เลเซอร์หน้าใส ทางลัดฟื้นฟูผิวสวย
เลเซอร์หน้าใสเป็นหัตถการที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ดูกระจ่างใส ลดฝ้า กระ รอยดำ หลุมสิว และรูขุมขนกว้างได้ โดยไม่ต้องพักฟื้นนานครับ ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีเลเซอร์พัฒนาไปมาก มีหลายเครื่องที่อ่อนโยน สามารถทำได้แม้ผิวแพ้ง่าย บอบบาง และไม่จำเป็นต้องเลือดสาด แบบที่หลายคนเคยมีภาพจำ
การทำเลเซอร์หน้าใส เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน ? มีกี่แบบ มีเครื่องไหนบ้าง ? และควรเลือกทำเลเซอร์หน้าใสที่ไหน ให้ปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุด ? หมอสรุปให้ครับ
สารบัญ เลเซอร์หน้าใส
เลเซอร์หน้าใส คืออะไร ?
เลเซอร์หน้าใส คือ เทคโนโลยีปรับปรุงคุณภาพผิว ด้วยการใช้แสงเลเซอร์ยิงลงไปใต้ชั้นผิว เพื่อจัดการกับเม็ดสีที่ผิดปกติ เช่น รอยดำจากสิว กระ ฝ้า และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ พร้อมทั้งกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์ผิวใหม่และคอลลาเจนขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ช่วยให้ผิวดูใส เรียบเนียนขึ้น และสุขภาพดีในระยะยาวครับ
ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีฟื้นฟูผิวให้เลือกหลายตัว เช่น Picosure Pro Laser, Pico Plus, Fotona SP Dynamis,
Bellalux Lite, และ Sylfirm X Plus ซึ่งแต่ละเครื่องจะมีหลักการทำงานไม่เหมือนกัน จึงมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันครับ
เลเซอร์หน้าใสเหมาะกับปัญหาผิวแบบไหนบ้าง ?
การทำเลเซอร์หน้าใส ไม่ได้จำกัดแค่การทำให้ผิวดูใสขึ้นครับ แต่ยังสามารถใช้ฟื้นฟูผิวจากปัญหาที่สะสมมานาน เช่น รอยสิว หลุมสิว ฝ้า กระ ริ้วรอยเล็ก ๆ หรือรอยแผลเป็น โดยทั่วไปการทำเลเซอร์หน้าใส สามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ดังนี้
- ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ : เลเซอร์หน้าใสสามารถช่วยจัดการกับเม็ดสีเมลานิน หรือบางชนิดก็ช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น สีผิวดูสม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำได้
- ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือปานแต่กำเนิด : ปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีครับ นิยมใช้เลเซอร์หน้าใสในกลุ่ม Pico Laser ที่สามารถตีเม็ดสีเมลานินให้แตกละเอียดได้ ช่วยให้ฝ้า กระดูจางลง โดยไม่ทำร้ายผิวรอบข้าง
- รอยแดงจากสิว และสิวอักเสบ : นิยมใช้คลื่นแสงสีเหลือง หรือสีน้ำเงิน เพื่อลดการอักเสบ ลดเส้นเลือดฝอยใต้ผิวที่ทำให้เกิดรอยแดงจากสิว
- หลุมสิว รูขุมขนกว้าง และผิวไม่เรียบเนียน : สามารถใช้เลเซอร์กลุ่มที่กระตุ้นคอลลาเจน หรือกรอผิว เพื่อช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระชับขึ้น
- ริ้วรอยเล็ก ๆ ร่องตื้น ผิวเริ่มหย่อนคล้อย : พลังงานเลเซอร์บางชนิดสามารถฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวแน่นขึ้น ลดเลือนริ้วรอยบางส่วนได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- รอยแผลเป็น แผลเป็นนูน : เลเซอร์หน้าใสบางเครื่อง สามารถช่วยลอกผิว หรือกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งจะช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้น
- ไฝ ขี้แมลงวัน ติ่งเนื้อบางชนิด : แพทย์อาจใช้เลเซอร์ความร้อนเฉพาะจุดช่วยกำจัดออกได้อย่างแม่นยำ โดยต้องประเมินลักษณะก้อนก่อนทุกครั้ง
- เส้นเลือดฝอย เส้นเลือดขอดเล็ก ๆ บนใบหน้า : แพทย์สามารถยิงเลเซอร์เข้าไปจับกับ Oxyhemoglobin (เม็ดสีในเลือด) ครับ ความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมสภาพ เหมาะกับการแก้ปัญหาเส้นเลือดฝอยขนาดเล็ก บริเวณใบหน้า หรือต้นขา
เลเซอร์หน้าใส มีกี่แบบ ?
