RF (Radio-Frequency)
RF (Radio-Frequency) คืออะไร ? เทียบความแตกต่าง เครื่องยกกระชับผิว
RF (Radio-Frequency) หรือคลื่นวิทยุความถี่สูง ซึ่งมีการนำมาใช้ในด้านความสวยความงาม ปัจจุบันมีการพัฒนาเครื่อง RF ออกมาอย่างต่อเนื่อง หลายรุ่น หลายยี่ห้อ ให้สามารถแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยแห่งวัย
ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สะดวก และรวดเร็ว ในการยกกระชับผิว หรือปรับรูปหน้า เช่น ลดแก้ม ลดเหนียง กระชับกรอบหน้า และลดริ้วรอยต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวยืดหยุ่น แน่นกระชับ ดูอ่อนเยาว์ขึ้น รวมทั้งยังสามารถสลายไขมันส่วนเกินได้
ในบทความนี้หมอจะพาไปเจาะลึกการทำงานของเครื่อง RF (Radio-Frequency) ดีอย่างไร ? เหมาะกับใคร ? ทำจุดไหนได้บ้าง ? รวมถึงข้อควรระวังในการใช้ เปรียบเทียบกับเครื่องมือยกกระชับอื่น ๆ ที่ใช้คลินิกเสริมความงามชั้นนำ ติดตามได้ในบทความนี้ครับ
สารบัญ RF (Radio-Frequency)
- RF (Radio-Frequency) คืออะไร ?
- คลื่นวิทยุความถี่สูง RF ทำงานอย่างไร ?
- ประโยชน์ของคลื่นวิทยุความถี่สูง RF
- ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง RF ตำแหน่งไหนบนใบหน้าได้บ้าง ?
- ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ RF
- เครื่องที่ใช้ในการทำ RF
- การดูแลหลังใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง RF
- ข้อปฎิบัติ ข้อควรระวังในการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง RF
- Q&A คำถามเกี่ยวกับ คลื่นความถี่วิทยุ RF
RF (Radio-Frequency) คืออะไร ?
RF (Radio-Frequency) คือ เทคโนโลยีการปล่อยคลื่นไฟฟ้าอ่อน ๆ ในรูปแบบของคลื่นวิทยุที่มีความถี่ในช่วง 0.3-0.5 MHz (เมกะเฮริตซ์) ที่ได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) ว่า มีความปลอดภัย และช่วยในการยกกระชับผิวให้ดูอ่อนวัยโดยที่ไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม
คลื่นวิทยุความถี่สูง RF ทำงานอย่างไร ?
เครื่อง RF จะทำงานโดยการนวด พร้อมกับปล่อยคลื่นวิทยุความถี่สูง RF (Radio-Frequency) ช่วงความถี่ 0.3-0.5 MHz เข้าสู่ผิวหนังชั้นบน ผ่านแท่งโลหะ หรือหัวโลหะขนาดต่าง ๆ เพื่อไปเพิ่มอุณหภูมิของผิวหนังในชั้นที่ลึกลงไป ส่งผลให้เกิดการไหลเวียนของเลือด น้ำเหลือง และของเหลวในร่างกาย
นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนรูปของพลังงานจากภายใน ทำให้อุณหภูมิในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง โดยจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 3-5 °C ซึ่งมีความปลอดภัย เพราะอุณหภูมิของร่างกายจะถูกกระตุ้นให้สูงขึ้นไม่เกิน 42 °C มาดูการทำงานของ RF (Radio-Frequency) กันครับว่าส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในแต่ละชั้นผิว
ชั้นผิวหนัง
- Epidermis ชั้นหนังกำพร้า เป็นผิวหนังชั้นบนสุด คลื่นวิทยุ RF (Radio-Frequency) จะกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์เพิ่มขึ้น ทำให้รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น และขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวขาวใสขึ้น
- Dermis ชั้นหนังแท้ เป็นผิวหนังชั้นถัดลงมา คลื่นวิทยุ RF (Radio-Frequency) จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อย กระชับและยืดหยุ่นขึ้น
- Subcutaneous Fat ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง คลื่นวิทยุ RF (Radio-Frequency) จะไปสลายไขมันหรือลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน และกระชับสัดส่วน
