วี สแควร์

[เจาะลึก] ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ใต้ตา คาง ควรเลือกใช้รุ่นไหน ?

Reading Time: 5 minutes

ฟิลเลอร์

ปัจจุบันนี้การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างสูง มีฟิลเลอร์ให้เลือกใช้มากมายหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อก็จะมีรุ่นย่อย ๆ ให้เลือกใช้หลายชนิด บทความนี้หมอจะแนะนำวิธีการเลือกใช้ฟิลเลอร์ให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการฉีดและข้อแตกต่างของฟิลเลอร์แต่ละประเภท 

ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แม้จะเป็น hyaluronic acid เหมือนกัน แต่มีเทคโนโลยีและขั้นตอนในการผลิตแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ จึงทำให้เกิดคุณสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกัน ไม่มีฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนรุ่นไหนที่ดีที่สุดที่ฉีดได้ทุกจุดสำหรับทุกสภาพผิว ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นเหมาะกับการใช้ฉีดในจุดต่าง ๆ ของใบหน้าไม่เหมือนกัน ซึ่งโดยปกติเมื่อเราไปพบแพทย์เพื่อฉีดฟิลเลอร์ หมอจะเป็นผู้แนะนำว่าผิวของเราเหมาะกับฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนรุ่นไหน ซึ่งส่วนนึงก็ขึ้นกับความถนัดและเทคนิคการฉีดของหมอแต่ละคนด้วย

ดังนั้นคนไข้เองก็ควรรู้ข้อมูลเบื้องต้นไว้บ้าง เนื่องจากบางคลินิกก็ไม่ได้มีฟิลเลอร์ให้หมอเลือกใช้ครบทุกรุ่นทุกยี่ห้อ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจในอีกทางหนึ่ง เพื่อให้ผลการฉีดฟิลเลอร์ออกมาดีที่สุดตามที่แต่ละคนต้องการครับ

การฉีดฟิลเลอร์

ในการพิจารณาเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์นั้น มีข้อมูลต่าง ๆ ที่ควรศึกษาดังนี้


1. คุณสมบัติต่าง ๆ ในทางเทคนิคของฟิลเลอร์ที่ควรรู้

ความแข็ง (Elasticity)

ความแข็ง (Elasticity) คือ ความทนต่อแรงกดในแนวตั้ง ฟิลเลอร์ที่มีค่านี้สูงจะเหมาะกับการฉีดเพื่อปรับยกโครงหน้าในชั้นกระดูก เช่น คาง จมูก ฉีดเพื่อดึงหน้า ฉีดยกผิวชั้นลึกในชั้นกระดูก

ความยืดหยุ่น (Plasticity,cohesiveness)

ความยืดหยุ่น (Plasticity,cohesiveness) คือ ความทนต่อแรงบิดในแนวนอน ทนต่อการขยับ ฟิลเลอร์ที่มีค่านี้สูงจะเหมาะกับการฉีดเพื่อเติมเนื้อในบริเวณที่ผิวมีการขยับบ่อยๆ เช่น ร่องแก้ม มุมปาก แก้มตอบ

ความยืดหยุ่นของฟิลเลอร์

การออกแบบ crosslink ที่เหมาะสม เช่น เทคโนโลยี hylacross ของ juvederm จะทำให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี

ความกระจายตัว (Tissue Integration)

ความกระจายตัว (Tissue Integration) คือ ความสามารถในการสมานกับผิวที่อยู่รอบๆ ฟิลเลอร์ คุณลักษณะนี้จะเหมาะกับคนที่ผิวบางผิวแห้งเพื่อให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่เห็นเป็นก้อน เรียบเนียนไปกับผิวมากที่สุด

การกระจายตัวของฟิลเลอร์

จากรูปจะเห็นได้ว่าฟิลเลอร์ที่มีค่าความแข็งสูง(ซ้าย)
จะสามารถฉีดเพื่อยกผิวได้ดีกว่าฟิลเลอร์ที่มีค่าการกระจายตัวสูง(ขวา)