ในปัจจุบันมีเครื่องเลเซอร์หน้าใสออกมาหลายตัวหลายยี่ห้อครับ ในส่วนนี้หมอจะจัดกลุ่มเลเซอร์หน้าใส โดยแบ่งตามเทคโนโลยีที่ใช้เป็นหลัก ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีเหมาะกับปัญหาแบบไหน มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง ? หมอเจาะลึกให้ทีละตัว
Pico Laser
Pico Laser หรือ Picosecond Laser เป็นกลุ่มเลเซอร์หน้าใส ที่หลายคนคุ้นหูกันเป็นอย่างดีครับ โดดเด่นในเรื่องจัดการกับเม็ดสีเมลานิน ที่เป็นสาเหตุของผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือปานแต่กำเนิด รวมถึงยังช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน กระชับรูขุมขน และรักษาหลุมสิวตื้น ๆ ได้อีกด้วย
ในปัจจุบันมีหลายเครื่องที่ได้มาตรฐานครับ เช่น Picosure Pro, Pico Plus, และ Discovery Pico ซึ่งจะแตกต่างกันตรงช่วงความยาวคลื่น (Wavelenght), ค่า Pluse Duration และ Peak Power จึงเหมาะกับการแก้ปัญหาที่ต่างกัน
หลักการทำงาน : ส่งพลังงานด้วยความเร็วระดับ Picosecond (1 ในล้านล้านนาที) ลงสู่ผิวได้อย่างแม่นยำ ช่วยตีให้เม็ดสีแตกละเอียด หรือใช้สร้างฟองอากาศเล็ก ๆ ในชั้นผิว (LIOB หรือ Laser Induced Optical Breakdown) เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่
ข้อดี : แก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย กำจัดเม็ดสีได้แม่นยำ เห็นผลเร็ว ผลข้างเคียงน้อย หลังทำไม่สะสมความร้อนใต้ผิว จึงลดความเสี่ยงผิวไหม้ รอยดำ หรือผิวลอก
ข้อควรระวัง : อาจเกิดจุดเลือดออกที่ผิว (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและการปรับค่าพลังงาน)
Q-Switch Laser
Q-Switch Laser คือ เลเซอร์หน้าใสที่มีใช้กันมานานครับ เหมาะกับการการจัดการเม็ดสีที่ผิดปกติ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว รอยสัก หรือปานบางชนิด ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป มักใช้ 2 ช่วงความยาวคลื่น ดังนี้
- 532 nm : ลงลึกผิวชั้นตื้น เหมาะกับรอยแดง กระแดด และปานแดง
- 1,064 nm : ลงลึกชั้นหนังแท้ เหมาะกับฝ้า กระลึก และรอยสักสีเข้ม
หลักการทำงาน : ปล่อยพลังงานสูงในช่วงเวลาสั้น ๆ ในระดับ Nanosecond (1 ต่อพันล้านวินาที) เพื่อทำให้เม็ดสีแตกตัว และกระตุ้นให้ร่างกายค่อย ๆ กำจัดออกไปตามธรรมชาติ
ข้อดี : สามารถปรับค่าพลังงานได้หลายระดับให้เหมาะกับสภาพผิว ราคาย่อมเยา ใช้เวลาทำไม่นาน
ข้อควรระวัง : ใช้จำนวนครั้งมากกว่ากลุ่ม Picosecond รู้สึกเจ็บ และอาจเกิดสะเก็ด ผิวลอกได้ หากใช้พลังงานที่สูงเกินไป
Fractional CO2 Laser
Fractional CO2 Laser เป็นเลเซอร์ที่ใช้พลังงานจากลำแสง CO₂ ยิงลงไปในผิว ลักษณะจุดกระจาย ๆ คล้ายตารางจิ๊กซอว์ เพื่อกระตุ้นให้ผิวเกิดแผลเล็ก ๆ และสร้างเซลล์ผิวใหม่ เหมาะกับปัญหาผิวที่ลึก เช่น หลุมสิว แผลเป็น ริ้วรอยตื้น และรูขุมขนกว้าง เลเซอร์ชนิดนี้มีความยาวคลื่น 10600 nm และสามารถใช้หัวพิเศษสำหรับกำจัด ไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อ ได้ด้วยครับ
หลักการทำงาน : ยิงพลังงานเลเซอร์ในลักษณะแบ่งจุด (Fractional) ลงสู่ผิว เพื่อให้เกิดการลอกผิวเฉพาะจุด กระตุ้นการซ่อมแซมของชั้นผิวและการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวค่อย ๆ เรียบเนียนขึ้น
