Ulthera vs Hifu ยี่ห้อต่าง ๆ vs Thermage
Hifu ธรรมดา, Hifu Macrofocus, Ulthera, Thermage ล้วนเป็นการใช้พลังงานส่งในไปใต้ผิวเพื่อให้เกิดความร้อน 45-70°C ในช่วงระยะเวลาหนึ่งทั้งหมดโดยแตกต่างกันที่ขนาดของจุดที่ Focus
- Hifu ธรรมดา จะ focus จุดขนาดเล็ก 0.3-0.5 mm สาเหตุนึงที่ Hifu ธรรมดาไม่สามารถทำก้อนพลังงานขนาดใหญ่ได้เพราะ ประสิทธิภาพของเครื่องต่ำ เมื่อทำ focusใหญ่ การส่งค่าพลังงานจะไม่คงที่และมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวไหม้ได้
- Hifu macrofocus เป็นจุดขนาด 0.5-1 mm จะสามารถทำจุดใหญ่ขึ้นกว่า Hifu ธรรมดาได้ โดยที่พลังงานคงที่ ตัวอย่างยี่ห้อเครื่องที่เป็น macrofocus คือ ยี่ห้อ Ultraformer III
- Ulthera focus เป็นจุดขนาด 1 mm และมีหน้าจอในการดูระดับความลึกของจุดที่ยิงลงไป
- Thermage เป็นก้อนความร้อนขนาด 3-4 cm2 พลังงานจะครอบคลุมพื้นที่ได้ดีกว่าแบบจุด
ซึ่งถ้าเลือกจุดพลังงานขนาดใหญ่แล้วคนไข้ไม่สามารถทนเจ็บมาก ๆ ได้ไหว หมอก็ต้องปรับลดพลังงานลง เพื่อให้สามารถทนไหว ก็จะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้รับความร้อนในระยะเวลาที่สั้นลง จึงทำให้เกิดการกระตุ้นน้อยลง และทำให้ได้ผลเรื่องการหดกระชับน้อยลง
สามารถเปรียบเทียบความแตกต่าง Ulthera vs Hifu ยี่ห้อต่างๆ vs Thermage ง่ายๆให้เห็นภาพได้ดังนี้
- Hifu ธรรมดา เป็น เส้นหมี่ขาว ไม่เจ็บ อยู่ได้ไม่นาน
- Hifu Macrofocus เป็นเส้นเล็ก เจ็บพอดี ๆ ราคาคุ้มค่า
- Ulthera เป็น เส้นใหญ่ ถ้าทนไหวจะอยู่ได้ 1 ปี แต่เคสส่วนมากทนเจ็บไม่ไหว พอปรับลดพลังงานก็กลายเป็นเส้นเล็ก
- Thermage เป็นลูกชิ้น เจ็บมาก ครอบคลุมทุกอณู แต่ไร้ทิศทาง ลดไขมันได้ดี ผิวเนียนนุ่ม
Ulthera หรือ Hifu จะยิงความร้อน focus เป็นจุดไข่ปลาเล็กๆเรียงกันเป็นเส้นตรงใต้ผิว ซึ่งจะทำให้เกิดการหดของเนื้อเยื่อตามทิศทางของเส้นนี้ ทำให้หมอสามารถออกแบบ Vector ในการยิงได้ว่าต้องการให้เนื้อแก้มยกกระชับขึ้นในแนวไหน
สำหรับ Thermage จะยิงความร้อนเป็นก้อนขนาดใหญ่ลงใต้ผิว ทำให้เกิดการหดตัวในทุกทิศทาง ซึ่งหากต้องการให้ได้ผลเรื่องการยกกระชับด้วย ก็สามารถทำได้โดยการยิงเรียงก้อนเหล่านี้ให้เป็นเส้นตามทิศทางที่หมอต้องการจะดึง แต่ถ้าจะให้ยกกระชับเท่า Ulthera หรือ Hifu นั้น พลังงานที่ใช้จะต้องสูงมาก (ปกติ Hifu/Ulthera ใช้พลังงาน 60-70°C thermage ใช้พลังงาน 40-50°C) ซึ่งไม่มีใครสามารถทนความเจ็บระดับนั้นได้ หมอจึงต้องปรับลดพลังงานในการยิง Thermage ลงในระดับที่คนไข้ทนไหว จึงไม่สามารถทำ Thermage ให้ยกกระชับได้เหมือน Ulthera หรือ Hifu
