รู้จักหัตถการเมโสแฟต กับ ดูดไขมัน
การลดไขมันส่วนเกินในปัจจุบันมีหลายหัตถการที่สามารถทำได้ แต่ที่ได้รับความสนใจ และถูกพูดถึงบ่อย ๆ คือการฉีดเมโสแฟต กับ ดูดไขมันครับ ทั้ง 2 หัตถการนี้มีวิธีการและเป้าหมายต่างกัน ส่วนจะเลือกทำวิธีไหน เมโสแฟต กับ ดูดไขมันเหมาะกับใคร ? หมอมีข้อมูลและข้อเปรียบเทียบของทั้ง 2 หัตถการมาแนะนำครับ
สารบัญ เมโสแฟต กับ ดูดไขมัน
เมโสแฟต กับ ดูดไขมัน ต่างกันอย่างไร ?
เมโสแฟตและการดูดไขมันเป็นหัตถการที่สามารถลดและกำจัดไขมันส่วนเกินได้ แต่มีขั้นตอนและหลักการพื้นฐานการทำงานแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเมโสแฟตจะเป็นการใช้ตัวยาฉีดเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนังเพื่อสลายเซลล์ไขมัน ส่วนการดูดไขมันเป็นขั้นตอนการผ่าตัดเล็กที่เครื่องมือดูดนำไขมันออกจากร่างกายโดยตรง
นอกจากความแตกต่างของหลักการทำงานแล้ว ระยะเวลาการฟื้นตัว และปริมาณไขมันที่สามารถลดได้ ก็แตกต่างกันด้วย หมอขออธิบายรายละเอียดของทั้งการฉีดเมโสแฟตและการดูดไขมัน ดังนี้
เมโสแฟต สลายไขมัน
การฉีดเมโสแฟตเป็นการกำจัดไขมันแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผลเป็น ทำโดยการฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
ตัวยาที่ฉีดจะสามารถกระตุ้นให้เซลล์ไขมันให้สลายตัวและถูกขับออกจากร่างกายผ่านระบบน้ำเหลืองและการขับถ่ายตามธรรมชาติ
ระยะเวลาในการฉีดเมโสสลายไขมัน จะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีต่อครั้งเท่านั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด หลังทำคนไข้สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที มีอาการบวมจากตัวยาเล็กน้อยและสามารถยุบบวมลงได้ในช่วง 3-4 ชั่วโมงหลังทำ ไม่จำเป็นต้องลางาน หรือเสียเวลาพักฟื้น การรักษาอาจต้องทำหลายครั้ง( 4-5 ครั้ง) ในกรณีที่มีปริมาณไขมันมาก
ด้านผลลัพธ์ของเมโสแฟตจะค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นภายใน 2-4 สัปดาห์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันปริมาณน้อยถึงปานกลางและต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติครับ
ดูดไขมัน ลดปริมาณไขมัน
การดูดไขมันเป็นขั้นตอนการผ่าตัดที่ใช้เครื่องมือพิเศษในการดูดไขมันออกจากร่างกายโดยตรง โดยแพทย์จะทำการเจาะรูเล็ก ๆ บริเวณที่ต้องการลดไขมัน แล้วใช้ Cannula (หลอดดูดขนาดเล็ก) เข้าไปดูดไขมันออก
ก่อนการดูดไขมันจะมีการฉีดยาชาและสารละลายพิเศษเพื่อช่วยให้การดูดไขมันง่ายขึ้นและลดการอักเสบ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณและบริเวณที่ต้องการดูด
ผลลัพธ์ของการดูดไขมันจะเห็นได้ทันทีหลังการผ่าตัด แต่จะมีการบวมน้ำในช่วงแรก โดยผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 3-6 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันปริมาณมากและต้องการผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนในครั้งเดียว ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวช้ำ มีเวลาพักฟื้น และสามารถรับความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้
ข้อดี-ข้อเสีย ของเมโสแฟต
ข้อดีของเมโสแฟต
การทำเมโสแฟตมีจุดเด่นในเรื่องความปลอดภัยและความสะดวกสบายครับ เนื่องจากเป็นการรักษาแบบไม่ผ่าตัด ทำให้ไม่มีแผลและไม่ต้องพักฟื้น ต้นทุนค่าทำหัตถการไม่สูงมาก