ข้อดี : มีประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิวลึก ๆ ผิวไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง หรือแผลเป็นเรื้อรัง
ข้อควรระวัง : หลังทำจะเกิดสะเก็ดและผิวลอกชัดเจน ต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องออกแดดจัดหรือมีเวลาดูแลตัวเองน้อยครับ
Fractional RF (Radio Frequency)
Fractional RF คือ เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency) ไม่ใช่เลเซอร์ครับ มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวระดับลึก โดยไม่ทำร้ายผิวด้านบน เด่นในเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับผู้ที่มีหลุมสิว ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ผิวบางแพ้ง่าย หรือฝ้าเรื้อรัง ที่รักษายากครับ เครื่องที่นิยมใช้ เช่น Sylfirm X Plus และ eMatrix
หลักการทำงาน : ปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุแบบแบ่งจุดลงไปใต้ผิว เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและลดเส้นเลือดผิดปกติใต้ผิว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของฝ้าและรอยแดง ในบางยี่ห้อจะมาพร้อมหัวเข็มขนาดเล็ก เพื่อให้ส่งพลังงานได้แม่นยำและตรงจุดมากขึ้น
ข้อดี : พลังงาน RF ไม่มีผลต่อเม็ดสีผิว จึงปลอดภัยกับทุกสีผิว และฟื้นตัวได้ไว
ข้อควรระวัง : อาจมีสะเก็ดบางจุดหลังทำ
IPL Laser
IPL Laser หรือชื่อเต็มว่า Intense Pulsed Light แม้จะไม่ใช่เลเซอร์โดยตรง แต่ก็เป็นเทคโนโลยีแสงความเข้มสูงที่นิยมนำมาใช้เพื่อฟื้นฟูผิวหน้าใสในราคาย่อมเยาครับ ช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายอย่างในคราวเดียว เช่น รอยแดงจากสิว เส้นเลือดฝอย กระตื้น รูขุมขนกว้าง และผิวหมองคล้ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวแบบอ่อนโยน ไม่ต้องพักฟื้น และมีงบประมาณจำกัด
หลักการทำงาน : ใช้แสงคลื่นกว้างความยาวคลื่น 500-1200 nm ยิงลงไปในชั้นหนังแท้ (Dermis) เพื่อจัดการเม็ดสีเมลานิน เส้นเลือดฝอย หรือกระตุ้นการฟื้นฟูผิวตามความยาวคลื่นที่เลือก โดยไม่ทำร้ายผิวชั้นนอก (Epidermis)
ข้อดี : เจ็บน้อย เหมาะกับผิวแพ้ง่าย และมีราคาย่อมเยากว่าเลเซอร์หน้าใสชนิดอื่น
ข้อควรระวัง : อาจเกิดการระคายเคือง หรือผิวแดงเล็กน้อยในบางราย และต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
LED Light Therapy
LED Light Therapy เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แสงในความยาวคลื่นเฉพาะ เช่น แสงสีแดง น้ำเงิน หรือสีเหลือง เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว ลดการอักเสบ และฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำให้เกิดความร้อนหรือการบาดเจ็บต่อผิวเลย
นิยมใช้เป็นโปรแกรมเลเซอร์หน้าใสสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบ หรือเป็นโปรแกรมเสริม เพื่อเร่งกระบวนการฟื้นฟูผิว หลังทำหัตถการความงามอื่น ๆ เช่น เลเซอร์กรอผิว แผลผ่าตัด หรือศัลยกรรม
หลักการทำงาน : ใช้แสงความเข้มต่ำ (Low-Level Light) ในช่วงคลื่นเฉพาะ เช่น
- แสงสีแดง กระตุ้นการไหลเวียนเลือดและการสร้างคอลลาเจน
- แสงสีน้ำเงิน เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว
- แสงสีเหลืองหรือเขียว เพื่อปลอบประโลมผิว ลดรอยแดงและอาการระคายเคือง
ข้อดี : ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่ผิวอ่อนแอหรือแพ้ง่าย สามารถทำต่อเนื่องได้บ่อยและใช้ควบคู่กับหัตถการอื่นเพื่อเสริมผลลัพธ์
