แนะนำตารางฉีดปากกาลดน้ำหนัก
ตารางฉีดปากกาลดน้ำหนัก คือแนวทางสำคัญที่ช่วยให้การใช้ปากกาลดน้ำหนักเห็นผลอย่างต่อเนื่องและปลอดภัย เพราะแต่ละตัวยาจะมีรอบการฉีดและการปรับขนาดยาที่ต่างกัน เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัวและลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นครับ
บทความนี้หมอจะมาอธิบายว่า ตารางฉีดปากกาลดน้ำหนักที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร ? ขนาดยาเริ่มต้นอยู่ที่เท่าไหร่ ? ฉีดเองได้ไหม ? ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน ? รวมถึงหลังฉีดมีข้อควรปฏิบัติอย่างไร ? เพื่อให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างปลอดภัย เห็นผลจริง และลดความเสี่ยงจากการใช้ยาอย่างไม่ถูกวิธีครับ
สารบัญ ตารางฉีดปากกาลดน้ำหนัก
วิธีใช้ปากกาลดน้ำหนักให้ปลอดภัย
ก่อนจะไปดูตารางฉีดปากกาลดน้ำหนัก สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ วิธีการใช้ปากกาลดน้ำหนักให้ถูกต้องและปลอดภัยครับ เพราะการฉีดที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือเกิดอาการข้างเคียงได้
โดยทั่วไป การใช้ปากกาลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะมีขั้นตอนดังนี้ครับ

- แพทย์ซักประวัติสุขภาพ เช่น โรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา แพ้อาหาร รวมถึงปัญหาระบบย่อยอาหาร เช่น ท้องผูกหรือแน่นท้อง ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงแรกของการใช้ปากกาลดน้ำหนัก
- ตรวจสุขภาพเบื้องต้น เช่น วัดความดันโลหิต เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกาย
- วัดสัดส่วนร่างกาย ได้แก่ น้ำหนัก ส่วนสูง รอบเอว รอบสะโพก
- เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม โดยใช้ปากกาและเข็มใหม่ที่สะอาดทุกครั้ง
- เลือกตำแหน่งฉีดที่เหมาะสม เช่น หน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา และสลับตำแหน่งฉีดทุกครั้ง เพื่อลดโอกาสระคายเคืองหรือรอยช้ำ
- ทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีดด้วยสำลีแอลกอฮอล์ จับผิวยกขึ้นเล็กน้อย แล้วปักเข็มตั้งฉาก 90 องศา กดให้ยาค่อย ๆ เข้าผิวหนัง ค้างไว้ประมาณ 6 วินาที แล้วดึงเข็มออก
- ถอดเข็มออกจากตัวปากกา แล้วทิ้งในภาชนะที่ปลอดภัย
ตารางฉีดปากกาลดน้ำหนักแต่ละสัปดาห์
จากตารางฉีดปากกาลดน้ำหนักด้านล่างนี้ จะเห็นว่าตัวยาที่ออกฤทธิ์แต่ละตัวมีช่วงเวลาความถี่ในการฉีดไม่เหมือนกันและขนาดยาที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ
| ตัวยาสำคัญ | ความถี่ในการฉีด | สัปดาห์ที่ 1-4 | สัปดาห์ที่ 5-8 | สัปดาห์ที่ 9-12 | สัปดาห์ที่ 13-16 | สัปดาห์ที่ 17 ขึ้นไป |
|---|---|---|---|---|---|---|
| Semaglutide | สัปดาห์ละครั้ง | ใช้ 0.25 mg | ใช้ 0.5 mg | ใช้ 1 mg | ใช้ 1.7 mg | ใช้ 2.4 mg |
| Tirzepatide | สัปดาห์ละครั้ง | ใช้ 2.5 mg | ใช้ 5 mg | ใช้ 7.5 mg | ใช้ 10 mg | ใช้ 12.5 mg |
| Liraglutide | วันละครั้ง | สัปดาห์ที่ 1ใช้ 0.6 mg | สัปดาห์ที่ 2ใช้ 1.2 mg | สัปดาห์ที่ 3ใช้ 1.8 mg | สัปดาห์ที่ 4ใช้ 2.4 mg | สัปดาห์ที่ 5ใช้ 3 mg |
การใช้ปากกาลดน้ำหนักทุกชนิด จำเป็นต้องปรับขนาดยาอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากขนาดต่ำก่อน แล้วเพิ่มทีละขั้นตามแผนการรักษา เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัว ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง และคงประสิทธิภาพของยาได้ดีที่สุด ซึ่งทั้งหมดแนะนำให้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้นครับ
การปรับขนาดยาปากกาลดน้ำหนักไม่ควรทำด้วยตนเอง ควรให้แพทย์เป็นผู้แนะนำและควบคุมการปรับยา หรืออย่างน้อยจนกว่าจะสามารถปรับระดับยาให้เหมาะสมกับร่างกายได้อย่างคงที่ครับ
ปากกาลดน้ำหนักฉีดเองได้ไหม ? ทำไมถึงควรฉีดกับหมอ ?
แม้ปากกาลดน้ำหนักจะออกแบบมาให้คนไข้สามารถฉีดเองได้ แต่เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ครับ
เพราะการใช้ยาฉีดลดน้ำหนักไม่ใช่แค่กดปากกาเท่านั้น แต่ต้องผ่านการประเมินสุขภาพและปรับขนาดยาให้เหมาะกับร่างกายของแต่ละคน และหากฉีดเองที่บ้านอาจลืมฉีดหรือฉีดไม่ตรงตามแผน ทำให้ผลลัพธ์ไม่ต่อเนื่องและต้องเริ่มตารางใหม่ตั้งแต่ต้น
ดังนั้น การฉีดปากกาลดน้ำหนักที่คลินิกภายใต้การดูแลของแพทย์จึงปลอดภัยกว่า แพทย์สามารถวางแผนและปรับตารางฉีดปากกาลดน้ำหนักให้เหมาะสมกับร่างกายแต่ละคน ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง และเพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักให้เห็นผลชัดเจนและปลอดภัยครับ
ตัวยาปากกาลดน้ำหนักแต่ละชนิด ใช้ต่างกันไหม ?
ปากกาฉีดลดน้ำหนักในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละยี่ห้อมีตัวยาออกฤทธิ์ต่างกัน ได้แก่ กลุ่ม Semaglutide กลุ่ม Tirzepatide และกลุ่ม Liraglutide ส่งผลให้ความถี่ในการฉีดและขนาดยาที่ใช้แตกต่างกันครับ
กลุ่ม Semaglutide

