ร้อยไหมดีไหม ? เห็นผลแค่ไหน ?
การร้อยไหมในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะการร้อยไหมละลาย ไหมเงี่ยง (barb) หรือไหมก้างปลา สาเหตุหลักบนใบหน้าที่ทำให้ผู้คนต้องหันไปพึ่งวิธีการร้อยไหมมีอะไรบ้าง
หมอจะอธิบายไว้ในบทความนี้ พร้อมตอบคำถามที่ว่า การร้อยไหมดีไหม? ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยบนใบหน้าได้ทั้งหมดจริงหรือไม่? อยู่ได้นานแค่ไหน? ใครที่กำลังหาข้อมูล สามารถศึกษาไว้เป็นแนวทางตัดสินใจ พร้อมคำแนะนำการเลือกคลินิกร้อยไหมแบบปลอดภัยครับ
สารบัญ ร้อยไหมดีไหม
ร้อยไหม คืออะไร ?
การร้อยไหม คือหัตถการที่ใช้ไหมละลายทางการแพทย์ สอดเข้าใต้ผิวในชั้นที่ต้องการเพื่อยกพยุงเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อย พร้อมกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่รอบแนวไหม ทำให้ผิวแน่นขึ้น ยกกระชับขึ้น และดูเรียวได้รูปมากขึ้น
ปัจจุบันไหมที่นิยมใช้มี 3 ชนิดหลัก ได้แก่
- ไหม PDO (Polydioxanone) นิยมที่สุด อยู่ได้ประมาณ 8 เดือน
- ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid) กระตุ้นคอลลาเจนดี อยู่ได้ราว 12 เดือน
- ไหม PCL (Polycaprolactone) ยืดหยุ่นสูงและอยู่ได้นานสุด 18-24 เดือน
ทำความรู้จัก ร้อยไหมเพิ่มเติม พร้อมรับโปรเด็ด คลิก!
ร้อยไหมดีไหม ? ได้ผลจริงหรือไม่ ?
การร้อยไหมสามารถช่วยยกกระชับผิวหน้าให้ดูเรียวได้ครับ หากทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์และใช้ไหมคุณภาพดี หลังทำจะเห็นผลทันที 20-30% และจะค่อย ๆ ชัดขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์ เมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างเต็มที่
ข้อดีของการร้อยไหม
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลเร็ว โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ใช้ไหมละลายทางการแพทย์ที่ปลอดภัย 100% ไม่มีสารตกค้าง
- เห็นผลยกกระชับตั้งแต่หลังทำ และอยู่ได้นานประมาณ 8 เดือน -1 ปี
- ช่วยยกพยุงเนื้อเยื่อใต้ผิว ลดริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้เข้าที่อย่างเป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม หมอจะต้องประเมินสภาพผิวและโครงหน้าก่อนทำทุกเคส เพื่อดูว่าจุดที่หย่อนคล้อยนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยการร้อยไหมหรือไม่ และควรใช้ไหมก้างปลาข้างละกี่เส้น หรืออาจแนะนำให้ทำร่วมกับหัตถการอื่น เช่น ฟิลเลอร์หรือเครื่องยกกระชับ Ulthera / Hifu / Thermage / Volnewmer เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและให้ผลยกที่ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
ร้อยไหม เหมาะกับใคร ?
การร้อยไหมเหมาะสำหรับคนที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัดดึงหน้า เช่น
- ผู้ที่มีแก้มตก กรอบหน้าเริ่มไม่ชัด หรือมีเนื้อหย่อนคล้อยบริเวณคาง
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลยกกระชับทันที หลังทำ และผลจะค่อย ๆ ชัดขึ้นใน 2-4 สัปดาห์
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด หรือไม่มีเวลาพักฟื้นนาน
- ผู้ที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่มีใบหน้าคล้อยจากอายุหรือแรงโน้มถ่วง และอยากให้ใบหน้ากลับมามีมิติชัดเจน
ร้อยไหม มีกี่แบบ ? ต่างกันอย่างไร ?