ค่าความอุ้มน้ำ (Water holding)

ฟิลเลอร์ที่มีค่านี้สูง หลังฉีดหากดื่มน้ำเยอะฟิลเลอร์จะฟูมาก แต่ถ้าดื่มน้ำน้อยฟิลเลอร์จะแฟบลงมาก ฟิลเลอร์กลุ่มนี้จะเหมาะกับคนไข้ที่ต้องการประหยัด คือฉีด 1cc จะสามารถฟูได้ถึง 1.5cc แต่ควรใช้ฉีดในจุดที่ถ้าฟูเยอะ ๆ แล้วจะมองไม่ออกว่าฟู เช่น ร่องแก้ม ขมับ ฟิลเลอร์กลุ่มนี้จะไม่เหมาะกับบริเวณใต้ตาเพราะเมื่อฟูจะเห็นว่าบวมชัดเจน

ค่าความอุ้มน้ำฟิลเลอร์

Juvederm ultraplus จะมีค่าความอุ้มน้ำสูงที่สุด

ลักษณะ hyaluronic-acid ฟิลเลอร์

โดยปกติ hyaluronic acid จะเป็นเส้นใยยาว ๆ ละลายเป็นน้ำเหลว ๆ ไม่เป็นวุ้น จะต้องผ่านกระบวนการเชื่อมต่อเส้นใยด้วยพันธะ (crosslink) เพื่อให้เกิดเป็นตาข่ายวุ้นเป็นเนื้อเจลฟิลเลอร์นิ่ม ๆ

จำนวนการเชื่อมพันธะ (Crosslink)

ฟิลเลอร์ที่มีจำนวนพันธะเยอะขึ้น จะอยู่ได้นานขึ้น สลายช้าลง และอุ้มน้ำได้น้อยลง ฟูน้อยลง ทนต่อแรงบิดในแนวนอนได้ดี มีค่าการกระจายตัวปานกลาง เหมาะกับบริเวณที่ผิวขยับบ่อยๆ ยี่ห้อที่เด่นในเทคโนโลยีด้าน crosslink คือ Juvederm ใช้ crosslink ที่มีประสิทธภาพสูง (Vycross) อยู่ได้นานขึ้นและปลอดภัย เป็นเนื้อเจลข้น ๆ ไม่เป็นเม็ด(non-particle)

ข้อเสียของปริมาณ crosslink ที่มากเกินไปคือจะทำให้สลายยากและเกิดการแพ้ได้ง่ายขึ้น และหากฉีดในปริมาณที่มากเกินไป(หลาย ๆ cc) จะมีโอกาสเกิดเป็นพังผืดเป็นก้อนได้ จะพบได้ในฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานเกรดต่ำๆ, ฟิลเลอร์ปลอมที่ผลิตจากจีน, ฟิลเลอร์หิ้วที่ไม่มั่นใจในการขนส่งและแหล่งที่ผลิต

ทางที่ดีก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้งควรหาข้อมูลจุดสังเกตุฟิลเลอร์ของแท้ยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน  และก่อนฉีดควรให้หมอแกะกล่องแกะหลอดฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง ฉีดเสร็จควรขอกล่องและหลอดฟิลเลอร์กลับบ้านหรือถ่ายรูปเก็บได้ดู เพื่อให้มั่นใจว่าได้ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐานจริง ๆ เพื่อความปลอดภัยครับ

ขนาดของเม็ดฟิลเลอร์ (Particle size)

ฟิลเลอร์ที่มีเม็ดใหญ่จะอยู่ได้นานขึ้น และมีค่าความแข็งสูงค่าการกระจายตัวต่ำ จะยกหน้าในผิวชั้นลึกได้ดีที่สุด แต่จุดอ่อนคือไม่ค่อยทนต่อแรงบิดในแนวนอน ถ้าฉีดในตำแหน่งที่ผิวมีการขยับบ่อย ๆ จะอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากเม็ดใหญ่ ๆ จะแตกเป็นเม็ดเล็ก ๆ และสลายไว