ข้อควรระวัง : เห็นผลค่อนข้างช้า และไม่เหมาะกับปัญหาเฉพาะจุดที่รุนแรง
ก่อนทำเลเซอร์หน้าใส เตรียมตัวอย่างไร ?
ก่อนทำเลเซอร์หน้าใส ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เปิดถูกกฎหมาย ให้บริการกับแพทย์มากประสบการณ์ และมีการชี้แจงรายละเอียดของโปรแกรมไว้ชัดเจนครับ
ส่วนการดูแลตัวเองก่อนทำ จะคล้าย ๆ กับการเตรียมตัวก่อนทำหัตถการความงามอื่น ๆ ครับ เช่น
- เตรียมข้อมูลโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา ยาและวิตามินที่กินเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการความงาม หรือทรีตเมนต์อื่น ๆ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- ทาครีมกันแดดบำรุงผิวให้แข็งแรง หมั่นทามอยส์เจอไรเซอร์ และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรือออกแดดจัดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ
- หลีกเลี่ยงการกินยา หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น เรตินอล, AHA, และ BHA อย่างน้อย 1 สัปดาห์
ขั้นตอนการทำเลเซอร์หน้าใส
แม้เลเซอร์หน้าใสจะมีหลายเทคโนโลยีให้เลือก แต่ขั้นตอนพื้นฐานของการรักษาในคลินิกที่ได้มาตรฐานมักเป็นไปในรูปแบบเดียวกันครับ
- ประเมินใบหน้า : คลินิกบางแห่งจะมีการสแกนใบหน้า เพื่อวิเคราะห์ปัญหาอย่างละเอียด เช่น รอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ รูขุมขน และความลึกของเม็ดสี ก่อนที่แพทย์จะวางแผนการรักษาและเลือกเครื่องเลเซอร์ที่เหมาะสมให้
- เตรียมผิวก่อนทำเลเซอร์ : ทำความสะอาดผิวหน้า และแปะยาชาทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที (ขึ้นอยู่กับประเภทเลเซอร์) รวมถึงมีการสวมแว่นปกป้องดวงตาจากแสงเลเซอร์ให้คนไข้
- เริ่มทำเลเซอร์หน้าใส : แพทย์จะยิงเลเซอร์ตามตำแหน่งที่มีปัญหา ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที โดยปรับค่าพลังงานให้เหมาะสมกับผิวแต่ละคน
- นัดหมายติดตามผล : แพทย์จะแนะนำการดูแลผิวหลังทำ และนัดติดตามผลประมาณ 2 สัปดาห์
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังทำเลเซอร์หน้าใส
หากทำเลเซอร์หน้าใสกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และใช้เครื่องแท้ที่ผ่านการรับรอง ผลข้างเคียงไม่อันตรายครับ เช่น
- รอยแดง ผิวอมชมพู : อาการปกติที่เกิดหลังทำเลเซอร์หน้าใส มักหายได้เองใน 1-3 วัน
- อาการบวมเล็กน้อย : ในตำแหน่งที่ผิวบอบบาง อาจเกิดการอักเสบเล็กน้อยของผิวชั้นลึก สามารถกินยาหรือประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ได้
- ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย : อาจเกิดในกรณีที่ใช้เครื่องเลเซอร์ที่ผลัดเซลล์ผิวครับ ส่วนใหญ่อาการไม่ได้รุนแรง ผิวมักลอกเป็นขุยคล้าย ๆ กับในช่วงหน้าหนาว มักหายได้เองใน 3-7 วัน สามารถใช้มอยส์เจอไรเซอร์ Medical Grade ดูแลผิวได้ครับ
- สะเก็ดบางจุด : อาจเกิดจากการยิงโหมดตกสะเก็ดสำหรับรักษาฝ้า หรือหลุมสิว รอยดำลึก ๆ ควรงดแกะหรือเกา สะเก็ดหลุดได้เองใน 5-7 วัน
- ผิวไวต่อแสงแดด : อาจเกิดการระคายเคืองได้ง่าย หากสัมผัสกับแดดโดยตรงครับ เนื่องจากเป็นช่วงที่ผิวยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แนะนำให้หลีกเลี่ยงแดดจัดและทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ หากมีอาการผิดปกติที่ไม่ดีขึ้นใน 3-5 วัน ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อประเมินและดูแลอย่างเหมาะสมครับ