ผลในการทำ Thermage ที่ได้ออกมา จึงเด่นในเรื่องของการลดเนื้อไขมันและเพิ่ม Skin Quality ริ้วรอย รูขุมขน มากกว่าการยกกระชับ
ความแตกต่างระหว่าง Hifu/Ulthera และ Thermage ในเรื่องกระยกกระชับ
เมื่อผิวชั้นลึกได้รับความร้อนในอุณหภูมิที่เหมาะสม 60-70°C จะเกิดการหดกระชับรอบทิศทางตามที่แสดงในรูป ซึ่งมีงานวิจัยรับรองว่า ที่อุณหภูมิและระยะเวลาที่เหมาะสมจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการเรียงตัวของเนื้อเยื่อและ Collagen ขึ้นมาใหม่และได้ผิวที่ยกกระชับขึ้นกว่าของเดิม
เมื่อหมอยิงจุดดังกล่าวให้เป็นเส้น จะเกิดผลรวมของการหดในแนวเส้นนั้น ๆ เช่นตามรูปด้านบนหากยิงจุดเรียงในแนวนอน เนื้อเยื่อก็จะหดกระชับในแนวนอนมากกว่าแนวตั้ง ทำให้ Hifu/Ulthera สามารถยกกระชับผิวในทิศทางของเส้นที่ยิงได้
Hifu Macrofocus จะสามารถยิงเรียงเป็นเส้นเพื่อยกกระชับผิวตามแนวที่ต้องการได้
ในขณะที่ Thermage พลังงานจะอยู่ที่ 40-50°C เป็นวงกว้าง ครอบคลุมทั้งชั้นผิว ช่วยในเรื่องลดไขมัน และช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม แต่ไม่สามารถยิงให้ผิวยกกระชับได้ดีเท่า Hifu/Ulthera (ทั่วถึงแต่ทิศทางไม่ชัดเจน)
การฉีดยาชา ช่วยให้สามารถใช้พลังงานได้สูงขึ้น แต่ก็มีข้อเสียคือทำให้ความแม่นยำในการยิงลดลง เพราะยาชาที่เป็นน้ำไปรบกวนคุณสมบัติของเนื้อเยื่อ ทำให้เครื่อง Ultrasound และคลื่น RF (Radio Frequency) ขาดความแม่นยำ จึงทำให้ได้ผลน้อยกว่าปกติ
การวางยาสลบ ในการกำหนด Limit ในการใช้พลังงานหมอจะต้องดูตามความรู้สึกของคนไข้เป็นหลัก เพื่อป้องกันการเกิดความร้อนสะสมและการไหม้ของผิว ซึ่งหากคนไข้ไม่รู้สึกตัว ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดความร้อนสะสมมากเกินไปจนผิวไหม้ขึ้นมาได้ ตามที่เคยเป็นข่าวจากประเทศสิงคโปร์ที่ใช้การวางยาสลบในการทำ Ulthera+Thermage พร้อมกัน แล้วเกิดการไหม้พองของผิวทั่วใบหน้า
Ulthera vs Hifu Macrofocus vs Hifu ธรรมดา
การจะยิง Ulthera ให้ได้ผลลัพธ์อยู่ได้ 1 ปีนั้น สามารถทำได้ แต่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บมากๆ ซึ่งถ้าถามคนไข้ที่เคยทำ Ulthera ส่วนมากจะบอกว่าเจ็บมากจนต้องขอให้หมอปรับลดพลังงานลง จึงทำให้ผลอยู่ได้สั้นลง มีคนไข้จำนวนน้อยเท่านั้นที่สามารถทนเจ็บไหวเพื่อให้ผลอยู่ได้ 1 ปี
ระดับความลึกในการยิง ของหัว Ulthera
- ลึก 1.5 mm สำหรับริ้วรอยผิวชั้นบน
- ลึก 3 mm สำหรับกระชับชั้นไขมัน
- ลึก 4.5 mm สำหรับยิงชั้น smas
หน้าจอที่สามารถดูระดับความลึกในการยิงของ Ulthera นั้นจำเป็นสำหรับการยิงหัว 4.5 mm ที่ต้องการความแม่นยำในการยิงชั้น smas เท่านั้น