ไหมที่ใช้ในการร้อยไหม หลัก ๆ จะด้วยกันอยู่กันอยู่ 3 แบบครับ คือ ไหม PDO, PLLA และ ไหม PCL โดยแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติและความยืดหยุ่นต่างกัน ดังนี้
- ไหม PDO (Polydioxanone) เป็นไหมละลายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ใช้กันแพร่หลายในหัตถการยกกระชับผิว เพราะมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อย เห็นผลเร็วหลังทำ และอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน
- ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid) มีคุณสมบัติเด่นในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวแน่นขึ้น อิ่มฟูขึ้นเรื่อย ๆ เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวร่วมด้วย อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- ไหม PCL (Polycaprolactone) เป็นไหมรุ่นใหม่ที่มีความยืดหยุ่นสูงและมีขนาดใหญ่กว่าแบบอื่น เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมากหรือใบหน้ามีน้ำหนักมาก อยู่ได้นานสุดประมาณ 18–24 เดือน และให้ผลการยกกระชับที่คงตัวกว่าชนิดอื่น
ร้อยไหม มีข้อเสียไหม ?
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ให้ผลยกกระชับได้จริง แต่ก็มีข้อจำกัดและข้อเสียที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำครับ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด
ข้อเสียของการร้อยไหมที่ควรรู้ มีดังนี้
- อาจเกิดอาการบวม ช้ำ หรือแดงเล็กน้อยหลังทำ เนื่องจากเป็นการสอดไหมเข้าใต้ผิว จึงอาจมีเลือดออกเล็กน้อยใต้ชั้นผิว อาการเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติและจะค่อย ๆ หายภายใน 3-7 วัน
- อาจรู้สึกตึงหน้าในช่วงแรก เพราะเส้นไหมทำหน้าที่ยกและพยุงผิวไว้ จึงอาจรู้สึกตึงหรือเจ็บแปลบเล็กน้อย โดยอาการจะดีขึ้นเองภายใน 1-2 สัปดาห์
- ผลลัพธ์อยู่ได้จำกัด (เฉลี่ย 8 เดือน – 1 ปี หลังจากนั้นคอลลาเจนจะค่อย ๆ ลดลงตามธรรมชาติ จำเป็นต้องกลับมาทำซ้ำเพื่อคงความกระชับของผิว
- อาจเกิดความไม่เท่ากันของใบหน้าในบางกรณี หากเทคนิคการร้อยไหมไม่แม่นยำ หรือใช้จำนวนไหมไม่สมดุล อาจเกิดอาการยกไม่เท่ากันเล็กน้อย ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยแพทย์
- มีความเสี่ยงไหมขาดหรือเคลื่อนตำแหน่ง หากดูแลไม่ถูกวิธี เช่น อ้าปากกว้าง หาวแรง หรือนวดหน้าหลังทำในช่วงแรก อาจทำให้ไหมขยับหรือขาดได้
ร้อยไหมมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ?
การร้อยไหมถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์และใช้ไหมแท้คุณภาพดี แต่เนื่องจากเป็นการสอดไหมเข้าใต้ผิว จึงอาจมี อาการข้างเคียงเล็กน้อยในช่วงแรก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของกระบวนการฟื้นตัวของผิวครับ
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย (เป็นภาวะปกติหลังร้อยไหม)
- บวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย เกิดจากการสอดไหมและการฉีดยาชา อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 3-7 วัน
- รู้สึกตึง ๆ หรือเจ็บแปลบเมื่อขยับหน้า เพราะเส้นไหมเริ่มทำหน้าที่พยุงผิว เมื่อไหมเข้าที่แล้วอาการจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์
- คลำเจอก้อนหรือเป็นไตเล็กน้อย มักเกิดจากผิวที่ถูกร้อยไหมยกขึ้นใหม่ อาการนี้ไม่อันตรายและจะค่อย ๆ เรียบเนียนขึ้นเมื่อไหมละลาย
อาการที่ควรระวัง (ควรรีบพบแพทย์)
- บวมมากขึ้นหลังจากผ่านไป 3-4 วัน
- ปวด แดง ร้อน หรือมีหนอง
- เส้นไหมทะลุออกมานอกผิว หรือผิวเป็นคลื่นไม่เรียบหลังทำหลายสัปดาห์
อาการเหล่านี้อาจเกิดจากเทคนิคการร้อยที่ไม่เหมาะสม เช่น ร้อยไหมลึกเกินไป ดึงแรงเกิน หรือใช้ไหมไม่ได้มาตรฐาน จึงควรกลับมาพบแพทย์เพื่อประเมินและแก้ไขทันทีครับ
หลังร้อยไหม ต้องดูแลตัวเองอย่างไร ?