ประโยชน์ของคลื่นวิทยุความถี่สูง RF
- รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ยกกระชับ แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ปรับรูปหน้าเรียว V Shape
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวยืดหยุ่น
- สลายไขมันส่วนเกิน ลดไขมันสะสมในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ RF
- คนที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ
- คนที่ผิวหน้ามีปัญหาริ้วรอยก่อนวัย
- คนที่มีเหนียงใต้คาง ต้องการกระชับกรอบหน้า
- คนที่ต้องการปรับรูปหน้าเรียว V Shape
- คนที่กลัวเจ็บ กลัวการผ่าตัดศัลยกรรม ไม่มีเวลาพักฟื้น
- คนที่กลัวเข็มมาก ๆ ไม่กล้าฉีดโบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหม
- คนที่ไขมันส่วนเกินสะสม คุณแม่หลังคลอด ที่อยากจะปรับรูปร่างให้เข้าที่เร็วขึ้น
เครื่องที่ใช้ในการทำ RF
เครื่อง RF (Radio-Frequency) มีหลายยี่ห้อ หลายรุ่น แบ่งออกได้เป็น 4 แบบ ตามหลักการทำงาน ดังนี้ครับ
- Bipolar RF ส่งพลังงาน RF แบบสองขั้ว ส่วนใหญ่จะใช้บริเวณใบหน้ากับชั้นผิวหนังส่วนบน จึงเหมาะกับการยกกระชับผิวหน้า และขณะที่ทำจะไม่รู้สึกเจ็บ
- Monopolar RF ส่งพลังงาน RF แบบขั้วเดียว โดยจะมี Plate รองที่ด้านล่าง จะใช้ยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย กำจัดไขมันส่วนเกินตามลำตัวได้ดีในระดับหนึ่ง จะออกฤทธิ์ได้ในชั้นผิวที่ลึกกว่าแบบ Bipolar RF เวลาทำอาจจะเจ็บ ต้องทายาชาก่อนทำ
- Tripolar RF เป็นเครื่อง RF ที่มีการทำงานด้วยการผสมผสานกันระหว่าง Bipolar RF และ Monopolar RF ในเครื่องตัวเดียวกัน
- Multipolar RF ส่งพลังงานแบบหลายขั้ว จะใช้หลักการทำงานแบบผสมผสานของ คลื่น RF ที่สามารถลงลึกได้ดีกว่า Bipolar RF ควบคุมทิศทางได้ดีกว่า Monopolar RF ขณะที่ทำจะไม่เจ็บมากเท่ากับแบบ Monopolar RF เนื่องจากใช้พลังงานน้อยกว่า
ความแตกต่างระหว่าง RF และ Thermage
นอกจากเครื่อง RF โดยทั่วไปแล้ว ยังมีการพัฒนาเครื่องมือยกกระชับใหม่ ๆ และมีการนำมาใช้ในคลินิกเสริมความงามชั้นนำ เช่น เครื่อง Thermage ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง แบบขั้วเดียว หรือ Monopolar RF ซึ่งประสิทธิภาพของเครื่อง ความลึก ความแม่นยำที่ลงสู่ผิวจะมีความแตกต่างกันครับ
ที่ V Square Clinic ใช้เครื่อง Thermage FLX เป็นเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุดของ Thermage ซึ่งปล่อยพลังงานในแต่ละจุดบนใบหน้าได้อย่างที่แม่นยำ โดยมี AccuREP เซ็นเซอร์วัดความร้อนบนผิว เพื่อควบคุมการปล่อยพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุก shot ที่ยิง หัวทิปรุ่นใหม่ กระจายพลังงานดีขึ้นมาก ลงลึกขึ้นกว่าเดิม และใช้เวลาในการทำน้อยลง 25% ครับ
หน้าตาเครื่อง Thermage FLX
ข้อดีของ Thermage FLX
- ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ใช้เวลาทำไม่นาน ประมาณ 40-90 นาที
- ผิวตึงกระชับทันทีและจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนที่ 2 ขึ้นไป
- เห็นผลยาวนาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเราทำ Thermage จริง ๆ ไม่ได้ถูกคลินิกหลอกให้ทำ RF หมอแนะนำให้ดูที่ตัวเครื่องก่อนเลยครับ เพราะหน้าตาเครื่องทำ RF ทั่วไปกับเครื่อง Thermage จะต่างกัน รวมถึงราคาก็ต่างกัน ราคาจะแพงกว่าครับ เพราะเป็นเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุดที่แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ช่วยลดไขมันสะสมใต้ผิวได้ชัดเจนที่สุดครับ
