ฉีดวัคซีน HPV มีกี่ชนิด กี่แบบ เลือกแบบไหนป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Reading Time: 4 minutes

วัคซีน HPV คืออะไร ?

วัคซีน HPV

ในยุคที่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันได้รับความสำคัญมากขึ้น การรับวัคซีน HPV ถือเป็นวิธีช่วยป้องกันมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูกซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของผู้หญิงทั่วโลก

การรับวัคซีน HPV ไม่ใช่เพียงการปกป้องตนเองเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวครับ วัคซีน HPV สำคัญอย่างไร ? มีกี่ชนิด ? แต่ละชนิดมีข้อแตกต่างอย่างไร ? และควรเลือกชนิดไหนจึงจะเหมาะสม หมอรวมสาระสำคัญเกี่ยวกับฉีดวัคซีน hpv อย่างครบถ้วนมาไว้ให้แล้วในบทความนี้ครับ

สารบัญวัคซีน HPV


รู้จักวัคซีน HPV คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ ?

วัคซีน HPV (Human Papillomavirus Vaccine) คือวัคซีนที่พัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papillomavirus) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก รวมถึงมะเร็งและโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสชนิดนี้ครับ

ฉีดวัคซีน hpv (Human Papillomavirus Vaccine)

ไวรัส HPV สามารถติดเชื้อได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ไวรัสเอชพีวี มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ และมากกว่า 40 สายพันธุ์ก่อให้เกิดโรค โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ

  1. กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็ง (High-risk types) เช่น สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกประมาณ 70%
  2. กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ (Low-risk types) เช่น สายพันธุ์ 6 และ 11 ที่ทำให้เกิดหูดติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ความสำคัญของวัคซีน HPV อยู่ที่การป้องกันโรคได้ก่อนที่จะติดเชื้อ ทำให้ลดอัตราการเกิดมะเร็งปากมดลูกและโรคที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากการศึกษาวิจัยระดับโลกพบว่าวัคซีน HPV สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่อยู่ในวัคซีนได้มากกว่า 90% โดยมีการติดตามผลนานกว่า 10 ปี

HPV Vaccine
(วัคซีน HPV เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรคร้ายจาก HPV สาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก)

วัคซีน HPV มีกี่ชนิด ?

ปัจจุบันวัคซีน HPV ที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกมี 3 ชนิดหลัก ๆ ครับ โดยจำแนกตามจำนวนสายพันธุ์ของไวรัสที่สามารถป้องกันได้ ดังนี้

  • วัคซีนแบบ 2 สายพันธุ์ (Bivalent vaccine) ป้องกันไวรัส HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก วัคซีนชนิดนี้เน้นการป้องกันมะเร็งโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันมะเร็งปากมดลูกเป็นหลัก
  • วัคซีนแบบ 4 สายพันธุ์ (Quadrivalent vaccine) ป้องกันไวรัส HPV สายพันธุ์ 6, 11, 16 และ 18 นอกจากจะป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้เหมือนแบบ 2 สายพันธุ์แล้ว ยังช่วยป้องกันหูดติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Genital warts) ที่เกิดจากสายพันธุ์ 6 และ 11 อีกด้วย
  • วัคซีนแบบ 9 สายพันธุ์ (Nonavalent vaccine หรือ Gardasil 9) ป้องกันไวรัส HPV สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58 เป็นวัคซีนที่ให้การป้องกันกว้างขวางที่สุด สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ถึงประมาณ 90% และยังป้องกันหูดติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย ปัจจุบันวัคซีนแบบนี้ถือเป็นทางเลือกที่ได้รับการแนะนำมากที่สุดจากองค์กรสาธารณสุขโลก

วัคซีน HPV เหมาะกับใคร ?