✓ มีความปลอดภัย ใช้เวลาในการทำน้อย ไม่ต้องพักฟื้น
✓ การเตรียมตัวก่อนทำไม่ยุ่งยาก
✓ หลังทำไม่ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ
✓ สามารถลดไขมันได้ครั้งละ 10-15%
✓ ทำได้หลายตำแหน่งตามจุดที่มีไขมันสะสม
✓ ไม่มีรอยแผล ไม่มีรอยผ่าตัด ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
✓ ราคาไม่แพง สามารถทยอยทำได้
นอกจากนี้ เมโสแฟตยังช่วยกระชับผิวหนังและลดเซลลูไลท์ได้บ้าง ทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียนขึ้น การรักษาไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดมาก เพียงรู้สึกเจ็บเล็กน้อยจากการลงเข็มฉีดเท่านั้น
ข้อเสียของเมโสแฟต
เมโสแฟตมีข้อจำกัดในเรื่องปริมาณไขมันที่สามารถลดได้ เหมาะกับผู้ที่มีไขมันน้อยถึงปานกลางเท่านั้น ผลลัพธ์ใช้เวลานานกว่าจะเห็น และต้องทำหลายครั้งจึงจะได้ผลตามต้องการ
ข้อดี-ข้อเสีย ของการดูดไขมัน
ข้อดีของการดูดไขมัน
การดูดไขมันให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนและรวดเร็ว สามารถลดไขมันปริมาณมากได้ในครั้งเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ไขมันที่ดูดออกมาจะไม่กลับมาใหม่ หากดูแลตัวเองรักษาน้ำหนักได้คงที่
เทคนิคการดูดไขมันในปัจจุบันมีความปลอดภัยมากขึ้น สามารถปรับแต่งรูปร่างได้ หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ภายใต้สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีอุปกรณ์ช่วยเหลือครบครัน
ข้อเสียของการดูดไขมัน
เนื่องจากการดูดไขมันเป็นการผ่าตัด จึงมีความเสี่ยงและข้อจำกัดมากกว่าเมโสแฟตครับ คนไข้ควรศึกษารายละเอียด และเลือกใช้บริการกับสถานพยาบาลที่มีความพร้อม
นอกจากนี้หลังทำ จำเป็นต้องมีเวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ และอาจเกิดผลข้างเคียงเช่น การบวม ช้ำ หรือมีความรู้สึกชาในบริเวณที่ทำได้
ด้านค่าใช้จ่ายการดูดไขมันมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมโสแฟต และอาจเกิดความไม่สมดุลของรูปร่างหากแพทย์ไม่มีประสบการณ์เพียงพอ ในบางราย อาจเกิดแผลเป็นหรือผิวหนังไม่เรียบบริเวณที่ทำได้ครับ
เมโสแฟต กับ ดูดไขมัน แบบไหนเหมาะกับใคร ?
การเลือกระหว่างเมโสแฟตและการดูดไขมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการครับ เช่น
- ปริมาณไขมันที่ต้องการลด
- ความต้องการในเรื่องของผลลัพธ์
- ระยะเวลาที่สามารถพักฟื้นได้
- งบประมาณ
สรุปความเหมาะสม เมโสแฟต กับ ดูดไขมัน
- เมโสแฟตเหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีไขมันปริมาณน้อยถึงปานกลาง ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่สามารถพักฟื้นจากการทำงานได้นาน ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัด หรือมีงบประมาณจำกัด นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการกระชับผิวหนังและลดเซลลูไลท์ด้วยก็จะเหมาะกับเมโสแฟตครับ
- การดูดไขมันเหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีไขมันปริมาณมาก ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนและรวดเร็ว สามารถพักฟื้นได้ และมีงบประมาณเพียงพอ นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการปรับแต่งรูปร่างอย่างแม่นยำหรือต้องการไขมันไปใช้ในการเติมบริเวณอื่นก็เหมาะกับการดูดไขมัน
เมโสแฟต กับ ดูดไขมัน เลือกแบบไหนดี ?
