วิตามินเอกับสุขภาพ
วิตามินเอ (Vitanin A) เป็นหนึ่งในวิตามินที่จำเป็นสำหรับร่างกายและมีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การช่วยให้เรามองเห็นได้ดีในที่มืด ไปจนถึงการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
นอกจากนี้ วิตามินเอยังมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ การดูแลสุขภาพผิวหนัง และการทำงานของระบบสืบพันธุ์
หากเรามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิตามินเอ ทั้งประโยชน์ แหล่งอาหาร และปริมาณที่เหมาะสมในการบริโภค ก็จะช่วยให้เราดูแลสุขภาพได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับ
สารบัญวิตามินเอ
รู้จักวิตามินเอให้มากขึ้น Vitamin A คืออะไร ?
วิตามินเอ (Vitamin A) เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน และมีความจำเป็นต่อระบบการทำงานในร่างกายหลายระบบ เป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับจากอาหารหรืออาหารเสริม หากขาดวิตามินเออาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน
บทบาทสำคัญของวิตามินเอ ที่หลาย ๆ คนรู้ดีคือ ช่วยในเรื่องมองเห็น แต่อีกคุณประโยชน์สำคัญของวิตามินเอ คือช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การเจริญเติบโตและพัฒนาการของเซลล์ รวมถึงการดูแลรักษาสุขภาพของผิวหนังและเยื่อบุต่าง ๆ ในร่างกายครับ
วิตามินเอ มีอะไรบ้าง ? ประเภทของวิตามินเอ
ประเภทของวิตามินเอ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- 1.วิตามินเอ รูปแบบ Retinol เป็นวิตามินเอที่พร้อมใช้งาน พบได้ในอาหารจากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ ตับ ปลา ไข่ และผลิตภัณฑ์นม รูปแบบนี้สามารถนำไปใช้ในร่างกายได้ทันที
- 2. วิตามินเอ รูปแบบ Provitamin A (Beta-Carotene) พบในผักและผลไม้ โดยเฉพาะที่มีสีส้ม เหลือง และเขียวเข้ม เช่น แครอท ฟักทอง ผักใบเขียว ร่างกายจะแปลงสาร Beta-Carotene เป็นวิตามินเอตามความต้องการ
ประโยชน์หลักของวิตามินเอ
1.วิตามินเอกับการมองเห็น
วิตามินเอมีบทบาทสำคัญในการมองเห็น โดยเฉพาะการมองเห็นในที่มืดหรือแสงน้อย วิตามินเอจะช่วยในการสร้าง Rhodopsin (โรดอปซิน) ซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเซลล์รับแสงในจอตา การขาดวิตามินเออาจทำให้เกิดภาวะ “ตาบอดกลางคืน” หรือการมองเห็นในที่มืดลำบาก
นอกจากนี้วิตามินเอยังช่วยปกป้องกระจกตา ทำให้กระจกตามีสุขภาพดีและไม่เกิดความเสียหาย ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของดวงตาและป้องกันการแห้งของเยื่อบุตาได้ จึงสามารถลดความเสี่ยงของโรคตาแห้งซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาสุขภาพตาให้ดีอยู่เสมอ
2. วิตามินเอตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
วิตามินเอมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยให้เซลล์ภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรคต่าง ๆ
วิตามิน A ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเยื่อบุต่าง ๆ เช่น เยื่อบุทางเดินหายใจ ผิว สายตา ระบบทางเดินอาหารและลำไส้ ช่วยให้ร่างกายป้องกันและต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆได้ดี
3. วิตามินเอสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเซลล์
วิตามินเอเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการแบ่งตัวและการเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์เยื่อบุต่าง ๆ เช่น เยื่อบุผิวหนัง เยื่อบุทางเดินหายใจ และเยื่อบุทางเดินอาหาร
การได้รับวิตามินเอที่เพียงพอจะช่วยให้เซลล์เหล่านี้สามารถทำงานได้อย่างปกติครับ ร่างกายสามารถซ่อมแซมและทดแทนเซลล์ที่เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. วิตามินเอช่วยบำรุงระบบสืบพันธุ์
วิตามินเอมีบทบาทสำคัญในระบบสืบพันธุ์ทั้งของเพศชายและเพศหญิง ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะมีบุตรยาก
- ในเพศชาย วิตามินเอช่วยในการผลิตอสุจิและรักษาคุณภาพของอสุจิ
- ในเพศหญิง วิตามินเอสำคัญต่อการพัฒนาของรกและการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
- ในเด็ก วิตามินเอจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ปกติ รวมถึงการพัฒนาของระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน และอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย
5.วิตามินเอกับสุขภาพกระดูก
วิตามินเอมีส่วนช่วยในการดูแลรักษาสุขภาพของกระดูกและฟัน โดยทำงานร่วมกับวิตามินดีและแคลเซียมในการสร้างและรักษาความแข็งแรงของกระดูก
การได้รับวิตามินเอในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันปัญหาการผุกร่อนของกระดูกและฟัน รวมถึงการลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนในวัยสูงอายุ
6.วิตามินเอเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี
วิตามินเอโดยเฉพาะในรูปแบบของ Beta-Carotene มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย
การต้านอนุมูลอิสระนี้ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง และการเสื่อมสภาพของเซลล์ตามอายุ รวมถึงช่วยรักษาผิวหนังให้ดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีครับ
หากร่างกายขาดวิตามินเอจะส่งผลอย่างไรบ้าง ?
การขาดวิตามินเออาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ โดยอาการที่อาจบ่งบอกถึงการขาดวิตามินเอ ได้แก่
- ปัญหาการมองเห็น เช่น ตาบอดกลางคืน ตาแห้ง การมองเห็นเบลอ มีความรู้สึกคล้ายมีทรายในตา เคืองตาและในกรณีรุนแรงอาจถึงขั้นตาบอด
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ทำให้ติดเชื้อง่าย ป่วยบ่อย เป็นหวัด เป็นหิด และหายช้า
- ปัญหาผิวหนัง เช่น ผิวแห้ง หยาบกร้าน เกิดผื่น มีแผลติดเชื้อง่าย โดยเฉพาะบริเวณแขนและขา
- การเจริญเติบโตช้าในเด็ก น้ำหนักและส่วนสูงไม่เป็นไปตามเกณฑ์
- ปัญหาการสืบพันธุ์ อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์และการพัฒนาของทารก
- เยื่อบุอักเสบ เยื่อบุทางเดินหายใจและทางเดินอาหารอาจมีปัญหา
หากพบอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจและวินิจฉัยที่ถูกต้อง
วิตามินเอกับปริมาณการบริโภคที่แนะนำต่อวัน
ปริมาณวิตามินเอที่แนะนำต่อวันจะแตกต่างกันตามเพศและช่วงอายุ โดยทั่วไปควรได้รับวิตามินดังนี้
- ผู้ใหญ่ (เพศชาย) ประมาณ 900 ไมโครกรัม หรือ 3,000 IUต่อวัน
- ผู้ใหญ่ (เพศหญิง) ประมาณ 700 ไมโครกรัม หรือ 2,330 IU ต่อวัน
- หญิงตั้งครรภ์ ควรเพิ่มปริมาณเป็น 770 ไมโครกรัมต่อวัน
- หญิงให้นมบุตร ควรได้รับประมาณ1,300 ไมโครกรัมต่อวัน
- เด็ก ปริมาณจะน้อยกว่าผู้ใหญ่ โดยขึ้นอยู่กับอายุ ตั้งแต่ 300-600 ไมโครกรัมต่อวัน
วิตามินเอ มีในอาหารอะไรบ้าง ?