วัคซีน HPV เหมาะสำหรับทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย โดยมีข้อแนะนำตามช่วงอายุดังนี้

  • ช่วงอายุที่แนะนำ องค์การอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานสาธารณสุขของไทยแนะนำให้เริ่มฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่อายุ 9-14 ปี เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด และยังไม่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ ทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพสูงสุด
  • วัยรุ่นและผู้ใหญ่ สามารถรับวัคซีนได้จนถึงอายุ 26 ปี หรือบางกรณีอาจให้ได้ถึง 45 ปี โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมเป็นรายบุคคล แม้จะเคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้วก็ยังได้ประโยชน์จากวัคซีน เพราะอาจยังไม่เคยติดเชื้อไวรัสทุกสายพันธุ์ที่วัคซีนป้องกัน
  • ผู้ที่มีประวัติติดเชื้อ HPV แม้จะเคยติดเชื้อ HPV มาก่อน ก็ยังสามารถรับวัคซีนได้ครับ เพราะวัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ยังไม่เคยสัมผัส

วัคซีน HPV ผู้ชายฉีดได้ไหม ?

ฉีดได้ครับ และหมอแนะนำให้ฉีดด้วย เนื่องจากผู้ชายก็มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV และเป็นพาหะนำโรคสู่คู่ครองได้เช่นกัน

วัคซีน hpv ผู้ชาย

ประโยชน์จากการฉีดวัคซีน HPV สำหรับผู้ชาย ได้แก่ การป้องกันหูดติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อวัยวะเพศ การลดความเสี่ยงต่อมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับ HPV เช่น มะเร็งทวารหนัก มะเร็งอวัยวะเพศ และมะเร็งช่องปากและลำคอ รวมถึงการช่วยลดการแพร่เชื้อไปยังคู่ครอง

แนะนำผู้ชายควรรับวัคซีนในช่วงอายุเดียวกับผู้หญิง คือ 9-26 ปี และอาจให้ได้จนถึง 45 ปี ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์


ข้อดีของวัคซีน HPV ช่วยป้องกันอะไรได้บ้าง ?

ประโยชน์วัคซีน HPV

วัคซีน HPV ให้การป้องกันที่หลากหลายมากกว่าแค่มะเร็งปากมดลูกครับ หมอขอสรุปข้อดีสำคัญดังนี้

  • ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการแนะนำให้เข้ารับการวัคซีน เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าวัคซีนแบบ 9 สายพันธุ์สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 90% หากได้รับวัคซีนก่อนมีเพศสัมพันธ์
  • ป้องกันมะเร็งชนิดอื่นอีกหลายชนิด อาทิมะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก มะเร็งอวัยวะเพศทั้งในผู้ชายและผู้หญิง และมะเร็งช่องปากและลำคอ ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อ HPV
  • ป้องกันหูดติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Genital warts) ซึ่งแม้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตใจของผู้ป่วย การฉีดวัคซีน HPV แบบ 4 และ 9 สายพันธุ์สามารถป้องกันหูดได้มากกว่า 90%
  • ลดอัตราการป่วยและการเสียชีวิต จากมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับ HPV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มที่รับวัคซีนก่อนมีเพศสัมพันธ์

วัคซีน HPV ต้องฉีดกี่ครั้ง กี่เข็ม ?

จำนวนครั้งในการฉีดวัคซีน HPV ขึ้นอยู่กับอายุที่เริ่มรับวัคซีน ซึ่งมีแนวทางดังนี้

ฉีดวัคซีน HPV ตอนไหนดี
  • ผู้ที่อายุ 9-14 ปี ต้องฉีด 2 เข็ม โดยเว้นระยะห่างระหว่างเข็มแรกและเข็มที่สอง 6-12 เดือน การศึกษาพบว่าในช่วงอายุนี้ ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีมาก จึงต้องฉีดเพียง 2 เข็มก็ให้การป้องกันที่เพียงพอแล้ว
  • ผู้ที่อายุ 15-45 ปี ต้องฉีด 3 เข็ม ตามกำหนด 0, 1-2, และ 6 เดือน โดยฉีดเข็มแรกวันแรก ฉีดเข็มที่สองหลังจากเข็มแรก 1-2 เดือน และฉีดเข็มที่สามหลังจากเข็มแรก 6 เดือน
  • กรณีพิเศษ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือผู้ติดเชื้อ HIV แนะนำให้ฉีด 3 เข็มไม่ว่าจะอายุเท่าไร เพื่อให้ได้ภูมิคุ้มกันที่เพียงพอ