ยกตัวอย่าง เช่น
Ulthera 600 Shot ประกอบด้วย (4.5 mm = 200 Shot, 3 mm = 200 Shot, 1.5 mm = 200 Shot)
จะมีเพียง 200 Shot เท่านั้น ที่หมอจำเป็นต้องใช้หน้าจอในการดูระดับความลึก (ที่คุ้มค่าในการใช้ Ulthera ยิง) ส่วนอีก 400 Shot นั้น สามารถใช้ Hifu Macrofocus ยิงโดยไม่ต้องมีหน้าจอดูความลึกก็ได้ผลไม่ต่างกัน
ซึ่งเมื่อเทียบกับราคา Ulthera 600 Shot 70,000 บาท กับ Hifu Macrofocus 600 Shot 15,900 บาท
จะเห็นว่า ทำ Hifu Macrofocus คุ้มค่ากว่ามาก
และหมอที่มีประสบการณ์ส่วนมาก ก็จะสามารถปรับระดับความแรงในการดึงผิวและการกดมือ ร่วมกับคอยสังเกตความรู้สึกของคนไข้ระหว่างยิงหัว 4.5 mm จะปวดๆหน่วง ๆ ที่ชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิว เพื่อให้หัว 4.5 mm ตรงกับชั้น Smas ของคนไข้โดยที่ไม่ต้องใช้จอเพื่อดูระดับความลึก
ที่มาของเทคโนโลยี Macrofocus
ขนาดจุดของ Ulthera Focus ใหญ่เกินไป เจ็บเกินไป ถ้าคนไข้ทนไม่ไหวก็จะได้ผลน้อยลง และราคาแพง
Hifu ธรรมดา ก็พลังงานไม่คงที่ เสี่ยงผิวไหม้ผิวบวม จุดเล็กเกินไป ไม่เจ็บ ได้ผลน้อยมาก อยู่ได้แค่ 2-3 เดือน
จึงเกิดการพัฒนาเป็น Hifu Macrofocus ที่ขนาดจุดปานกลาง เจ็บแบบคนไข้ทนไหว พลังงานคงที่ ได้ผลเทียบเท่า Ulthera แม้จะอยู่ได้ 6 เดือน แต่ก็คุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบราคาที่ถูกกว่า Ulthera หลายเท่าตัว และคนไข้จะรู้สึกสบายในการทำมากกว่า ปีนึงทำ 2 ครั้ง แต่เจ็บน้อยกว่ามาก
สรุป
Thermage เป็นก้อนพลังงานขนาดใหญ่ ไม่มีทิศทาง เด่นในการลดชั้นไขมันที่ใบหน้า และเพิ่ม Skin Quality(ผิวเด็ก) เหมาะสำหรับคนที่ทนความเจ็บได้ในระดับสูงจึงจะคุ้มค่าการทำ
Ulthera จุด focusใหญ่เกินไป ถ้าทนเจ็บไหวจะอยู่ได้นาน 1 ปี แต่คนส่วนใหญ่ทนเจ็บไม่ไหว และราคาแพง ไม่ค่อยคุ้มค่า
Hifu ธรรมดา จุด focus เล็ก ไม่เจ็บ เครื่องมักจะคุณภาพไม่ดี พลังงานไม่คงที่ อยู่ได้ไม่นาน ราคาถูกมาก มักจะใช้ในโปร Hifu บุฟเฟ่ห์ เนื่องจากต้นทุนต่อ Shot ราคาถูกมาก
Hifu macrofocus(Ultraformer III) พัฒนาล่าสุด จุด Focus ขนาดกลาง เจ็บแบบทนไหว ราคาปานกลาง เมื่อเทียบประสิทธิภาพกับราคาแล้ว Hifu Macrofocus คุ้มค่าที่สุด
เครื่อง Hifu ยี่ห้อไหนดี อ่านเพิ่มได้จากบทความนี้ครับ เจาะลึก Hifu ยี่ห้อไหนดี ราคาเท่าไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง รวมข้อควรรู้ก่อนทำ Hifu
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ
5 อาการหลังทำ HIFU ผลข้างเคียง เจ็บ บวม ช้ำ ปกติหรือไม่ ดูแลตัวเองอย่างไร?