หลังทำเลเซอร์หน้าใส ดูแลตัวเองอย่างไร ?
หลังทำเลเซอร์หน้าใส สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่มีข้อควรระวังเล็กน้อย ดังนี้
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น แสงแดดจัด กิจกรรมกลางแจ้ง หรือซาวน่า 1-2 สัปดาห์
- เพิ่มความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ แนะนำให้ใช้สูตรอ่อนโยน หรือ Medical Grade
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF และค่า PA สูง ๆ รวมถึงใช้อุปกรณ์กันแดดอื่น ๆ เช่น ร่ม หรือหมวกปีกกว้าง
- งดการสครับผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, วิตามิน C และเรตินอล
- ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า 1-2 วันแรก (ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์)
- งดการแต่งหน้าประมาณ 7 วัน หรือจนกว่าสะเก็ดจะหลุด (ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์)
ทำเลเซอร์หน้าใสที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?
การทำเลเซอร์หน้าใส ไม่จำเป็นต้องเจ็บหรือเลือดสาดอย่างที่หลายคนกังวลใจครับ โปรแกรมเลเซอร์ที่ V Square Clinic ให้ความสำคัญกับการประเมินสภาพผิวอย่างละเอียด แพทย์จะตรวจเช็กต้นตอของปัญหา และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละคน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงเกินจำเป็น
ก่อนทำเลเซอร์หน้าใสที่ V Square Clinic จะมีการถ่ายภาพและสแกนใบหน้าอย่างละเอียด
พร้อมรับการประเมินโดยแพทย์ทุกเคสครับ
โดยเครื่องเลเซอร์หน้าใส ที่คลินิกให้บริการมีหลายตัวครับ แต่ละตัวเหมาะกับปัญหาแบบไหนบ้าง ? หมอจะเจาะลึกให้ทีละตัว
Picosure Pro Laser
Picosure Pro เป็นเครื่องเลเซอร์หน้าใสเทคโนโลยี Picosecond Laser โดดเด่นในด้านการรักษาเม็ดสีที่ผิดปกติ และการฟื้นฟูผิวให้เนียนละเอียด ด้วยความยาวคลื่น 755 nm ซึ่งสามารถจับกับเม็ดสีเมลานินได้ดี แต่จับกับเส้นเลือดได้น้อยครับ หลังทำจึงไม่เกิดแผล และจุดเลือดออก
จุดเด่นสำคัญของเครื่องนี้ คือ เป็น Pico Laser เพียงเครื่องเดียวในท้องตลาดที่ใช้คลื่นความยาว 755 nm และเป็นเครื่องแรกที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA ว่าสามารถรักษาฝ้า กระลึก ปานโอตะ และรอยสักได้ในทุกสีผิวอย่างปลอดภัย
Pico Plus
Pico Plus เป็นเครื่องเลเซอร์หน้าใสที่ผสาน 2 เทคโนโลยีไว้ด้วยกัน ทั้ง Picosecond และ Q-Switch โดยมีหัวยิงให้เลือกถึง 5 หัวยิง และมี 4 ช่วงความยาวคลื่น (Wavelength) จึงสามารถแก้ปัญหาได้อย่างหลากหลาย ทั้งเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแดง กระชับรูขุมขน หลุมสิว และลบรอยสัก
หัวยิง (Handpiece) | ความยาวคลื่น (Wavelength) | เหมาะกับปัญหาผิว |
---|---|---|
Picotoning | 1064 nm | สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีฝ้า |
Zoom | 1064 nm | กระตื้น กระแดด ลบรอยสักสีดำ |
Fractional | 1064 nm และ 532 nm | รูขุมขนกว้าง หลุมสิว กระแดด ปานสีกาแฟ รอยสักสีแดง |
Gold | 595 nm | สิวอักเสบ รอยแดงสิว รอยแดงจากเส้นเลือดฝอยขนาดเล็ก ฝ้าเส้นเลือด รอยสักสีฟ้า |
Ruvy | 660 nm | กระตื้น กระแดด ความผิดปกติของเม็ดสี รอยสักสีเขียว |
Fotona SP Dynamis