สิ่งสำคัญคือการฉีดวัคซีนให้ครบตามจำนวนเข็มที่แนะนำ เพราะการฉีดไม่ครบอาจทำให้ภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอและลดประสิทธิภาพในการป้องกันโรค


วัคซีน HPV ต้องฉีดกระตุ้นหรือไม่ ?

ตามข้อมูลวิจัยและแนวทางปฏิบัติปัจจุบัน หลังฉีดวัคซีน HPV ครบแล้ว ไม่จำเป็นต้องฉีดกระตุ้นครับ โดยภูมิคุ้มกันจากวัคซีนจะสามารถอยู่ในร่างกายในระดับที่ให้การป้องกันได้ดีนานมากกว่า 10 ปี และมีแนวโน้มว่าอาจคงอยู่ได้ตลอดชีวิต ซึ่งต่างจากวัคซีนบางชนิดที่ต้องฉีดกระตุ้นเป็นระยะ


อาการข้างเคียงของวัคซีน HPV มีอะไรบ้าง ?

วัคซีน HPV ถือว่าปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีอาการข้างเคียงบ้างเหมือนวัคซีนชนิดอื่น ๆ (ควรสังเกตอาการหลังฉีดวัคซีน แต่ละครั้งประมาณ 15-30 นาที) โดยอาการข้างเคียงส่วนใหญ่ที่พบได้จะเป็นอาการเล็กน้อยและหายเองภายในไม่กี่วัน เช่น

  • ปวด แดง หรือบวมบริเวณที่ฉีด เป็นอาการที่พบมากที่สุด เนื่องจากวิธีการฉีดวัคซีน HPV เป็นการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (Intramuscular injection) โดยทั่วไปฉีดที่กล้ามเนื้อต้นแขน (Deltoid muscle) จะทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้มักเกิดในวันแรกหลังฉีดและค่อย ๆ ดีขึ้นใน 1-3 วัน
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หรือปวดศีรษะเล็กน้อย มักเกิดในวันแรกหลังฉีด สามารถบรรเทาได้ด้วยการพักผ่อนเพียงพอและดื่มน้ำมาก ๆ ในบางเคสอาจมีไข้เล็กน้อยมักหายเองภายใน 1-2 วัน

ผู้ที่ไม่ควรรับวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV

ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน HPV ในกลุ่มคนบางกลุ่มที่ควรงดหรือเลื่อนการรับวัคซีน ได้แก่

  • หญิงตั้งครรภ์ แม้ไม่มีหลักฐานว่าวัคซีน HPV จะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ แต่เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้เลื่อนการฉีดออกไปจนกว่าจะคลอดบุตรแล้ว หากตั้งครรภ์หลังฉีดเข็มแรกหรือเข็มที่สองไปแล้ว ให้เลื่อนการฉีดเข็มถัดไปจนกว่าจะคลอดบุตร
  • ผู้ที่อยู่ในภาะเจ็บป่วย เช่น มีไข้สูง เป็นหวัดหรือมีการติดเชื้ออื่น ๆ ควรรอให้อาการดีขึ้นก่อนจึงค่อยมาฉีดวัคซีนครับ

ในกรณีที่มีโรคประจำตัวหรือไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนรับวัคซีนเสมอครับ


ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีน HPV

การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้การรับวัคซีนเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย แนะนำดังนี้