- ตัวยาออกฤทธิ์ : Semaglutide เลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 receptor agonist
- ความถี่ในการฉีด : สัปดาห์ละครั้ง
- ขนาดยาเริ่มต้น : 0.25 mg/สัปดาห์ และปรับเพิ่มได้ถึง 2.4 mg/สัปดาห์ ตามคำแนะนำของแพทย์
- ยี่ห้อที่ใช้ตัวยากลุ่มนี้ : Wegovy, Ozempic
กลุ่ม Tirzepatide

- ตัวยาออกฤทธิ์ : Tirzepatide กระตุ้นทั้ง GLP-1 และ GIP receptor (Dual agonist)
- ความถี่ในการฉีด : สัปดาห์ละครั้ง
- ขนาดยาเริ่มต้น : 2.5 mg/สัปดาห์ และสามารถปรับเพิ่มได้ตามแผนการรักษาของแพทย์
- ยี่ห้อที่ใช้ตัวยากลุ่มนี้ : Mounjaro
กลุ่ม Liraglutide
- ตัวยาออกฤทธิ์ : Liraglutide เลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 receptor agonist
- ความถี่ในการฉีด : วันละครั้ง
- ขนาดยาเริ่มต้น : 0.6 mg/วัน และค่อย ๆ ปรับเพิ่มเป็น 3.0 mg/วัน ตามดุลยพินิจของแพทย์
- ยี่ห้อที่ใช้ตัวยากลุ่มนี้ : Saxenda
การใช้ปากกาลดน้ำหนักจะค่อย ๆ มีการปรับขนาดยา เพื่อให้ร่างกายปรับตัวและลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีตารางฉีดปากกาลดน้ำหนักในแต่ละสัปดาห์ เพื่อใช้กำหนดแนวทางการปรับขนาดยาในแต่ละช่วงอย่างเหมาะสมและปลอดภัยครับ
ข้อควรปฏิบัติหลังใช้ปากกาลดน้ำหนัก
- ปรับพฤติกรรมการกิน รับประทานอาหารมื้อเล็กลงแต่บ่อยขึ้น จะช่วยลดอาการคลื่นไส้หรืออาเจียน และควรหยุดรับระทานทันทีเมื่อรู้สึกอิ่ม
- เลือกอาหารที่ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงของทอด อาหารไขมันสูง หรือรสจัด เน้นอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีนคุณภาพดีในปริมาณเพียงพอ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 1.5–2 ลิตร โดยจิบน้ำระหว่างวัน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการใช้ยา เพราะอาจกระตุ้นให้คลื่นไส้หรืออาเจียนมากขึ้น
- ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ควรนัดพบแพทย์ตามกำหนด เพื่อตรวจประเมินผลการลดน้ำหนัก และปรับขนาดยาให้เหมาะกับร่างกายในแต่ละระยะ
ฉีดปากกาลดน้ำหนัก กี่ครั้งเห็นผล ?
ปากกาลดน้ำหนัก จะเริ่มเห็นผลภายใน 2–4 สัปดาห์แรก บางคนอาจรู้สึกได้ตั้งแต่ช่วงต้นว่าน้ำหนักหรือความอยากอาหารลดลง และเมื่อใช้ยาอย่างต่อเนื่องประมาณ 3–6 เดือน จะเห็นผลชัดเจนที่สุดครับ
ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้จะต่างกันไปในแต่ละคน แต่โดยเฉลี่ยในเดือนแรกอาจลดน้ำหนักได้ราว 3–5 กิโลกรัม และหากใช้ต่อเนื่องร่วมกับการดูแลอย่างถูกวิธี เช่น ควบคุมอาหาร ดื่มน้ำเพียงพอ และออกกำลังกาย ภายใน 1 ปี สามารถลดได้ถึง 15–22% ของน้ำหนักตัวครับ
สรุป ตารางฉีดปากกาลดน้ำหนัก ใช้อย่างถูกวิธี เห็นผลไว
ตารางฉีดปากกาลดน้ำหนักจะช่วยให้การใช้ปากกาลดน้ำหนักเห็นผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อฉีดตามแผนตารางอย่างสม่ำเสมอ ร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัวกับยาได้ดีขึ้น ลดโอกาสเกิดอาการข้างเคียง และที่สำคัญควรฉีดภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีและปลอดภัยที่สุดครับ