ยี่ห้อที่เด่นในเทคโนโลยีด้านนี้คือ Restylane โดยพัฒนาร่วมกับเทคนิคการขดม้วนเส้นใยที่เรียกว่า NASHA เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Restylane เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น

ขนาดของเม็ดฟิลเลอร์

NASHA ของ Restylane จะใช้การขดเส้นใย HA ร่วมกับการใส่ crosslink แล้วจึงทำฟิลเลอร์ให้เป็นเม็ดละเอียด(particle) เพื่อให้ได้เนื้อ Filler ที่มีค่า Elasticity สูงที่สุด

เนื้อฟิลเลอร์

Juvederm จะเน้นการพัฒนาฟิลเลอร์ให้เป็นเนื้อเจลมีจุดเด่นในด้านความเรียบเนียน ส่วน Restylane จุดเด่นคือความสามารถในการยกพยุงผิว

สภาพผิวกับฟิลเลอร์ที่ช่วยได้

ในร่างกายคนที่หนัก 70 kg. จะมี hyaluronic acid (HA) อยู่ 15g. กระจายอยู่ในเนื้อเยื่อ ข้อเข่า ลูกตา และผิวหนัง โดยที่ผิวหนังทั่วทั้งร่างกายจะมี HA รวมกันประมาณ 7g. หรือเทียบเท่ากับฟิลเลอร์ที่เราใช้ฉีดประมาณ 400cc.

ซึ่งมีอยู่ในผิวทั่วร่างกายเราอยู่แล้วตามธรรมชาติ แต่จะสร้างน้อยลงตามอายุซึ่งเราสามารถฉีดชดเชยในจุดที่ขาดหายไปได้ การฉีดฟิลเลอร์ชนิด HA จึงมีความปลอดภัยและเป็นที่นิยมมากที่สุดเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ชนิดอื่นๆ เพราะเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายตามธรรมชาติ

ในบทความนี้จะขอเปรียบเทียบเฉพาะยี่ห้อ Restylane Juvederm และ Perfectha ซึ่งทั้ง 3 ยี่ห้อนี้เป็นฟิลเลอร์จากประเทศฝั่งยุโรปที่นิยมใช้มายาวนาน ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง และข้อมูลต่าง ๆ ที่แสดงในบทความนี้จะอ้างอิงจากงานวิจัยที่อยู่ในเอกสารอ้างอิง และเป็นข้อมูลจากการเยี่ยมชมโรงงานที่ยุโรปของฟิลเลอร์ทั้ง 3 ยี่ห้อ ร่วมกับข้อมูลจากประสบการณ์ฉีดฟิลเลอร์ของทีมแพทย์ V Square Clinic ครับ

ในการเลือกรุ่นและยี่ห้อฟิลเลอร์นั้น เราไม่สามารถพิจารณาแค่คุณสมบัติทางกายภาพ เพียงข้อใดข้อนึงได้ ต้องขึ้นกับการวินิจฉัยของแพทย์ว่าปัญหาของคนไข้เกิดจากการยุบตัวของผิวชั้นไหนตำแหน่งไหนและเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเนื้อเดิมของคนไข้มากที่สุด(แก้ไขที่สาเหตุโดยตรง) เพื่อให้ผลออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด


2. การเลือกรุ่นและยี่ห้อฟิลเลอร์ให้เหมาะกับจุดต่าง ๆ บนใบหน้า เช่นใต้ตา ร่องแก้ม มุมปาก คาง ขมับ จมูก ปาก แก้มตอบ

