วี สแควร์

ดูดไขมัน VS CoolSculpting เลือกทำอะไรดี

Reading Time: 2 minutes

ดูดไขมัน

ดูดไขมัน VS CoolSculpting

Liposucction (ดูดไขมัน) VS Coolsculpting

สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกวิธีการในการลดสัดส่วนด้วยการ ดูดไขมัน VS CoolSculpting มีข้อมูลต่างๆที่ควรพิจารณาดังนี้

การวัดค่าBMI

การดูดไขมันจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดเซลล์ไขมันในปริมาณมากๆ (BMI มากกว่า 35 ขึ้นไป)

วิธีการคำนวน BMI

วิธีการคำนวน BMI ซึ่งหากไม่สะดวกคำนวนก็ดูตามตารางด้านล่างนี้ได้ครับ

ตารางเทียบ BMI

ตารางเทียบ BMI แบบไม่ต้องคำนวน

ดูดไขมัน (Liposuction) CoolSculpting
รอยแผลหลังทำ มีแผล 3-5 mm (ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก) ระงับความรู้สึกด้วยการฉีดยาชาปริมาณมากในทุกจุดที่ดูดไขมัน บางเคสอาจใช้การวางยาสลบ ไม่มีแผล ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ต้องใช้ยาชา ไม่ต้องวางยาสลบ ใช้เวลาในการทำ 30-60 นาที ต่อก้อนไขมันประมาณ 1-2 ฝ่ามือ
ระดับความอ้วน เหมาะสำหรับเคสที่ BMI>35 เพราะต้องกำจัดเซลล์ไขมันในปริมาณมาก เหมาะสำหรับเคสที่ BMI<35 ไม่จำเป็นต้องดูดไขมัน เนื่องจากการทำ CoolSculpting สามารถให้ผลแบบเดียวกัน โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด และผลข้างเคียงต่างๆน้อยกว่ามาก
หลักการ ใช้ท่อเหล็กขนาด 3 mm สอดและขูดเข้า- ออกในชั้นไขมันในทุกแนว ร่วมกับส่งพลังงานต่างๆ เช่น Ultrasound, RF(Radio frequency), แรงดันน้ำ(แตกต่างกันในเครื่องแต่ละยี่ห้อ) เข้าไปเพื่อทำให้ก้อนไขมันให้เหลวเป็นน้ำ และสามารถดูดออกมาได้

สำหรับการดูดไขมันด้วยแรงดันน้ำมีข้อดีตรงที่ สามาถนำเซลล์ไขมันไปเติมที่ใบหน้าได้ โดยมีโอกาสที่เซลล์จะรอดมากกว่าการใช้ Ultrasound หรือ RF(Radio frequency)
ใช้หัวดูดหนีบชั้นไขมันเข้าไปในหัว แล้วปล่อยความเย็น -11°C นาน 35 นาที เพื่อให้เซลล์ไขมันกลายเป็นน้ำแข็ง โดยมีระบบป้องกันไม่ให้ผิวหนังชั้นบนเย็นจนไหม้(Freeze detect) เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ CoolSculpting

พอเซลล์ไขมันกลายเป็นน้ำแข็ง ผู้เชี่ยวชาญจะทำการนวดเพื่อให้ก้อนไขมันแตกละเอียดและตาย หลังจากนั้นร่างกายจะค่อยๆย่อยสลายเซลล์ไขมันที่ตายแล้ว และขับออกไปตามธรรมชาติ (การนวดหลังแช่แข็งทันทีจะช่วยให้ได้ผลมากขึ้น 60%)

สามารถลดปริมาณเซลล์ไขมันลงได้ 25% ของก้อนไขมันที่ถูกหัว CoolSculpting ดูดขึ้นมา ลดลงแบบถาวร
ระยะพักฟื้น และระยะเวลาที่รอผล ในกรณี BMI>35 หลังทำสัดส่วนจะยุบลงทันที เนื่องจากดูดเซลล์ไขมันจำนวนมากออกไป ในปริมาณที่มากกว่าอาการบวม ปวดระบม 2-3สัปดาห์