ภายใน 24 ชั่วโมงแรก
- ประคบเย็นทันทีหลังทำ เพื่อช่วยลดบวมและรอยช้ำ
- หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง หรือกดใบหน้ากับหมอนโดยตรง
ในช่วง 3-7 วันหลังร้อยไหม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าแรง ๆ เช่น การนวดหน้า ล้างหน้าแรง หรือแต่งหน้าหนัก
- งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
- งดรับประทานอาหารหมักดอง อาหารดิบ และแอลกอฮอล์ เพราะอาจเพิ่มโอกาสการอักเสบ
ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
- หลีกเลี่ยงการอ้าปากกว้าง หาวแรง หรือหัวเราะมาก เพราะอาจทำให้เส้นไหมขยับ
- งดหัตถการอื่น เช่น เลเซอร์, RF, HIFU, หรือ Thermage จนกว่าไหมจะเซตตัว
- หากมีอาการตึงหรือเจ็บ ให้รับประทานยาแก้ปวดที่แพทย์สั่งไว้เท่านั้น
หลัง 1 เดือน
- สามารถกลับมาดูแลผิวได้ตามปกติ เช่น การนวดหน้าเบา ๆ หรือทำเลเซอร์ฟื้นฟู
- ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำจากรอยช้ำเดิม
การร้อยไหมจะเห็นผลดีที่สุดในช่วง 1-2 เดือนหลังทำ เพราะเป็นระยะที่คอลลาเจนใหม่เริ่มถูกสร้างเต็มที่ ควรมาพบแพทย์เพื่อติดตามผล และประเมินว่าผิวตอบสนองต่อการร้อยไหมได้ดีเพียงใดครับ
ร้อยไหมอยู่ได้นานแค่ไหน ?
ระยะเวลาที่ผลลัพธ์จากการร้อยไหมจะคงอยู่ได้นานประมาณ 8 เดือน-1 ปีครับ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- สภาพผิวและอายุของแต่ละคน ผิวอายุน้อยหรือมีคอลลาเจนในชั้นผิวมาก จะตอบสนองได้ดีกว่าผิวที่เสื่อมสภาพ
- เทคนิคและชั้นผิวที่ร้อยไหม หากวางแนวไหมถูกต้อง และร้อยในชั้นผิวที่เหมาะสม ผลจะอยู่ได้นานและยกได้สวย
- การดูแลหลังทำ หลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าแรง ๆ และงดทำหัตถการที่ใช้ความร้อนในช่วงแรก จะช่วยให้ไหมคงอยู่ได้เต็มระยะเวลา
- พฤติกรรมส่วนตัว เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือพักผ่อนน้อย ส่งผลให้คอลลาเจนเสื่อมไว ทำให้ผลอยู่สั้นลงครับ
ร้อยไหม VS เครื่องยกกระชับ Ulthera / HIFU / Thermage / Volnewmer ต่างกันยังไง ? แบบไหนดีกว่ากัน ?