หมอจะขออธิบายการเลือกใช้ฟิลเลอร์โดยแยกตามตำแหน่งต่าง ๆ บนใบหน้าดังนี้ครับ

ฟิลเลอร์ใต้ตา

ร่องใต้ตาเป็นจุดที่ควรแก้ไขเป็นอันดับแรกในคนไข้เกือบทุกคน เพราะเป็นจุดที่เนื้อและกระดูกยุบตัวลงเป็นจุดแรกตามวัย มักจะเริ่มเห็นร่องในคนที่อายุ 20 ปีขึ้นไป ทำให้หน้าดูเหนื่อยล้าดูโทรมไม่สดชื่น และถ้าเราปล่อยให้ร่องใต้ตาลึกนานๆไปก็จะเกิดเป็นถุงใต้ตาตามมา

การเติมฟิลเลอร์ใต้ตา  จะช่วยให้หน้าโดยรวมดูเด็กลงสดชื่นขึ้นอย่างชัดเจนและสามารถช่วยป้องกันการเกิดถุงใต้ตาในอนาคตได้อีกด้วย ในคนที่ร่องใต้ตาลึกมาก จะต้องใช้ฟิลเลอร์ 2 ชนิดในการเติมร่องใต้ตา

  • ชนิดที่ 1 ใช้ฉีดเพื่อทดแทนการยุบตัวของกระดูกในผิวชั้นลึก ตัวที่เหมาะคือ Restylane perlane lyft (อยู่ได้ 12 เดือน) และ Juvederm voluma (อยู่ได้ 18 เดือน) เพราะสามารถยกพยุงผิวได้ใกล้เคียงกับกระดูกมากที่สุด
  • ชนิดที่ 2 ใช้ฉีดเพื่อเก็บรายละเอียดในร่องใต้ตาชั้นบน ตัวที่เหมาะที่สุดคือ Restylane vital light (อยู่ได้ 6 เดือน) เนื้อละเอียดที่สุด ไม่เป็นก้อน แม้จะอยู่ได้สั้นกว่าตัวอื่น ๆ แต่ก็จำเป็นต้องใช้หากต้องการเก็บรายละเอียดในผิวชั้นตื้นเพื่อให้เรียบเนียนเป็นธรรมชาติที่สุด

ในคนที่ใต้ตาลึกไม่มากสามารถใช้แค่ชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 ตัวใดตัวนึงได้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำ ถ้าคนที่ผิวบางและแห้งมากๆ ควรเลือกใช้ชนิดที่ 2 แม้จะอยู่ได้สั้นแต่จะไม่เป็นก้อน ถ้าคนที่ผิวชุ่มชื้นสามารถเลือกชนิดที่ 1 ได้จะอยู่ได้นานกว่า

รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา1
รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา2

ตัวอย่างผลการรักษาฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ปัญหาร่องแก้ม  แบ่งตามสาเหตุการเกิดได้ 4 รูปแบบ เรียงตามที่พบบ่อยที่สุดดังนี้

  • แบบที่ 1 เนื้อและกระดูกบริเวณใต้ตายุบตัวลงทำให้เนื้อแก้มหย่อนลงมาทำให้เกิดร่องแก้ม แบบนี้ถ้าเติมร่องแก้มอย่างเดียวจะไม่สวยหน้าจะดูอูม ๆ ร่องแก้มเต็ม แต่ใต้ตาลึกดูผิดธรรมชาติ ควรเติมใต้ตาเพื่อดึงเนื้อบางส่วนขึ้นไปก่อน จะทำให้ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ร่องแก้มน้อยลงและดูเข้ารูปเป็นธรรมชาติมากกว่า
  • แบบที่ 2 กระดูกใต้ปีกจมูกยุบตัวลง แบบนี้ควรฉีดลึกในชั้นติดกระดูกเพื่อทดแทนการยุบตัวของกระดูก แต่ในบริเวณนี้เนื้อมีการขยับมากกว่าใต้ตาจึงต้องเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีค่าความยืดหยุ่นสูงเพื่อให้ทนต่อการขยับของร่องแก้ม ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดคือ Juvederm ultraplus (12 เดือน) และ Juvederm voluma (18 เดือน)
  • แบบที่ 3 กล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มทำงานเยอะ การเติมฟิลเลอร์แก้ไขร่องแก้มตามข้อ 1 และ ข้อ 2 จะช่วยลดการดึงของกล้ามเนื้อนี้ได้ในระดับนึง แต่ถ้ายังไม่พอก็สามารถใช้ botox dermolift ช่วยเสริมได้ โดยที่ botox ตำแหน่งนี้ต้องฉีดทุก ๆ 3-4 เดือน
  • แบบที่ 4 ผิวชั้นบนบริเวณร่องแก้มแห้งและบางมาก ต้องเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มในผิวชั้นตื้น ควรเลือกใช้ Juvederm volift (12 เดือน) หรือ Restylane volyme (18 เดือน) ยาจะกระจายตัวและเรียบเนียนไปกับผิวได้ดี เป็นธรรมชาติไม่เป็นก้อน
รีวิวฟิลเลอร์ร่องแก้ม1
รีวิวฟิลเลอร์ร่องแก้ม 2