การตัดสินใจเลือกระหว่างเมโสแฟตและการดูดไขมัน ในเบื้องต้นควรปรึกษาแพทย์เป็นหลักครับ เนื่องจากแพทย์จะสามารถประเมินสภาพร่างกาย ปริมาณไขมัน และความเหมาะสมของแต่ละวิธีได้อย่างแม่นยำ
ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจรวมถึง อายุ สุขภาพโดยรวม ปริมาณไขมันที่ต้องการลด ความคาดหวังในผลลัพธ์ และความพร้อมในการพักฟื้น การประเมินความเสี่ยงและผลประโยชน์ของแต่ละวิธี ที่ตัวคนไข้สามารถรับได้ครับ
อยากหน้าเรียว ควรทำเมโสแฟต หรือ ดูดไขมัน
สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า อยากมีใบหน้าที่เรียวเล็ก การเลือกระหว่างเมโสแฟตและการดูดไขมันมีข้อพิจารณาพิเศษ เนื่องจากใบหน้าเป็นบริเวณที่ต้องการความละเอียดและความปลอดภัยสูง
- เมโสแฟตสำหรับหน้าเรียว เป็นวิธีที่หมอแนะนำครับ เพราะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันใต้คางหรือแก้มเพียงเล็กน้อย ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และไม่ต้องการความเสี่ยงจากการผ่าตัด เมโสแฟตสามารถกระทำได้อย่างแม่นยำและให้ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติ
- การดูดไขมันใบหน้า ใต้คาง สามารถทำเช่นกันแต่ต้องระวังเส้นประสาทและโครงสร้างที่สำคัญของใบหน้า
ดังนั้นเมโสแฟตจึงเป็นตัวเลือกแรกสำหรับการทำหน้าเรียว ที่หมอแนะนำ เนื่องจากความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ธรรมชาติ และราคาไม่แพงครับ
เมโสแฟต กับ ดูดไขมัน แบบไหน ปลอดภัย ?
จริง ๆ แล้ว ทั้งเมโสแฟตและการดูดไขมันมีความปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และชำนาญในหัตถการนั้น ๆ ประกอบกับทำในคลินิก หรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ระดับความเสี่ยงของทั้งสองวิธีแตกต่างกัน
- ความปลอดภัยของเมโสแฟต อยู่ในระดับสูง เนื่องจากเป็นการรักษาแบบไม่ผ่าตัด ความเสี่ยงหลักคือการติดเชื้อ ปฏิกิริยาแพ้ หรือผลข้างเคียงเล็กน้อย ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการรักษา
- ความปลอดภัยของการดูดไขมัน ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ รวมถึงการเตรียมตัวและสุขภาพโดยรวมของตัวคนไข้ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การติดเชื้อ การเสียเลือดมาก ปฏิกิริยาต่อยาชา หรือผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
โดยรวมแล้ว เมโสแฟตมีความปลอดภัยสูงกว่าครับ แต่ทั้งสองวิธีจะปลอดภัยหากเลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่เหมาะสม
เมโสแฟต กับ การดูดไขมัน อะไรพักฟื้นน้อยที่สุด ?
เมโสแฟตมีระยะเวลาพักฟื้นน้อยที่สุด เนื่องจากเป็นการรักษาแบบไม่ผ่าตัด ผู้รับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีหลังการรักษา โดยไม่ต้องหยุดงานหรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมใดๆ ขณะที่การดูดไขมันจะ ต้องพักฟื้น 1-2 สัปดาห์ มีการบวมและช้ำ 1-3 สัปดาห์ ต้องใส่เสื้อรัดตัวพิเศษ 4-6 สัปดาห์ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก 4-6 สัปดาห์ สำหรับผู้ที่ไม่สามารถหยุดงานหรือต้องการใช้ชีวิตปกติได้ทันที เมโสแฟตจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดครับ
เมโสแฟต กับ การดูดไขมัน ราคาถูกแพงต่างกันอย่างไร
ค่าใช้จ่ายของเมโสแฟตและการดูดไขมันแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งในด้านต้นทุนต่อครั้งและต้นทุนรวมทั้งหมด
เมโสแฟตราคาเท่าไร ?
ค่าใช้จ่ายต่อครั้งประมาณ 2,000.- ขึ้นไปอยู่กับบริเวณและปริมาณที่ทำ โดยทั่วไปต้องทำ 3-6 ครั้ง ทำให้ต้นทุนรวมประมาณหลัก ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสามารถเข้าถึงได้และสามารถแบ่งจ่ายได้ครับสำหรับที่ V Square Clinic มีราคาโปรโมชันการฉีดเมโสแฟตสลายไขมันดังนี้
ดูดไขมัน ราคาเท่าไหร่ ?
ราคาเฉลี่ย โปรแกรมดูดไขมัน ในโรงพยาบาลชั้น เริ่มต้นที่ 29,000-200,000 บาทขึ้นอยู่กับบริเวณและปริมาณไขมันที่ดูด รวมถึงค่าห้องผ่าตัด ค่ายาชา และค่าดูแลหลังผ่าตัด
Q&A ตอบข้อสงสัยการฉีดเมโสแฟต กับ ดูดไขมัน
เมโสแฟต กับ ดูดไขมัน ลดไขมันได้ถาวรไหม ?