Reading Time: 2 minutes- หลัง HIFU ผลข้างเคียง มีอะไรบ้าง? - วิธีดูแลตัวเองหลังทำ hifu เพื่อคงผลลัพธ์ได้นานขึ้น - เลือกคลินิกทำ hifu ที่ไหนปลอดภัย เห็นผล
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ปัญหาที่เจอได้ ทำไมบางคนถึงเป็นก้อน หลัง...
Reading Time: 8 minutes- ร้อยไหมหน้าเรียว ในกรุงเทพฯ ที่ไหนดี ? - ร้อยไหมหน้าเรียว ที่ไหนดี ? ก่อนร้อยไหมควรพิจารณาอะไรบ้าง ? - คลินิกร้อยไหมหน้าเรียวที่ได้มาตรฐาน สังเกตได้จากอะไร ? - วิธีการเลือกการร้อยไหมกับคลินิกร้อยไหม - ร้อยไหมหน้าเรียวกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ดีอย่างไร ?
หน้าหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ เกิดจากอะไร? รวมวิธีแก้ไข ห...
Reading Time: 5 minutesหน้าหมองคล้ำ สาเหตุเกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกร่างกาย การทำให้หน้าใสขึ้นมีหลายวิธีครับ แต่ก่อนอื่นจำเป็นจะต้องรู้ก่อนว่าหน้าหมองคล้ำ สาเหตุเกิดจากอะไร? วิธีแก้หน้าหมองคล้ำแบบเร่งด่วนมีวิธีไหนบ้าง? พร้อมวิธีป้องกันหน้าหมองคล้ำ ติดตามได้ในบทความนี้ครับ
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? ใต้ตา ปาก ร่องแก้ม คาง ควรเลือกใ...
Reading Time: 11 minutes- คุณสมบัติต่าง ๆ ในทางเทคนิคของฟิลเลอร์ที่ควรรู้ - จุดสังเกตฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อต่าง ๆ - เลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี เลือกรุ่นให้เหมาะกับจุดต่าง ๆ บนใบหน้า เช่นใต้ตา ร่องแก้ม มุมปาก คาง ขมับ จมูก ปาก แก้มตอบ - ฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม หลังฉีดหน้าเด็กแค่ไหน ทำไมบางคนทำแล้ว...
Reading Time: 6 minutes- การเตรียมตัวก่อนฉีด-หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม - เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแบบต่างๆ 4 แบบ - ฟิลเลอร์ร่องแก้ม vs ร้อยไหมก้างปลาดึงร่องแก้ม vs ร้อยไหมเติมเต็มร่องแก้ม vs Hifu ร่องแก้ม - ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนเหมาะกับร่องแก้มมากที่สุด และ จุดสังเกตุฟิลเลอร์ของแท้ยี่ห้อต่างๆ
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม? คำถามที่ทำให้หลายคนยังลังเลจะฉีดฟิ...
Reading Time: 2 minutes- ร้อยไหมหน้าเรียว ในกรุงเทพฯ ที่ไหนดี ? - ร้อยไหมหน้าเรียว ที่ไหนดี ? ก่อนร้อยไหมควรพิจารณาอะไรบ้าง ? - คลินิกร้อยไหมหน้าเรียวที่ได้มาตรฐาน สังเกตได้จากอะไร ? - วิธีการเลือกการร้อยไหมกับคลินิกร้อยไหม - ร้อยไหมหน้าเรียวกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ดีอย่างไร ?