ก่อนฉีด

  • พักผ่อนให้เพียงพอ ทำร่างกายให้อบอุ่นและแข็งแรง
  • แจ้งแพทย์ หากมีประวัติแพ้วัคซีนหรือยาใด ๆ มาก่อน มีโรคประจำตัว หรือกำลังรับประทานยาอยู่ สำหรับสตรีควรแจ้งหากกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนตั้งครรภ์
  • หากมีอาการป่วย มีไข้ ควรเลื่อนการนัดฉีดไปก่อน

ขั้นตอนระหว่างฉีด

  • แพทย์จะฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อที่ต้นแขน ใช้เวลาสั้นเพียง 2-3 นาที
  • หลังฉีดจะมีให้พักสังเกตอาการ 15-30 นาที เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่
  • หากไม่พบความผิดปกติ สามารถกลับบ้านได้ และนัดหมายกำหนดรับวัคซีนเข็มถัดไป

ข้อแนะนำการปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน HPV

  • ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก หลีกเลี่ยงการออกแรงหนักหรือออกกำลังกายหนัก พักผ่อนให้เพียงพอ หากมีอาการปวดหรือบวมบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ 10-15 นาที หลายครั้งตามต้องการ
  • หากมีอาการปวดบริเวณที่ฉีด ปวดกล้ามเนื้อ หรือมีไข้เล็กน้อย สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ ตามความจำเป็น (ไม่แนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดก่อนฉีดวัคซีน)
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังฉีดวัคซีน

ฉีดวัคซีน HPV ราคาเท่าไหร่ ?

ราคาวัคซีน HPV แตกต่างกันไปตามชนิดของวัคซีนและสถานที่ให้บริการ ข้อมูลโดยประมาณดังนี้

  • วัคซีนแบบ 2 สายพันธุ์ มีราคาประมาณ 2,000-3,500 บาทต่อเข็ม
  • วัคซีนแบบ 4 สายพันธุ์ มีราคาประมาณ 2,500-4,000 บาทต่อเข็ม
  • วัคซีนแบบ 9 สายพันธุ์ เป็นวัคซีนที่ให้การป้องกันที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ราคาประมาณ 5,000-7,500 บาทต่อเข็ม

แม้ราคาวัคซีนจะไม่ถูก แต่เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งปากมดลูกซึ่งสูงมากและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การลงทุนในวัคซีนถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่งครับ


ข้อพิจารณาในการเลือกฉีดวัคซีน HPV ที่ไหนดี ?

การเลือกสถานที่รับวัคซีน HPV ที่เหมาะสมมีความสำคัญต่อการได้รับบริการที่มีคุณภาพและปลอดภัยหมอมีข้อแนะนำดังนี้

  • ความน่าเชื่อถือและใบอนุญาต ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข มีแพทย์หรือพยาบาลที่มีประสบการณ์ในการให้วัคซีน และมีระบบการจัดเก็บวัคซีนที่เหมาะสม เพราะวัคซีนต้องเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อคงประสิทธิภาพครับ
  • ความสะดวก ควรพิจารณาเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีทำเลที่ตั้งที่สะดวกต่อการเดินทาง เพราะต้องไปฉีดหลายครั้ง และมีระบบการนัดหมายที่ชัดเจน
  • ราคาและความคุ้มค่า เปรียบเทียบราคาจากหลายแห่ง แต่ไม่ควรตัดสินใจจากราคาถูกเพียงอย่างเดียว ควรพิจารณาคุณภาพการบริการด้วย
  • คุณภาพการให้บริการและคำปรึกษา คลินิกที่ดีควรมีการให้คำปรึกษาก่อนและหลังฉีดวัคซีน ตอบคำถามได้ชัดเจน มีการบันทึกประวัติการฉีดวัคซีนอย่างเป็นระบบ และมีการติดตามผลหลังฉีด
  • ความพร้อมในการดูแลฉุกเฉิน ควรคลินิกที่มีความพร้อมจัดการกับอาการแพ้ฉุกเฉินได้ มีอุปกรณ์และยาฉุกเฉินครบถ้วน แม้โอกาสเกิดอาการแพ้รุนแรงจะน้อยมาก แต่การมีความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญ
  • ตัวเลือกชนิดของวัคซีน บางสถานที่อาจมีวัคซีนเพียงบางชนิด ถ้าต้องการวัคซีนชนิดใดเฉพาะ ควรสอบถามก่อนไปใช้บริการ ปัจจุบันวัคซีนแบบ 9 สายพันธุ์เป็นที่แนะนำมากที่สุดครับ