ตัวอย่างผลการรักษาฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ฟิลเลอร์มุมปาก

ในคนที่แก้มหย่อนมากแม้จะร้อยไหมดึงแก้มแล้วแต่ยังมีร่องมุมปากอยู่ ก็สามารถใช้ฟิลเลอร์ช่วยเสริมได้ ซึ่งเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์บริเวณนี้จะคล้ายๆกับการเติมร่องแก้มแบบที่ 4 ควรเลือกใช้ Juvederm volift (12 เดือน) หรือ Restylane volyme (18 เดือน) ยาจะกระจายตัวและเรียบเนียนไปกับผิวได้ดี เป็นธรรมชาติมากที่สุดไม่เป็นก้อนครับ

รีวิวฟิลเลอร์มุมปาก1

ตัวอย่างผลการรักษาฟิลเลอร่องมุมปาก

รีวิวฟิลเลอร์มุมปาก2

ตัวอย่างผลการรักษาฟิลเลอร่องมุมปาก

ฟิลเลอร์คาง

ในคนที่ต้องการให้คางยาวขึ้นหน้าเรียวอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถเติมฟิลเลอร์คางได้ครับ โดยจากประสบการณ์ฟิลเลอร์ที่ฉีดคางและปั้นเป็นทรงได้สวยที่สุดคือ Perfactha subskin, Restylane perlane lyft,  Juvederm voluma โดยต้องฉีดในชั้นใต้กล้ามเนื้อ mentalis เท่านั้นนะครับ จึงจะเป็นทรงธรรมชาติยิ้มแล้วไม่เป็นก้อน รายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์คางจะมีอธิบายไว้แล้วในบทความการฉีดฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดเสริมคางครับ

รีวิวฟิลเลอร์คาง

ตัวอย่างผลการรักษาฟิลเลอร์คาง

ฟิลเลอร์ขมับ

เป็นตำแหน่งที่สามารถใช้ฟิลเลอร์ได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ควรฉีดด้วยเทคนิคเข็มแหลมชนกระดูกเพื่อไม่ให้เห็นเป็นก้อน ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ตัวที่อยู่ได้นานที่สุด ฟิลเลอร์ขมับ หมอแนะนำให้ใช้ Juvederm ultraplus (12 เดือน) หรือ Juvederm voluma (18 เดือน) ครับ ส่วนในคนที่ผิวบางมากๆควรใช้ Restylane volyme (18 เดือน) ครับ