ข้อปฎิบัติ - ข้อควรระวัง ในการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง RF
ข้อปฏิบัติหลังทำ RF
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ หลังทำ RF ภายใน 24 ชั่วโมง แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่า 3-4 ลิตร เพื่อขับของเสียและไขมันสะสมในร่างกาย หลังจากนั้นควรดื่มน้ำเปล่าวันละ 2 ลิตร
- ควบคุมอาหาร ลด ละ เลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน เพื่อป้องกันไขมันส่วนเกินกลับมาสะสมได้ใหม่
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการขับของเสียออกจากร่างกาย
- อาจเสริมด้วยหัตถการอื่น ๆ เช่น ฟิลเลอร์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ตามคำแนะนำของแพทย์ครับ
ข้อควรระวังในการทำ RF
- ผู้ที่สูญเสียความรู้สึก หรือการรับความรู้สึกบกพร่องหรือช้า
- ผู้ที่เป็นโรคไต ผู้ที่มีโรคที่เกิดจากระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเลือด
- หญิงมีครรภ์ และหลังคลอดบุตร 6 เดือน
- ผู้ที่มีประวัติเป็นลมชัก
- ไม่แนะนำให้ทำในบริเวณที่มีการอักเสบ แผลถลอก หรือบริเวณที่เคยได้รับการผ่าตัดมาน้อยกว่า 6 เดือน หรือแผลผ่าตัดยังหายไม่สนิท
- ถอดอุปกรณ์และเครื่องประดับที่เป็นโลหะก่อนทำทุกครั้ง เพราะจะรบกวนการส่งคลื่นได้
Q : RF เจ็บไหม ?
A : เนื่องจาก เครื่อง RF (Radio-Frequency) มีหลายยี่ห้อ หลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นมีหลักการทำงานที่แตกต่างกัน ทำให้ความรู้สึกในขณะทำเจ็บต่างกันครับ ส่วนเครื่อง RF ที่ได้รับความนิยมในการยกระชับ อย่างเครื่อง Thermage FLX ขณะทำจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เพราะที่หัวจะมี Integrated Cooling แบบใหม่ ช่วยปกป้องผิวด้านบนด้วยความเย็น ในระหว่างที่ปล่อยพลังงานออกมา ก็จะมีการปล่อยความเย็นออกมาด้วยเป็นระยะ ๆ ขณะที่ส่งความร้อนไปยังผิวชั้นลึก เพื่อลดโอกาส burn รวมทั้งมีระบบสั่น (Vibration) ทำให้รู้สึกสบายขณะทำมากขึ้น
สรุป
เครื่อง RF (Radio-Frequency) เป็นเครื่องมือที่ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ลดริ้วรอย และสลายไขมันที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากผ่าตัด เพราะกลัวเจ็บ หรือกลัวเข็ม แต่เนื่องจากปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวมีหลายระดับ และเครื่องมือยกกระชับผิวในปัจจุบันก็มีการพัฒนาให้ทันสมัย ทั้งประสิทธิภาพของเครื่อง ความลึกถึงชั้นผิว และความแม่นยำ
Thermage FLX ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) และ อย.ไทย มีใช้ในคลินิกเสริมความงามชั้นนำ สามารถยกกระชับผิวได้ทันที 20% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ เห็นผลชัดเจนใน 2-3 เดือน และอยู่ได้นาน 1 ปี สามารถให้แพทย์ประเมินปัญหาและสภาพผิวก่อนได้ครับ เพื่อเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม แก้ปัญหาที่ตรงจุดและได้ผลลัพธ์ที่ดี
Reference :
https://www.researchgate.net/publication/344421954_The_Use_of_Radiofrequency_in_Aesthetic_Surgery
https://www.researchgate.net/publication/283176782_Radiofrequency_in_Aesthetic_Medicine
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7489578/
https://www.bangkokhospital.com/en/content/thermage-for-v-shape-face
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ
การฉีดเมโสฝ้ากระ ลดริ้วรอย จุดด่างดำ ราคาเท่าไร กี่วันเห็นผล ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน ?