เมโสแฟตและการดูดไขมันสามารถลดไขมันได้ หากรักษาน้ำหนักคงที่ เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายหรือดูดออกแล้วจะไม่สร้างใหม่ แต่หากหากน้ำหนักเพิ่มขึ้น เซลล์ไขมันที่เหลืออยู่จะขยายตัวได้ครับ
ไขมันเยอะ ควรทำเมโสแฟต หรือ ดูดไขมัน แบบไหนคุ้ม
สำหรับผู้ที่มีไขมันปริมาณมาก การดูดไขมันอาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เนื่องจากสามารถลดไขมันปริมาณมากได้ในครั้งเดียวและให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน แต่ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงและผลลัพธ์หลังทำที่หมออธิบายไว้ข้างต้น
ขณะเดียวกันการทำเมโสแฟตก็มีข้อจำกัดในการลดไขมันปริมาณมาก และต้องทำหลายครั้งมาก ซึ่งถ้าคนไข้ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากดูดไขมัน การทำเมโสแฟตก็ถือว่าเป็นวิธีนี้ซึ่งคุ้มค่าทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายสำหรับตัวคนไข้เองครับ
อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังมีหัตถการที่สามารถลดไขมันส่วนเกินได้โดยที่ไม่ต้องฉีดเมโสแฟต หรือดูดไขมัน อย่างการทำ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น ที่มีความปลอดภัยสูง ไม่มีแผล ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น สามารถกำจัดไขมันลดลงได้ 20-30% ต่อการทำ 1 ครั้ง ทำได้ทั้งตัว ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งครับ
แนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปริมาณไขมันและวางแผนการรักษาเลือกทำหัตถการลดไขมันส่วนเกินที่เหมาะสมในแต่ละเคสครับ
อยากลดไขมันแบบเร่งด่วน เห็นผลเร็ว เลือกทำอะไรดี ?
หากต้องการลดไขมันอย่างรวดเร็วและเห็นผลทันที การดูดไขมัน หรือการทำ Coolsculpting เป็นตัวเลือกที่ดีครับ เนื่องจากให้ผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
ฉีดเมโสแฟต อันตรายไหม ?
การฉีดแฟตเป็นวิธีการสลายไขมันที่ปลอดภัย ไม่อันตราย หากใช้ตัวยาแท้ที่ได้มาตรฐาน ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และรับบริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน
ฉีดเมโสแฟต เห็นผลจริงไหม ลดไขมันได้จริงไหม ?
การฉีดเมโสแฟตสามารถลดไขมันได้จริงครับ และยิ่งเห็นผลชัดเจนมากขึ้นเมื่อฉีดเมโสแฟตต่อเนื่อง ตามจำนวน CC และจำนวนครั้งที่แพทย์แนะนำ
หลังฉีดเมโสแฟตครั้งแรก เว้นกี่วันถึงกลับมาฉีดซ้ำได้ ?
การกลับมาฉีดซ้ำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี แพทย์จะทำการนัดหมายต่อเนื่องตามที่ประเมิน โดยเฉลี่ยจะอยู่ 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง
ทั้งนี้การฉีดเมโสแฟตในครั้งแรก จะเห็นผลว่าบริเวณที่ฉีดเริ่มยุบลงภายใน 5-7 วัน ครับ หลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ครับ
ฉีดเมโสแฟต เยอะ ๆ หลายจุดพร้อมกันได้ไหม ถ้าไม่อยากดูไขมัน
การฉีดเมโสแฟตสามารถฉีดหลายจุดพร้อมกันได้ครับ เช่น ฉีดลดแก้ม ลดเหนียง ลดพุง แต่ทั้งหมดต้องให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมในการใช้ปริมาณตัวยาในแต่ละเคสครับ
สรุปแนวทางเลือกเมโสแฟต กับ ดูดไขมัน ที่เหมาะสม
เมโสแฟตและการดูดไขมันเป็นสองเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการลดไขมัน แต่มีหลักการและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงปริมาณไขมัน ความต้องการผลลัพธ์ ระยะเวลาที่สามารถพักฟื้นได้ และงบประมาณ
โดยสรุปเมโสแฟตเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูง ไม่ต้องการพักฟื้น และมีไขมันปริมาณน้อยถึงปานกลาง ในขณะที่การดูดไขมันเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน มีไขมันปริมาณมาก สามารถรับความเสี่ยงได้
อย่างไรก็ตามทั้ง 2 หัตถการต้องอยู่ภายใต้ความปลอดภัย โดยเลือกทำในคลินิก หรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือเท่านั้นครับ