ร้อยไหมกับฟิลเลอร์ เลือกทำอะไรดี ?
การร้อยไหมกับฟิลเลอร์ ทั้งสองหัตถการมีความแตกต่างกัน ทั้งกระบวนการทำและผลลัพธ์ครับ สำหรับใครที่กำลังศึกษาและเปรียบเทียบระหว่างสองหัตถการนี้ ในบทความนี้หมอจะมาอธิบายข้อแตกต่าง รวมถึงคุณสมบัติเด่นของการร้อยไหมกับการฉีดฟิลเลอร์ว่าใช้ทำอะไร ? เหมาะกับใคร บ้าง? ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้างครับ
สารบัญ ร้อยไหมกับฟิลเลอร์
ทำความรู้จัก ร้อยไหมกับฟิลเลอร์ คืออะไร ?
ก่อนจะเปรียบเทียบความแตกต่าง เรามาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่า ร้อยไหมกับฟิลเลอร์คืออะไร และแต่ละอย่างช่วยแก้ปัญหาแบบไหน
ร้อยไหม (Thread Lift) คืออะไร ?
ร้อยไหม คือ หัตถการยกกระชับผิวโดยใช้เส้นไหมละลายสอดเข้าไปใต้ผิว เพื่อช่วยดึงยกผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาตึงกระชับขึ้น พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาแก้มตก กรอบหน้าไม่ชัด หน้าหย่อนคล้อยมาก ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวโดยไม่ต้องผ่าตัดครับ
ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ คือการฉีดสารเติมเต็มชนิด Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปในชั้นผิว เพื่อช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มวอลลุ่มในบริเวณที่ขาด เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ คาง หรือริมฝีปาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูอิ่มฟู มีมิติ และลดความโทรมโดยไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลทันทีหลังทำครับ
เปรียบเทียบ ร้อยไหม VS ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร ?
ร้อยไหมกับฟิลเลอร์ ทั้งสองหัตถการทำงานคนละจุดและให้ผลลัพธ์ต่างกัน หมอจะเปรียบเทียบความต่างให้เห็นกันชัด ๆ ดังนี้ครับ
| ข้อเปรียบเทียบ | ร้อยไหม | ฟิลเลอร์ |
|---|---|---|
| จุดประสงค์หลัก | ปรับหน้าเรียว ยกผิวที่หย่อนคล้อย ให้กลับมาตึงกระชับขึ้น | เติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มให้ผิว |
| เหมาะกับปัญหา | ผิวหย่อนคล้อย แก้มตก แก้มห้อย กรอบหน้าไม่ชัด | หน้าขาดวอลลุ่ม มีร่องลึก ริ้วรอย หน้าไม่ได้สักส่วน |
| ผลลัพธ์ที่ได้ | หน้ายกกระชับ เรียวขึ้น ดูแน่นกระชับ | ใบหน้าอิ่มฟู ดูอ่อนเยาว์และมีมิติ |
| ระยะเวลาเห็นผล | เห็นผลทันที 20-30% และเข้าที่ใน 2-4 สัปดาห์ | เห็นผลทันทีหลังทำ 80% เห็นผลชัดขึ้นใน 2 สัปดาห์ |
| ระยะพักฟื้น | พักฟื้นน้อย อาจบวมเล็กน้อย 2–3 วัน | แทบไม่ต้องพักฟื้น อาจมีรอยเข็มเล็กน้อย |
| อยู่ได้นาน | ประมาณ 8 เดือน -1 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดไหมและการดูแล | ประมาณ 6-24 เดือน แล้วแต่ยี่ห้อและบริเวณที่ฉีด |
โดยสรุปแล้ว
- ร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าให้เห็นผลรวดเร็ว
- ฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มร่องลึกหรือเพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้าดูอิ่มฟูมากขึ้น
หากต้องการปรับรูปหน้าให้ทั้งยกและเติม แพทย์อาจแนะนำให้ทำ ร้อยไหมร่วมกับฟิลเลอร์ เพื่อช่วยยกกระชับและคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติและคงผลลัพธ์ได้นานยิ่งขึ้นครับ
อยากปรับหน้าเรียว ระหว่างร้อยไหมกับฟิลเลอร์ เลือกทำอะไรดี ?
ก่อนเลือกว่าควรร้อยไหมหรือฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ
การเลือกหัตถการเพื่อปรับหน้าเรียวขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาของแต่ละคนครับ
- ถ้าใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย แก้มตก กรอบหน้าไม่ชัด เหมาะกับร้อยไหม เพราะเส้นไหมจะช่วยยกพยุงเนื้อเยื่อใต้ผิวให้กระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เห็นแนวกรอบหน้าชัดขึ้นทันทีหลังทำ
- แต่ถ้าใบหน้าตอบ หรือขาดวอลลุ่มบางจุด เช่น แก้มตอบ ใต้ตา ขมับลึก คางสั้น เหมาะกับฟิลเลอร์ เพราะช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าดูอิ่มฟูและมีมิติสมดุลมากขึ้น
ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ ทำร่วมกัน ทั้งร้อยไหมและฟิลเลอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทั้ง “ยกและเติม” พร้อมกัน ใบหน้าจะดูเรียวขึ้นและอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติครับ
ร้อยไหมกับฟิลเลอร์ ทำคู่กันได้ไหม ?