Fotona SP Dynamis หรือที่บางคลินิกเรียกว่า Fotona Laser และ Fotona 4D เป็นเครื่องเลเซอร์หน้าใสเทคโนโลยีแบบ Duo Wavelength ที่รวมพลังงานเลเซอร์ 2 ชนิดไว้ในเครื่องเดียว เพื่อให้ครอบคลุมทั้งผิวชั้นตื้นและชั้นลึก ปรับค่าพลังงานได้อย่างละเอียด นิยมใช้กรอผิวใส รักษาเส้นเลือดขอด กระชับรูขุมขน จี้ไฝ จี้ติ่งเนื้อ หรือกลุ่มหลุมสิว ผิวหมองคล้ำก็ได้ครับ
ค่าพลังงานของเครื่อง Fotona SP Dynamis ทั้ง 2 ชนิด ได้แก่
- Er:YAG (2940 nm) : ทำงานบริเวณผิวหนังชั้นบน เหมาะกับการกำจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใส ลดรอยแผลเป็น รูขุมขนกว้าง และจุดด่างดำ
- Nd:YAG (1064 nm) : ลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ยกกระชับผิว ลดริ้วรอย และรักษาเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง
ในบางโปรแกรมเครื่องจะสลับการใช้เลเซอร์ 2 ชนิดนี้ตามขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทั้งด้านการฟื้นฟูผิวและการยกกระชับในครั้งเดียว
Bellalux Lite
Bellalux Lite เป็นเทคโนโลยีแสง LED จากเกาหลีใต้ ที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน โดยไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้เข็ม และไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย มีปัญหาสิวอักเสบ หรือกำลังมองหาวิธีดูแลผิวหลังทำเลเซอร์หน้าใสให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นครับ
จุดเด่นของ Bellalux Lite อยู่ที่การใช้แสง 4 ความยาวคลื่น ที่มีความเฉพาะเจาะจงกับปัญหาผิว ได้แก่
แสง | ความยาว | การรักษา |
---|---|---|
แสงสีน้ำเงิน (Blue) | 460 nm | ต่อต้านแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดสิวใหม่ |
แสงสีเหลือง (Amber) | 592 nm | กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น ลดการบวม ช้ำ และช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย (สามารถทำร่วมกับหัตถการกลุ่มฉีดได้) |
แสงสีแดง (Red) | 625 nm | กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ลดริ้วรอย หรือฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพจากแสงแดด |
แสงไม่มีสี (NIR) | 850 nm | ทำลายเม็ดสีเมลานิน ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ (ทำร่วมกับแสงสีแดง และเหลือง) |
Sylfirm X Plus
Sylfirm X Plus คือ เทคโนโลยีผิวใสในกลุ่ม Fractional Microneedling RF ที่ผสานการทำงานของ คลื่นวิทยุ 2 โหมด (CW และ PW) เข้ากับเข็มขนาดเล็กระดับ 300 ไมครอน เพื่อส่งพลังงานลึกถึงชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ทำร้ายผิวด้านบน เด่นในเรื่องการทำลายเส้นเลือดผิดปกติใต้ผิวหนัง ป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย ลดแผลเป็นหลุมสิว กระชับรูขุมขน ผิวแข็งแรง
โหมดการส่งพลังงานของ Sylfirm X Plus ที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว
- Continuous Wave (CW) : ปล่อยพลังงาน RF แบบต่อเนื่อง อุณหภูมิ 55-60°C เหมาะกับการฟื้นฟูหลุมสิว ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และรอยแตกลาย
- Pulsed Wave (PW) : ปล่อยพลังงานเป็นจังหวะ อุณหภูมิต่ำกว่า อยู่ที่ประมาณ 42–45°C ช่วยลดฝ้า รอยดำ พร้อมฟื้นฟู Basement Membrane ให้แข็งแรง เพื่อลดโอกาสการเป็นฝ้าซ้ำในอนาคต
เลเซอร์หน้าใส ราคาเท่าไหร่ ?