คำถามที่พบบ่อย (Q&A) เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน HPV

จำเป็นต้องตรวจภายในก่อนรับวัคซีนหรือไม่ ?

ไม่จำเป็นต้องตรวจภายในหรือตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกก่อนรับวัคซีน HPV วัคซีนครับ โดยการฉีดวัคซีน HPV เป็นการป้องกันล่วงหน้า ส่วนการตรวจคัดกรองเป็นการตรวจหารอยโรคที่อาจมีอยู่แล้ว ทั้งสองอย่างมีวัตถุประสงค์ต่างกัน และควรทำควบคู่กันในผู้ที่มีอายุเหมาะสม

วัคซีนสามารถให้ในสตรีให้นมบุตรได้หรือไม่ ?

วัคซีน HPV สามารถฉีดในสตรีที่กำลังให้นมบุตรได้อย่างปลอดภัย ไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนจะส่งผลเสียต่อแม่หรือทารกที่กินนมแม่

การศึกษาพบว่าวัคซีน HPV ไม่ผ่านไปในน้ำนมมารดา และไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพหรือปริมาณน้ำนม ดังนั้นหากคนไข้กำลังให้นมบุตรอยู่และต้องการฉีดวัคซีน HPV สามารถทำได้โดยไม่ต้องหยุดให้นม

อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนในขณะตั้งครรภ์ หากมีการวางแผนที่จะฉีดวัคซีนหลายเข็ม ควรวางแผนให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้ตรงกับช่วงการวางแผนตั้งครรภ์ครั้งถัดไป แต่หากตั้งครรภ์ระหว่างการฉีดวัคซีนแล้ว ก็สามารถฉีดเข็มที่เหลือต่อได้หลังคลอดและระหว่างให้นมบุตรได้ครับ

การฉีดวัคซีน HPV ป้องกันโรคได้นานแค่ไหน ?

จากการศึกษาวิจัยติดตามระยะยาว วัคซีน HPV ให้ภูมิคุ้มกันที่ยาวนานมาก โดยพบว่าภูมิคุ้มกันยังคงอยู่ในระดับที่ให้การป้องกันได้ดีนานมากกว่า 10 ปีอย่างแน่นอน และมีแนวโน้มว่าอาจคงอยู่ได้ตลอดชีวิต

จึงเป็นเหตุผลที่องค์การอนามัยโลกและหน่วยงานกำกับดูแลด้านสาธารณสุขของหลายประเทศไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน HPV กระตุ้นในขณะนี้ เพราะภูมิคุ้มกันจากการฉีดครบตามจำนวนเข็มที่แนะนำนั้นคงทนยาวนานพอแล้วครับ

ได้รับวัคซีนเอชพีวียังต้องมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกไหม ?