แหล่งอาหารที่มีวิตามินเอแบบเป็น 2 กลุ่มคือ
วิตามิน A จากสัตว์ ได้แก่
- ตับสัตว์ เป็นแหล่งวิตามินเอที่ดีที่สุด โดยเฉพาะตับวัว ตับหมู และตับไก่ ซึ่งมีวิตามินเอสูงมาก
- ปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน มีวิตามินเอในปริมาณดี
- ไข่ โดยเฉพาะไข่แดงมีวิตามินเอสูง
- ผลิตภัณฑ์นม เช่น นม เนย ชีส ที่เสริมวิตามินเอ
- น้ำมันตับปลา เป็นแหล่งวิตามินเอเข้มข้นสูง
วิตามิน A จากผักและผลไม้ (เบต้าแคโรทีน) ได้แก่
- ผักสีส้มและเหลือง เช่น แครอท ฟักทอง มันเทศ ข้าวโพดหวาน
- ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักบุ้ง ผักกาดขาว บรอกโคลี ผักใบหวาน
- ผลไม้สีส้ม เช่น มะละกอ มะม่วง แคนตาลูป
- ผักใบสีเขียว เช่น ผักสลัด ผักกาดหอม ผักกวางตุ้ง
- มะเขือเทศ และผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ
นอกจากนี้ยังสามารถรับวิตามินเอได้จากแหล่งอื่น เช่น การรับประทานอาหารเสริม ซึ่งควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสริมวิตามินเอ เนื่องจากวิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน หากรับประทานมากเกินไปเป็นเวลานาน อาจเกิดภาวะ Hypervitaminosis A ที่เป็นอันตรายได้ครับ
ภาวะวิตามิน A เกิน (Hypervitaminosis A) คือภาวะที่ร่างกายมีปริมาณวิตามิน A สะสมมากเกินไป
ส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ กระดูก และระบบประสาท
ความเสี่ยงและผลกระทบต่อสุขภาพของการรับประทานวิตามินเอมากเกินไป
การรับประทานวิตามินเอเกินขนาดอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะวิตามินเอในรูปแบบ Retinol จากอาหารเสริมหรือยาครับ
อาการของการรับวิตามินเอมากเกินไปมีอะไรบ้าง ?
- อาการพิษจากวิตามินเอเฉียบพลัน : คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว เวียนศีรษะ และผิวหนังลอก
- อาการพิษจากวิตามินเอเรื้อรัง : ผมร่วง เล็บแตก ผิวหนังแห้งและหยาบกร้าน ปวดกระดูกและข้อ ตับโต
- ผลกระทบต่อหญิงตั้งครรภ์ : การได้รับวิตามินเอมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดความผิดปกติแต่กำเนิดในทารก
- เพิ่มความเสี่ยงกระดูกเปราะหักง่าย : การบริโภควิตามินเอเกินขนาดเป็นเวลานานอาจทำให้กระดูกเปราะและเพิ่มความเสี่ยงของการหักกระดูก
ข้อควรระวังการใช้วิตามินเอในแต่ละกลุ่มคน
- หญิงตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอาหารเสริมวิตามินเอ
- ผู้ที่มีโรคตับ ควรระวังการบริโภควิตามินเอมากเกินไป
- ผู้สูงอายุ อาจต้องการวิตามินเอน้อยกว่าผู้ใหญ่ทั่วไป
- การรับประทานยาบางชนิด อาจมีปฏิกิริยาร่วมกับวิตามินเอ
เสริมภูมิให้สูงด้วยวิตามินเอ แต่กลัวใช้มากเกิน ควรทำอย่างไรดี ?
การเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายสามารถทำได้หลายวิธีครับ เช่น
- การปรับพฤติกรรม เช่น กินอาหารที่มีประโยชน์
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- การออกกำลังกาย
นอกจากนี้การเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การดริปวิตามิน เป็นอีกตัวช่วยที่ดี เพราะเป็นวิธีส่งสารอาหาร วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงร่างกาย และฟื้นฟูผิวพรรณให้แข็งแรงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
หากต้องการเสริมภูมิให้สูงด้วยการดริปวิตามิน เลือกสูตรไหนดี ?