เลเซอร์หน้าใส ราคาเริ่มต้นประมาณ 5000-15000.-/ครั้ง ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ ยี่ห้อของเครื่อง และโปรโมชันของคลินิกที่รับบริการครับ หลายแห่งจะมีราคาแบบคอร์ส 3 ครั้ง 5 ครั้งร่วมด้วย เพราะการทำเลเซอร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ควรต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์
ตัวอย่างราคาเลเซอร์หน้าใส ที่ V Square Clinic
Q&A เลเซอร์หน้าใส
เลเซอร์หน้าใส เจ็บไหม ?
เจ็บระดับที่ทนได้ครับ ก่อนทำเลเซอร์จะมีการทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที
ความรู้สึกเจ็บขณะทำเลเซอร์หน้าใส ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์และโหมดการรักษาที่ใช้ร่วมด้วย ในเลเซอร์แบบกรอผิว (Ablative Laser Resurfacing) อาจรู้สึกเจ็บกว่าเลเซอร์แบบที่ไม่ทำให้เกิดแผล (Non-ablative Laser Resurfacing)
เลเซอร์หน้าใส ทำกี่ครั้ง เห็นผล ?
มักเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลเซอร์หน้าใสครับ แต่แนะนำให้ทำต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องเลเซอร์ ปัญหาผิว และการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละคนร่วมด้วย
เลเซอร์หน้าใส บ่อยแค่ไหน ?
ในช่วงแรกจะนิยมทำเลเซอร์หน้าใสต่อเนื่องทุก 2-4 สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์ หากไม่แน่ใจว่าควรทำซ้ำหรือยัง ก็สามารถเข้ามาประเมินใบหน้ากับหมอก่อนได้ครับ
เลเซอร์หน้าใสทำให้ผิวบางไหม ?
การทำเลเซอร์หน้าใสไม่ได้ทำให้ผิวบางลงครับ ในทางตรงกันข้าม เลเซอร์หลายชนิดโดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้กระตุ้นคอลลาเจนหรือเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เช่น Pico Laser หรือ Fractional RF จะช่วยให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน และหนาขึ้นด้วย
ที่หลายคนเข้าใจว่า เลเซอร์ทำให้ผิวบางมักเกิดจากเลเซอร์ที่มีการกรอผิวหรือทำให้เกิดสะเก็ด ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้ง หรือลอกชั่วคราวในช่วงแรก แต่เป็นเพียงการผลัดผิวชั้นบนตามธรรมชาติ และร่างกายจะสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน ไม่ได้ทำให้ผิวบางถาวรครับ
สรุปเลเซอร์หน้าใส เป็นตัวเลือกที่ดีไหม ?
เลเซอร์หน้าใสเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่ต้องการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และเรียบเนียน ช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว และรอยแผลเป็น โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน ๆ หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และเลือกใช้เครื่องเลเซอร์ที่เหมาะกับปัญหาผิว ก็จะช่วยลดผลข้างเคียงที่ไม่จำเป็นได้ครับ