ยังต้องตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอครับ แม้ว่าจะได้รับวัคซีน HPV แล้ว หมอยังคงแนะนำให้เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตามช่วงเวลาที่แพทย์แนะนำ

เหตุผลคือวัคซีน HPV โดยเฉพาะชนิด 9 สายพันธุ์จะป้องกันไวรัสที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 90% แต่ยังมีไวรัสสายพันธุ์อื่น ๆ อีกประมาณ 10% ที่วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้

สิ่งที่ควรทำความเข้าใจคือ วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสใหม่ แต่ไม่สามารถรักษาการติดเชื้อที่มีอยู่แล้วก่อนการฉีดวัคซีนได้ การฉีดวัคซีนหลังมีเพศสัมพันธ์แล้วอาจมีโอกาสติดเชื้อมาก่อนได้ และไม่มีวิธีป้องกันใดที่ได้ผล 100% ครับ

ดังนั้น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอจึงยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ โดยทั่วไปแนะนำให้เริ่มตรวจคัดกรองเมื่ออายุ 25-30 ปี (ขึ้นกับแนวทางของแต่ละประเทศ) และการรับวัคซีน HPV ควบคู่กับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจะให้การป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ดีที่สุด

หากฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกทั้งแบบ 2, 4 สายพันธุ์ครบทั้ง 3 เข็มแล้ว จำเป็นต้องฉีดแบบ 9 สายพันธุ์เพิ่มไหม ?

ไม่จำเป็นต้องฉีดเพิ่ม แต่อาจพิจารณาได้ในบางกรณี หากคนไข้ได้รับวัคซีนแบบ 2 หรือ 4 สายพันธุ์ครบทั้ง 3 เข็มแล้ว คนไข้จะได้รับการป้องกันไวรัส HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกประมาณ 70% อยู่แล้ว และหากฉีดแบบ 4 สายพันธุ์ ยังได้การป้องกันหูดติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย

การฉีดวัคซีนแบบ 9 สายพันธุ์ (Gardasil 9) เพิ่ม จะให้การป้องกันไวรัสอีก 5 สายพันธุ์ (31, 33, 45, 52, 58) ซึ่งรวมกันแล้วเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกอีกประมาณ 20%

กรณีที่อาจพิจารณาฉีดวัคซีนแบบ 9 สายพันธุ์เพิ่ม

  • ยังอยู่ในวัยที่ได้ประโยชน์จากวัคซีน (โดยเฉพาะอายุน้อยกว่า 26 ปี)
  • ต้องการการป้องกันที่ครอบคลุมมากขึ้น
  • ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์หรือมีคู่ครองเพียงคนเดียว (โอกาสติดเชื้อสายพันธุ์อื่นยังน้อย)
  • พร้อมที่จะรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

หากมีข้อสงสัยเฉพาะกรณีของตนเอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์

เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ฉีดวัคซีน HPV ได้ไหม ?

ฉีดได้ครับ หลายคนอาจจะคิดว่าเคยเพศสัมพันธ์แล้วจะฉีดวัคซีน HPV ไม่ได้หรือไม่มีประโยชน์ ซึ่งไม่ถูกต้องครับ เหตุผลที่ยังฉีดได้และควรฉีดคือ ไวรัส HPV มีหลายสายพันธุ์ แม้จะเคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว โอกาสที่จะติดเชื้อ HPV ทุกสายพันธุ์พร้อมกันนั้นเป็นไปได้ยากมาก ดังนั้นการเข้ารับการวัคซีน HPV จะช่วยป้องกันสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยสัมผัสครับ


สรุปฉีดวัคซีน HPV ลดเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก

จากข้อมูลที่หมอให้ไว้ทั้งหมด จะเห็นว่าวัคซีน HPV เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกและโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัส HPV ปัจจุบันมีวัคซีน 3 ชนิดให้เลือก คือ แบบ 2, 4 และ 9 สายพันธุ์ โดยวัคซีนแบบ 9 สายพันธุ์ให้การป้องกันอย่างครอบคลุม สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 90% และยังป้องกันหูดติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วยครับ

สิ่งสำคัญที่สุดคือการรับวัคซีนให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในช่วงอายุ 9-14 ปี ก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก เพราะจะให้ประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม แม้จะอายุมากกว่านี้หรือเคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ยังได้ประโยชน์จากวัคซีน และไม่ควรลังเลที่จะรับวัคซีนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ได้ภูมิคุ้มกันที่เพียงพอ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม V Square Clinic พร้อมให้คำแนะนำครับ


อ้างอิง


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
ปรึกษาหมอ

สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ

บทความแนะนำ

Gentle YAG Laser คืออะไร ? ทำงานอย่างไร ? เหมาะกับใครบ้าง ?