สำหรับการร้อยไหมกับฟิลเลอร์ สามารถทำควบคู่กันได้ครับ ไม่จำเป็นต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น คนไข้ที่มีปัญหาร่องใต้ตาลึกก็แก้ไขด้วยฟิลเลอร์ ควบคู่ไปกับการร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้า การทำทั้งสองอย่างนี้จะช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติครับ
ไม่อยากฉีดฟิลเลอร์ กลัวอันตราย ร้อยไหมแทนได้ไหม ?
ได้ในบางกรณีครับ เพราะร้อยไหมกับฟิลเลอร์แก้ปัญหาคนละแบบ
- ร้อยไหมแทนได้ เมื่อปัญหาหลักคือ ผิวหย่อนคล้อย/แก้มตก/กรอบหน้าไม่ชัด ต้องการยกกระชับให้หน้าเรียวคมขึ้น
- ร้อยไหมแทนไม่ได้ เมื่อปัญหาหลักคือ ขาดวอลลุ่ม/หน้าโทรม เช่น ใต้ตาลึก ร่องแก้มลึก ขมับยุบ ริมฝีปากบาง หรือคางสั้น กรณีนี้ต้องใช้ฟิลเลอร์ ซึ่งการร้อยไหมไม่สามารถเติมเต็มปริมาตรได้
สรุป ถ้ากลัวฟิลเลอร์แต่ต้องการยกหน้า สามารถร้อยไหมแทนได้ครับ แต่ถ้าต้องการเติมเต็ม หมอแนะนำฟิลเลอร์ครับ เพราะไม่สามารถใช้ไหมแทนได้ หรือถ้ากลัวฟิลเลอร์จริง ๆ สามารถทำพวกเครื่องยกกระชับ เช่น Ulthera / HIFU / Thermage / Volnewmer ก็จะช่วยยกหน้าได้เหมือนกันครับ เหมาะกับคนที่กลัวเข็ม กลัวบวม ไม่มีเวลาพักฟื้น
แนะนำเครื่องยกกระชับ ทางเลือกสำหรับคนกลัวเข็ม ไม่มีเวลาพักฟื้น
สำหรับคนที่กลัวการร้อยไหมกับฉีดฟิลเลอร์ ไม่สะดวกพักฟื้น สามารถทำพวกเครื่องยกกระชับผิวแทนได้ครับ เครื่องเหล่านี้ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น ยกกรอบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยแต่ละเครื่องจะมีจุดเด่นแตกต่างกันดังนี้
Ulthera ยกกระชับลึกถึงชั้น SMAS ด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์
Ulthera SPT / Ulthera Prime เครื่องยกกระชับผิวที่ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ (Microfocused Ultrasound) ที่ส่งพลังงานลงถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ผ่าตัดดึงหน้า จึงให้ผลการยกกระชับชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่มีผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง ต้องการกรอบหน้าชัดขึ้น เห็นผลชัดสุดใน 2-3 เดือน และอยู่ได้นานราว 1 ปีครับ
HIFU ตัวเลือกยอดนิยม ยกกระชับเบา ๆ สำหรับคนเริ่มมีความหย่อนคล้อย
Ultraformer MPT / Ultraformer III (Hifu) ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์เฉพาะเจาะลง ยิงเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว เหมาะกับผู้ที่ผิวเริ่มหย่อนเล็กน้อย ผลลัพธ์คือผิวแน่นขึ้น หน้าเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เห็นผลภายใน 1-2 เดือน อยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน และไม่ต้องพักฟื้นครับ
Thermage กระชับ ลดไขมันหน้า ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF)
Thermage FLX ใช้พลังงาน Radio Frequency (RF) ส่งความร้อนลงสู่ชั้นหนังแท้ เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ทั่วใบหน้า เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยมาก โดยเฉพาะบริเวณแก้มและรอบดวงตา ให้ผิวเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น ลดเหนียง ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 2-3 เดือน และอยู่ได้นานถึง 1 ปีครับ
Volnewmer ปรับหน้าเรียว ด้วยพลังงาน Hybrid RF + Ultrasound
Volnewmer เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่รวมพลังงาน RF และ Ultrasound ในเครื่องเดียว ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ทั้งชั้นลึกและตื้นในคราวเดียว เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลยกกระชับทั่วหน้าโดยไม่เจ็บและไม่ต้องพักฟื้น ให้ผลผิวแน่น ยกชัดขึ้นใน 1-2 เดือน และอยู่ได้นาน 6-8 เดือน
สรุป สำหรับคนที่ไม่อยากฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหม แต่ต้องการยกกระชับผิวให้ดูเรียวขึ้นการทำ Ulthera, HIFU, Thermage และ Volnewmer ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องพักฟื้น และให้ผลยกผิวได้ใกล้เคียงกับการผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ผิวยกกระชับเรียบเนียนขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ
สรุป ร้อยไหมกับฟิลเลอร์ เลือกทำอะไรดี ?
การร้อยไหมกับฟิลเลอร์ ทั้ง 2 หัตถการสามารถช่วยปรับรูปหน้าได้เหมือนกัน แต่เป้าหมายการทำต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาของคนไข้ เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงาม และสามารถแก้ไขปัญหาได้ถูกจุด หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์การปรับรูปหน้า แนะนำหัตถการที่เหมาะสมให้เป็นรายบุคคล ทั้งนี้สามารถทำทั้ง 2 หัตถการร่วมกันได้ครับ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น