Reading Time: 3 minutes 1.การฉีดเมโส รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำได้จริงหรือไม่? 2.หลังฉีดเมโสฝ้ากระ กี่วันเห็นผล 3.หลังฉีดเมโสฝ้ากระ ผลการรักษาอยู่ได้นานแค่ไหน ต้องกลับมาฉีดซ้ำบ่อยๆหรือไม่ 4.ฉีดเมโสฝ้ากระ ราคาเท่าไร 5.รีวิวฉีดเมโสฝ้ากระ
รีวิวฉีดผิว ขาวจริงไหม ? มีวิธีใดบ้างที่ทำแล้วผิวขาว ปลอด...
Reading Time: 5 minutes -การฉีดผิวขาว คืออะไร ? -วิธีเช็กเฉดสีผิวของตัวเอง -ฉีดวิตามินผิวขาว -ฉีดผิว ขาวจริงไหม ? -ฉีดผิวขาว ต้องทำบ่อยแค่ไหน ?
ฉีดมาเด้คอลลาเจน คืออะไร ? made collagen 16 จุด ? ต่างจาก...
Reading Time: 4 minutes - มาเด้คอลลาเจน คืออะไร ? - มาเด้คอลลาเจน vs เมโสหน้าใส - ฉีดมาเด้คอลลาเจน อันตรายไหม ? - มาเด้คอลลาเจน ราคาเท่าไร ?
Rejuran คืออะไร ช่วยให้ผิวใส ลดขนาดรูขุมขนได้อย่างไร เหมา...
Reading Time: 5 minutes - Rejuran คืออะไร ? - กระบวนการทำงานของ Rejuran - Polyneucleotid (pn) ใน Rejuran ดีอย่างไร ? - Rejuran ช่วยอะไรบ้าง ? - Rejuran เหมาะกับใคร ?
ฟิลเลอร์ (Filler) กับโบท็อกซ์ (Botox) ต่างกันอย่างไร ? ทำ...
Reading Time: 4 minutes - ฟิลเลอร์ คืออะไร ? - โบท็อกซ์ คืออะไร ? - ฟิลเลอร์ (Filler) กับ โบท็อกซ์ (Botox) ต่างกันอย่างไร ? - เปรียบเทียบข้อดี ข้อจำกัดของฟิลเลอร์ กับโบท็อกซ์ - เลือกฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ดี แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ?
15 วิธีลดรอยดําจากสิวที่เห็นผลดี แก้ปัญหารอยดำอย่างตรงจุด
Reading Time: 3 minutes - 15 วิธีลดรอยดําจากสิว - วิธีรักษารอยดําจากสิวเร็วที่สุด - รักษารอยดําจากสิวให้หายได้ไหม ? - รักษารอยดําจากสิวที่ไหนดี ?