ในกรณี BMI<35 หลังทำอาการบวมอาจจะมากกว่าปริมาณไขมันที่ถูกดูดออกไป ทำให้ไม่เห็นผลว่ายุบลงทันที จึงต้องรอผลหลังการพักฟื้น 1-2 เดือน และเข้าที่เต็มที่ 3-4 เดือน
เหมาะสำหรับเคสที่ BMI<35 โดยที่หลังทำในช่วง 2 อาทิตย์แรกสัดส่วนจะบวมมากกว่าเดิม และมีอาการปวดระบม เนื่องจากมีก้อนเซลล์ไขมันที่ตายยังตกค้างอยู่ในผิวหนัง ประมาณ 1 เดือนจึงจะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนยุบลง ยุบเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน
ความเรียบเนียนของผิวหลังทำ – หลังทำมักจะมีอาการเขียวช้ำค่อนข้างมาก
– แนวในการสอดท่อเพื่อขูดไขมันหลายๆแนว มักจะทำให้เกิดชั้นผิวที่ไม่เรียบ ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจะเป็นถาวรและแก้ไขยากมาก
– มีรอยแผล 3-5 mmในจุดที่สอดท่อเหล็ก
– โอกาสเขียวช้ำน้อยกว่ามาก
– ผู้เชี่ยวชาญด้าน CoolSculpting จะเป็นผู้ออกแบบการวางหัวรูปทรงต่างๆให้เหมาะกับแนวก้อนไขมันของแต่ละเคส หลังทำ 3 เดือน ผิวหนังจะเรียบเนียนเป็นธรรมชาติไม่มีร่องรอยหรือรอยแผลใดๆ
อันตรายไหม? มีความเสี่ยงที่จะเกิด fat embolism (ก้อนไขมันพลัดเข้าไปในเส้นเลือดและไปอุดตัน) เป็นอันตรายถึงชีวิต การดูดไขมันควรทำในสถานพยาบาล-โรงพยาบาลที่มีความพร้อมในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น – ไม่มีความเสี่ยงที่รุนแรง
– มีโอกาสเกิด paradoxical adipose hyperplasia คือแทนที่ก้อนไขมันจะยุบลง กลับใหญ่ขึ้น ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ทางบริษัท Allergan จะรับผิดชอบแก้ไขให้ฟรีครับเป็นระบบ insurance (โอกาสเกิดน้อยมาก 1:20,000)
– มีโอกาสเกิดรอยดำที่ผิวชั่วคราว ซึ่งจะหายไปได้เองใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือน (โอกาสเกิดน้อยมาก 1:20,000)
การดูแลหลังทำ แม้ว่าเราจะดูดเซลล์ไขมันออกไป แต่หากไม่ควบคุมน้ำหนัก เซลล์ไขมันส่วนที่เหลือก็สามารถเพิ่มขนาด(ไม่เพิ่มจำนวน) และทำให้สัดส่วนในจุดนั้นอ้วนคืนมาได้ แต่ก็ไม่มากกว่าเดิม

กรณีที่ดูดไขมันแล้ว กลับมาอ้วนอีกครั้ง การดูดซ้ำเรื่อยๆจะเกิดผังผืดสะสม ทำให้ผิวไม่เรียบ และจะมีโอกาสบวมเขียวช้ำได้มากกว่าปกติ
แม้ว่าเราจะทำบายเซลล์ไขมันออกไป แต่หากไม่ควบคุมน้ำหนัก เซลล์ไขมันส่วนที่เหลือก็สามารถเพิ่มขนาด(ไม่เพิ่มจำนวน) และทำให้สัดส่วนในจุดนั้นอ้วนคืนมาได้ แต่ก็ไม่มากกว่าเดิม

กรณีที่ทำ CoolSculpting แล้ว กลับมาอ้วนอีกครั้ง สามารถทำใหม่ได้เรื่อยๆโดยที่ไม่มีผลเสีย จำนวนเซลล์ไขมันก็จะลดลงไปเรื่อยๆ