Reading Time: 4 minutesGentle YAG คือเลเซอร์ Nd:YAG 1064 nm ที่ถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดขนอย่างอ่อนโยน โดยเฉพาะผิวแทน-ผิวคล้ำ เพราะมีระบบทำความเย็น Dynamic Cooling Device (DCD) ที่ช่วยลดการระคายเคืองและลดความเสี่ยงผิวไหม้ บทความนี้หมอจะอธิบายข้อดี ข้อจำกัด กลไกทางการแพทย์ และเปรียบเทียบกับ Nd:YAG รุ่นใหม่ ๆ

December 19, 2025 อ่านต่อ

Diode Laser VS YAG เลือกแบบไหนดี ? กำจัดขนเห็นผลชัด ปลอดภ...

Reading Time: 4 minutesDiode Laser VS YAG ต่างกันอย่างไร ? เครื่องเลเซอร์แบบไหนดีกว่ากัน ? แม้ว่าจะสามารถกำจัดขนได้เหมือนกันทั้งคู่ แต่ในแง่ของพลังงาน ความยาวคลื่น ตำแหน่งกำจัดขนที่เหมาะสม รวมถึงสีขน สีผิว มีความแตกต่างกันครับ มาดูความแตกต่างระหว่าง Diode Laser VS YAG คืออะไร ? ข้อดี ข้อจำกัด ทำอันไหนเจ็บน้อยกว่า ?

Rejuvenation Laser ตัวช่วยฟื้นฟูผิว ลดจุดด่างดำ ปรับผิวใส

Reading Time: 4 minutesปัจจุบันผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลผิวให้ดูอ่อนเยาว์ กระจ่างใส และเรียบเนียนมากขึ้น โดยเฉพาะผิวหน้า ใครที่กำลังมองหาวิธีทำให้หน้าใส ฟื้นฟูผิวหน้าที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน Rejuvenation Laser เป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ครับ เพราะด้วยนวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก

ฉีดฟิลเลอร์หว่างคิ้ว คืออะไร ? ปลอดภัยจริงหรือ ? ข้อควรรู...

Reading Time: 4 minutesฉีดฟิลเลอร์หว่างคิ้ว เพื่อลดเลือนริ้วรอยร่องลึก อาจเป็นหนึ่งในหัตถการเพื่อความงามที่หลายคนให้ความสนใจ แต่รู้หรือไม่ว่า การฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณนี้เป็นจุดที่มีความเสี่ยง จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่ากับการฉีดในตำแหน่งอื่น ๆ ครับ สำหรับใครที่มีร่องลึก รอยย่น รอยขมวดคิ้ว อยากลดริ้วรอยให้หน้าเด็ก แบบปลอดภัย

แฟตนมน้อย คืออะไร ? ฉีดตำแหน่งไหน ? ไขมันลดกี่เปอร์เซ็นต์...

Reading Time: 4 minutesแฟตนมน้อย หรือ Meso Fat นมน้อย เป็นวิธีที่ช่วยสลายไขมันเฉพาะจุดโดยไม่ต้องผ่าตัด แก้ปัญหานมน้อยหรือเนื้อด้านข้างรักแร้ที่ปลิ้นออกมาระหว่างเต้านมกับรักแร้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่หลายคนกังวลครับ แม้ในคนที่มีน้ำหนักปกติ ก็มีนมน้อยได้บทความนี้หมอจะอธิบายเกี่ยวกับแฟตนมน้อย คืออะไร ? ฉีดแฟตนมน้อย ดีไหม ?

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า