกติผลจะเริ่มเห็นชัดภายใน 1-2 สัปดาห์หลังฉีด
- ใช้ปริมาณโบท็อกซ์น้อยเกินไป ไม่เพียงพอที่จะลดกล้ามเนื้อกรามได้ชัดเจน
- แพทย์ขาดประสบการณ์ เทคนิคการฉีดไม่ตรงตำแหน่งของกล้ามเนื้อกราม
- ดื้อโบท็อกซ์ ร่างกายตอบรับด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายการฉีดโบท็อกครั้งต่อ ๆ ไป จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
- ฉีดโบท็อกซ์ปลอม โบหิ้ว ไม่มีคุณภาพ ฉีดแล้วเห็นผลน้อยลง หรืออาจไม่เห็นผลเลย
- หากมีการใช้งานกล้ามเนื้อกรามหนัก เช่น การเคี้ยวของแข็งหรือขบฟันบ่อย ๆ ก็อาจส่งผลให้ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนหรืออยู่ได้ไม่นานอย่างที่ควร
6.หลังฉีดโบกรามแล้วดื้อโบท็อกซ์ แก้ไขอย่างไร ?
หากมีอาการดื้อโบท็อกซ์หลังฉีดโบกราม ซึ่งหมายถึงร่างกายไม่ตอบสนองต่อโบท็อกซ์เหมือนเดิม หรือฉีดแล้วไม่เห็นผลเลย อาจเกิดจากร่างกายสร้าง Antibody หรือฉีดโบท็อกซ์บ่อยและถี่เกินไป หมอแนะนำแนวทางการแก้ไขเบื้องต้น ดังนี้
- หยุดพักการฉีด อย่างน้อย 6-12 เดือน เพื่อให้ภูมิคุ้มกันลดลงก่อน
- เปลี่ยนยี่ห้อโบท็อกซ์ ที่ใช้โมเลกุลบริสุทธิ์สูง เช่น โบท็อกซ์ยี่ห้อ Xeomin
- เว้นระยะห่างระหว่างการฉีดให้เหมาะสม เพื่อลดโอกาสสร้างภูมิต้านทาน
7.ทำไมต้องเคี้ยวหมากฝรั่งหลังฉีดโบกราม ?
หลังฉีดโบกราม หมอแนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่งเบา ๆ ภายใน 30 นาทีแรก จะช่วยกระจายตัวยาและทำให้โบท็อกถูกดูดซึมได้ดีขึ้น เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น และยังช่วยให้แพทย์ประเมินการทำงานของกล้ามเนื้อแต่ละข้างได้อย่างแม่นยำ ลดโอกาสเกิดหน้าเบี้ยวหรือกล้ามเนื้อไม่เท่ากัน
8.หลังฉีดโบกรามแล้วรู้สึกเคี้ยวข้าวไม่ถนัด เป็นอันตรายไหม ?
หลังฉีดโบท็อกซ์กรามแล้วรู้สึกเคี้ยวข้าวไม่ถนัด ถือเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ และโดยทั่วไป ไม่เป็นอันตราย หากอาการไม่รุนแรงและเกิดขึ้นช่วงแรกหลังฉีด เนื่องจากโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อกราม ทำให้แรงในการบดเคี้ยวลดลงชั่วคราว โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์ ที่ตัวยาเริ่มออกฤทธิ์เต็มที่
9.หลังฉีดโบกราม เห็นผลเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับอะไร ?
ระยะเวลาหลังฉีดโบกรามกี่วันเห็นผล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ปริมาณโบท็อกซ์ที่ฉีด ขนาดของกล้ามเนื้อกราม สภาพร่างกายและการตอบสนองของแต่ละบุคคล รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีและคงสภาพอยู่ได้นานมากขึ้น
10.หลังฉีดโบกราม ควรเว้นนานแค่ไหนจึงจะกลับมาฉีดซ้ำ ?
หลังฉีดโบท็อกกราม ควรฉีดโบท็อกต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม ไม่ถี่เกินไป โดยเว้นจากการฉีดครั้งแรกประมาณ 3 เดือน และไม่ควรเว้นระยะห่างเกินไป (เกิน 5-6 เดือน)
สรุป หลังฉีดโบกราม ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ?
หลังฉีดโบกราม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงความร้อนและพฤติกรรมที่กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในช่วงแรกหลังฉีด เพราะจะทำให้โบท็อกสลายไวขึ้น การดูแลอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน เห็นผลชัด และลดความเสี่ยงต่อการดื้อโบท็อกซ์ได้ครับ