มีตัวอย่างเคสที่ทำ CoolSculpting ที่ท้องเพียงฝั่งเดียวแล้วผ่านไป 10 ปี ฝั่งที่ทำก็ยังเล็กกว่าฝั่งที่ไม่ได้ทำอย่างชัดเจน
ราคา 40,000-100,000 บาท ขึ้นกับยี่ห้อเครื่องที่ใช้ในการดูดไขมัน และปริมาณไขมันที่หมอประเมิน 50,000-200,000 บาท ขึ้นกับรูปทรงสัดส่วนที่คนไข้ต้องการ 1 หนีบ(ประมาณ 1 ฝ่ามือ) ราคาประมาณ 12,000 จะลดไขมันลงได้ 70-80 CC/ครั้ง
น้ำหนักที่ลดลง น้ำหนักจะลดลง 2-10 kg ทันทีหลังทำเนื่องจากดูดไขมันออกไปในปริมาณมาก ไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการเน้นลดสัดส่วนเฉพาะจุดโดยไม่มีแผล

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดสัดส่วนด้วยเครื่อง ดูดไขมัน vs coolsculpting vs thermage vs hifu ได้ที่บทความนี้ครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ

บทความแนะนำ

เรตินอล คืออะไร อันตรายไหม ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

Reading Time: 2 minutes - เรตินอล คืออะไร มีกี่แบบ - เรตินอล ทำงานอย่างไร - การใช้เรตินอลช่วยอะไรได้บ้าง - ข้อควรระวังการใช้เรตินอล - ถ้าไม่ใช้เรตินอล มีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยบำรุงผิว

เลเซอร์ขนขาครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง ข้อดี-ข้อควรระวัง เครื่...

Reading Time: 4 minutes - วิธีการกำจัดขนขา - หลักการทำงานของ Laser ขนขา - ข้อดี - ข้อควรระวังของการ Laser ขนขา - เลเซอร์ขนขาครั้งแรกควรเตรียมตัวอย่างไร ? - ข้อควรรู้ก่อนเลเซอร์ขนขา

เลเซอร์บิกินี่ คืออะไร ? มีกี่แบบ ? ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล...

Reading Time: 4 minutes - เลเซอร์บิกินี่ คืออะไร ? - เลเซอร์บิกินี่ กับ บราซิลเลี่ยน ต่างกันยังไง ? - เลเซอร์บิกินี่อันตรายไหม ? - ความเสี่ยง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น- หลังทำเลเซอร์บิกินี่

เลเซอร์ขนจิมิ กำจัดขนน้องสาวครั้งแรก เตรียมตัวอย่างไร ? เ...

Reading Time: 3 minutes - เลเซอร์ขนจิมิ คืออะไร ? - เลเซอร์ขนจิมิมีกี่แบบ ? แบบไหนเหมาะกับเรา ? - เลเซอร์ขนจิมิอันตรายไหม ? - เลเซอร์ขนจิมิช่วยอะไรได้บ้าง ? - ข้อดี ข้อเสียเลเซอร์ขนจิมิ มีอะไรบ้าง ?

collagen คืออะไร ? มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ?

Reading Time: 4 minutes - collagen คือ - คุณสมบัติของ collagen - ประโยชน์ของ collagen ช่วยอะไรได้บ้าง ? - collagen นำไปใช้ทำอะไรบ้าง ? - collagen มีกี่ประเภท ?

Skin Booster คืออะไร ? ดีอย่างไร ? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? เ...

Reading Time: 5 minutes Skin Booster คืออะไร มีความอันตรายหรือไม่ และเหมาะสำหรับใครบ้าง ? บทความนี้หมอจะพาไปค้นหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ ว่าสกินบูสเตอร์แต่ละตัวช่วยอะไรได้บ้าง สามารถฉีดได้ที่ตำแหน่งใดบ้าง ราคาเท่าไหร่ ฉีดอย่างไรให้คุ้มค่า ?

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า