รีวิวฟิลเลอร์ขมับ

ตัวอย่างผลการรักษาฟิลเลอร์ขมับ

ฟิลเลอร์จมูก

ฟิลเลอร์ยี่ห้อเดียวและรุ่นเดียวที่เหมาะกับตำแหน่งนี้คือ Restylane perlane lyft ของแท้เท่านั้นครับ เพราะเป็นตำแหน่งที่ต้องการความละเอียดสูงมาก ไม่อุ้มน้ำ ไม่ฟู ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีค่าความแข็ง (Elasticity) สูงที่สุด แต่ไม่ได้แข็งจนผิดธรรมชาตินะครับ ยังเป็นเนื้อผิวปกติอยู่ หากใช้รุ่นอื่นยี่ห้ออื่นจะสวยแค่ในช่วงแรก ๆ หลังจากนั้นสันจมูกจะคมชัดน้อยลงและบานออกครับ

สำหรับคนที่มี plan จะผ่าตัดเสริมจมูกในอนาคตไม่ควรฉีดฟิลเลอร์จมูกครับ จะทำให้ซิลิโคนจมูกที่จะเสริมเกาะยึดจมูกยากขึ้น แต่ถ้าไม่คิดจะผ่าตัดก็สามารถใช้ฟิลเลอร์ช่วยได้ครับ ควรฉีดฟิลเลอร์จมูกกับแพทย์ที่ชำนาญเท่านั้น

รีวิวฟิลเลอร์จมูก

ตัวอย่างผลการรักษาฟิลเลอร์จมูก

ฟิลเลอร์ปาก

เป็นตำแหน่งที่ผิวมีการขยับบ่อยมาก ดังนั้นฟิลเลอร์ปากที่เลือกใช้ควรมีค่าความยืดหยุ่นสูงครับ หมอแนะนำยี่ห้อ Juvederm เป็นหลักครับ

  • Juvederm volift (12 เดือน) จะดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน
  • Juvederm ultraplus จะฟูเยอะเหมาะกับคนที่ต้องการปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง และอยู่ได้นานกว่า แต่จะคลำเจอเนื้อฟิลเลอร์นิ่ม ๆได้ในช่วง 2-3 เดือนแรก
  • Restylane vital light เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ไขริมฝีปากแห้ง โดยที่ไม่ได้ต้องการเติมปาก อยู่ได้ 4-6 เดือน
  • Restylane volyme คล้าย ๆ Juvederm-volift แต่อยู่ได้ 18 เดือน
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ปาก1
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ปาก2

ตัวอย่างผลการรักษาฟิลเลอร์ปาก

ฟิลเลอร์แก้มตอบ

คนที่แก้มตอบมักจะมีผิวบางและมีชั้นไขมันน้อย ฟิลเลอร์ตัวที่เหมาะที่สุดและอยู่ได้นานคือ Restylane volyme รองลงมาคือ Juvederm volift จะสามารถกระจายตัวได้ดีเรียบเนียนเป็นธรรมชาติมากที่สุด

รีวิวฟิลเลอร์แก้มตอบ1

ตัวอย่างผลการรักษาฟิลเลอร์แก้มตอบ

รีวิวฟิลเลอร์แก้มตอบ2

3. จุดสังเกตุฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อต่าง ๆ

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane

ฟิลเลอร์แท้ Restylane Perlane Lyft

ฟิลเลอร์แท้ Restylane Perlane Lyft

ฟิลเลอร์แท้ Restylane Vital Light

ฟิลเลอร์แท้ Restylane Vital Light

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm

ฟิลเลอร์แท้ Juvederm Voluma

ฟิลเลอร์แท้ Juvederm Voluma

ฟิลเลอร์แท้ Juvederm รุ่น Volite

ฟิลเลอร์แท้ Juvederm รุ่น Volite

ฟิลเลอร์แท้ Juvederm UltraPlusXC

ฟิลเลอร์แท้ Juvederm UltraPlusXC

อ่านบทความเพิ่มเติม : วิธีดูฟิลเลอร์เแท้


เอกสารอ้างอิง

1. Comparative Physical Properties of Hyaluronic Acid Dermal Fillers, Kablik J et al dermatol surg. 2009; 35(suppl 1) : 302-312

2. Öhrlund, Å. (2018) Evaluation of Rheometry Amplitude Sweep Cross-Over Point as an Index of Flexibility for HA Fillers. Journal of Cos- metics, Dermatological Sciences and Ap- plications, 8, 47-54.