หากต้องการเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการดริปวิตามิน ปัจจุบันมีให้เลือกหลายสูตร โดยเฉพาะสูตรกลุ่มของ V Healthy Booster โดยที่ V Square Wellness Center มีให้เลือกหลายสูตร เช่น
- สูตร Immune V Booster เป็นสูตรที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ไม่ป่วยง่าย ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่ป่วยบ่อย มีปัญหาภูมิแพ้เรื้อรัง ไมเกรนและไซนัสเรื้อรัง ผู้มีผื่นคันผิวหนังเรื้อรัง ลมพิษเรื้อรัง ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
- สูตร Myer’s V Booster ช่วยฟื้นฟูร่างกาย เสริมสมรรถภาพทางร่างกาย สมอง จิตใจ ขาดสารอาหาร เหนื่อย อ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ
- สูตร Brain V Booster ช่วยเพิ่มความสามารถของสมองในการซ่อมแซมตัวเองโดยการกระตุ้นการฟื้นฟูของระบบประสาท ช่วยลดความเหนื่อยล้า เพิ่มความสดชื่น พร้อมทำงาน
ทั้งนี้การดริปวิตามินที่เหมาะสม ปลอดภัย ต้องทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ที่มีประสบการณ์ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยครับ
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิตามินเอ (Vitamin A)
1.กินวิตามินเอทุกวัน อันตรายไหม ?
การบริโภควิตามินเอทุกวันโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายครับ หากได้รับวิตามินเอในปริมาณที่เหมาะสมตามที่ร่างกายต้องการ ในเบื้องต้นแนะนำให้บริโภควิตามินเอจากอาหารธรรมชาติ จะปลอดภัยกว่าการบริโภคจากอาหารเสริม เพราะร่างกายสามารถควบคุมการดูดซึมได้ดีกว่า ในกรณีต้องการเสริม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร และไม่เกินขนาดที่กำหนด
2.วิตามินเอ ช่วยอะไรกับผิวหน้า ทำไมถึงถูกพูดถึงเยอะ ?
วิตามินเอมีประโยชน์มากมายต่อผิวหน้าครับ โดยในปัจจุบันจึงมีการนำสารในกลุ่มวิตามินเอ เช่น เรตินอยด์ (Retinoids) ในรูปยาทาและยารับประทานมาใช้ในการรักษาสิวและริ้วรอย เช่น
- ช่วยลดริ้วรอย โดยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและการต่ออายุเซลล์ผิว
- ปรับผิวให้เรียบเนียน ช่วยลดรูขุมขนที่ใหญ่และผิวที่หยาบกร้าน
- ลดการอักเสบของสิว มีสรรพคุณต้านการอักเสบ ช่วยลดสิวและรอยแดงจากสิว
- เร่งการหลุดลอกของเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวดูสดใสและมีชีวิตชีวา
- ลดจุดด่างดำ ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอและลดการสะสมของเมลานิน
- เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวและลดการแห้งกร้าน
- ป้องกันแสงแดด มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสี UV
- ช่วยซ่อมแซมผิว ส่งเสริมการสร้างเซลล์ผิวใหม่และซ่อมแซมผิวที่เสียหาย
- การใช้วิตามินเอทางผิวหนังควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ผิวปรับตัว และควรใช้ครีมกันแดดร่วมด้วยเพราะวิตามินเออาจทำให้ผิวไวแสงมากขึ้น
ทั้งนี้ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินเอ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร
3.วิตามินเอช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้จริงไหม ?
มีข้อมูลงานวิจัยพบว่าการรับประทานวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน อาจจะช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และมะเร็งปากมดลูก แต่ก็ยังไม่มีรายงานสรุปที่แน่ชัดครับ
สรุปวิตามินเอ สารอาหารสำคัญของร่างกาย
วิตามินเอเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพของร่างกาย ตั้งแต่การช่วยในเรื่องการมองเห็น การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน การเจริญเติบโตของเซลล์ ไปจนถึงการดูแลสุขภาพของผิวหนัง
การได้รับวิตามินเอในปริมาณที่เหมาะสมจากแหล่งอาหารธรรมชาติจะเป็นประโยชน์สูงสุดและปลอดภัยที่สุดครับ เช่น ในผักและผลไม้สีสดใส เนื้อสัตว์ ปลา และผลิตภัณฑ์จากนม ล้วนเป็นแหล่งวิตามินเอที่ดี
อย่างไรก็ตามการบริโภควิตามินเอเกินขนาดอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำการบริโภคที่เหมาะสมตามเพศและวัย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการรับประทานอาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
อ้างอิง
- Vitamin A – Uses, Side Effects, and More
- Vitamin A Toxicity: How Much Vitamin A Is Too Much?
- Vitamin A Excess(Vitamin A Toxicity)