แม้ร้อยไหมและเครื่องยกกระชับ จะมีเป้าหมายเดียวกันคือช่วยให้หน้าเรียว ยกกระชับ และลดความหย่อนคล้อย แต่แต่ละวิธีมีหลักการทำงาน ผลลัพธ์ และระยะเวลาการฟื้นฟูที่ต่างกันครับ
Ulthera (อัลเทอร่า)
- ใช้คลื่น Focused Ultrasound (MFU-V) ส่งพลังงานลงถึงชั้น SMAS (ชั้นเดียวกับศัลยกรรมดึงหน้า)
- เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อยปานกลาง
- เห็นผลทันทีประมาณ 30% ชัดเจนใน 2-3 เดือน
- ไม่ต้องพักฟื้น เจ็บเล็กน้อยขณะทำ
- ผลอยู่ได้ 1 ปี
HIFU (ไฮฟู่)
- ใช้คลื่นอัลตราซาวด์แบบเดียวกับ Ulthera แต่มีขนาดจุดพลังงานเล็กกว่า
- เหมาะกับผู้ที่มีผิวเริ่มหย่อนคล้อยหรือมีริ้วรอยเล็กน้อย
- เห็นผลทันทีประมาณ 20% และชัดขึ้นใน 2-3 เดือน
- ผลอยู่ได้ราว 6-8 เดือน
Volnewmer
- ใช้คลื่น Monopolar RF ส่งพลังงานลึกถึงชั้นหนังแท้ทั้งส่วนบนและล่าง
- เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
- เห็นผลหลังทำทันที 20-30% และชัดเต็มที่ใน 2-3 เดือน
- อยู่ได้นาน 6-8 เดือน
Thermage (เทอร์มาจ)
- ใช้คลื่น Radio Frequency (RF) สร้างความร้อนลึกถึงชั้นคอลลาเจน
- เหมาะกับผู้ที่มีไขมันใต้ผิวเยอะ หรือผิวหย่อนคล้อยทั่วใบหน้า
- เห็นผลหลังทำทันที 20% และชัดเจนขึ้นภายใน 2-3 เดือน
- ผลอยู่ได้ 1-2 ปี
สรุป ร้อยไหมกับเครื่องยกกระชับ แบบไหนดีกว่ากัน ? หากต้องการยกกระชับเห็นผลทันที ร้อยไหมจะเหมาะกว่า ส่วนเครื่องยกกระชับอย่าง Ulthera, HIFU, Thermage หรือ Volnewmer เหมาะกับคนที่อยากปรับหน้าเรียว ยกกระชับ พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนในระยาวโดยไม่ใช้เข็ม และไม่ต้องพักฟื้นครับ
ทั้งสองวิธีให้ผลลัพธ์ดี แต่หากต้องการยกกระชับครบทุกมิติ แพทย์มักแนะนำให้ทำร่วมกัน เพื่อให้ได้ทั้งการยกและฟื้นฟูผิวที่ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
ร้อยไหม ที่ไหนดี ? เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัยและเห็นผล
การร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิวให้เรียวและยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาตินั้น จำเป็นต้องเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจครับ โดยมีเงื่อนไขหลักที่ควรตรวจสอบดังนี้
- คลินิกต้องมี ใบอนุญาตประกอบกิจการจากกระทรวงสาธารณสุข และมีชื่อแพทย์ผู้รับผิดชอบชัดเจน
- แพทย์ที่ร้อยไหมควรเป็นผู้มี ประสบการณ์ด้านหัตถการปรับรูปหน้า และใช้ไหมละลายคุณภาพสูงจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้
- รีวิวร้อยไหมจากผู้ใช้จริง ทั้งภาพและวิดีโอ เพื่อดูผลลัพธ์และสภาพจริงก่อน-หลัง
- มีการอธิบาย ยอดเส้นไหมที่เหมาะสมพร้อมค่าบริการ อย่างชัดเจน รวมถึงแผนการดูแลหลังทำและการติดตามผล
อ่านบทความเพิ่มเติม : ร้อยไหม ที่ไหนดี พร้อมวิธีเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
สรุป ร้อยไหมดีไหม ? เหมาะกับใคร ?
ร้อยไหมเป็นหัตถการที่ให้ผลยกกระชับได้จริง เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ต้องการให้ใบหน้าเรียวขึ้น หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้ไหมคุณภาพดี ผลลัพธ์จะออกมาสวยเป็นธรรมชาติครับ
แต่ถ้าใครกลัวเข็มหรือไม่อยากพักฟื้น ก็สามารถเลือกทำพวกเครื่องยกกระชับ เช่น Ulthera, HIFU, Thermage หรือ Volnewmer แทนได้ เพราะช่วยยกกระชับผิว กระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ได้เช่นกันครับ