3. K. Edsman, L.I. Nord, Å. Öhrlund, H. Lärkner, A.H. Kenne Gel properties of hyaluronic acid dermal fillers Dermatologic Surgery, 38 (7) (2012), pp. 1170-1179

4. D. Stocks, H. Sundaram, J. Michaels, M.J. Durrani, M.S. Wortzman, D.B. Nelson Rheological evaluation of the physical properties of hyaluronic acid dermal fillers Journal of Drugs in Dermatology, 10 (9) (2011), pp. 974-980

5. A. La Gatta, C. Schiraldi, A. Papa, M. De Rosa Comparative analysis of commercial dermal fillers based on crosslinked hyaluronan: physical characterization and in vitro enzymatic degradation Polymer Degradation and Stability, 96 (4) (2011), pp. 630-636


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ

บทความแนะนำ

เลเซอร์ขนขาครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง ข้อดี-ข้อควรระวัง เครื่องไหนดีที่สุด ต่างจากวิธีอื่นอย่างไร ?

Reading Time: 4 minutes - วิธีการกำจัดขนขา - หลักการทำงานของ Laser ขนขา - ข้อดี - ข้อควรระวังของการ Laser ขนขา - เลเซอร์ขนขาครั้งแรกควรเตรียมตัวอย่างไร ? - ข้อควรรู้ก่อนเลเซอร์ขนขา

เลเซอร์บิกินี่ คืออะไร ? มีกี่แบบ ? ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล...

Reading Time: 4 minutes - เลเซอร์บิกินี่ คืออะไร ? - เลเซอร์บิกินี่ กับ บราซิลเลี่ยน ต่างกันยังไง ? - เลเซอร์บิกินี่อันตรายไหม ? - ความเสี่ยง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น- หลังทำเลเซอร์บิกินี่

เลเซอร์ขนจิมิ กำจัดขนน้องสาวครั้งแรก เตรียมตัวอย่างไร ? เ...

Reading Time: 3 minutes - เลเซอร์ขนจิมิ คืออะไร ? - เลเซอร์ขนจิมิมีกี่แบบ ? แบบไหนเหมาะกับเรา ? - เลเซอร์ขนจิมิอันตรายไหม ? - เลเซอร์ขนจิมิช่วยอะไรได้บ้าง ? - ข้อดี ข้อเสียเลเซอร์ขนจิมิ มีอะไรบ้าง ?

collagen คืออะไร ? มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ?

Reading Time: 4 minutes - collagen คือ - คุณสมบัติของ collagen - ประโยชน์ของ collagen ช่วยอะไรได้บ้าง ? - collagen นำไปใช้ทำอะไรบ้าง ? - collagen มีกี่ประเภท ?

Skin Booster คืออะไร ? ดีอย่างไร ? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? เ...

Reading Time: 5 minutes Skin Booster คืออะไร มีความอันตรายหรือไม่ และเหมาะสำหรับใครบ้าง ? บทความนี้หมอจะพาไปค้นหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ ว่าสกินบูสเตอร์แต่ละตัวช่วยอะไรได้บ้าง สามารถฉีดได้ที่ตำแหน่งใดบ้าง ราคาเท่าไหร่ ฉีดอย่างไรให้คุ้มค่า ?

เลเซอร์ขนกี่ครั้งเห็นผล ? ต้องทำกี่ครั้ง ? ทำแล้วขนหายถาว...

Reading Time: 2 minutes - เลเซอร์ขนกี่ครั้งเห็นผล ? - เลเซอร์ขนทำแล้วขนหายถาวรไหม ? - เลเซอร์ขนต้องทำกี่ครั้ง ? - เลเซอร์ขนแล้วขนไม่หลุดเกิดจากอะไร ?

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า