เจาะลึกปากกาลดน้ำหนักตัวช่วยคุมหิว ลดน้ำหนัก
ในยุคปัจจุบันที่โรคอ้วนกลายเป็นปัญหาสุขภาพระดับโลก การหาวิธีการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ ปากกาลดน้ำหนัก หรือที่เรียกว่า Weight Loss Injection Pen ถือเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินและไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยวิธีการดั้งเดิมครับ
ปากกาลดน้ำหนักทำงานผ่านกลไกการควบคุมความหิว ควบคุมน้ำหนักและรักษาภาวะอ้วน อย่างไรก็ตาม การใช้ปากกาลดน้ำหนักต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประสิทธิภาพ ข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวังต่าง ๆ
สารบัญ ปากกาลดน้ำหนัก
ปากกาลดน้ำหนักคืออะไร ?
ปากกาลดน้ำหนัก (Weight Loss Injection Pen) เป็นอุปกรณ์การแพทย์ที่มีลักษณะคล้ายปากกา ใช้สำหรับฉีดยาควบคุมน้ำหนักโดยการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังด้วยเข็มขนาดเล็ก
ตัวยาที่ใช้จะเป็นกลุ่ม GLP-1 Receptor Agonist (เช่น Liraglutide, Semaglutide) หรือบางสูตรผสม GIP Agonist (เช่น Tirzepatide) ซึ่งออกฤทธิ์ช่วยลดน้ำหนักได้ โดยจะช่วยให้อิ่มนานขึ้น กินน้อยลง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยให้เผาผลาญไขมันได้มากขึ้น
GLP-1 และ GIP คืออะไร ?
- GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) คือ ฮอร์โมนธรรมชาติ ในกลุ่ม Incretin ที่ร่างกายสร้างขึ้นในลำไส้เล็กหลังรับประทานอาหาร ที่มีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ยับยั้งการหลั่ง Glucagon (Glucagon เยอะ เพิ่มระดับน้ำตาล ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น) ชะลอการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และปกป้องหัวใจ ลดความเสียหายจากผนังหลอดเลือดหัวใจ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
- GIP หรือ Glucose-dependent Insulinotropic Polypeptide คือ ฮอร์โมนในกลุ่ม Incretinเช่นกัน มีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมน้ำตาลและการเผาผลาญพลังงาน ผลิตจาก K-cells ในลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenum และ Jejunum) ช่วยควบคุมการเผาผลาญพลังงานและไขมัน แต่ไม่เด่นเรื่องลดความอยากอาหารเท่า GLP-1 และจะเน้นเสริมการหลั่งอินซูลิน และเผาผลาญไขมันเป็นหลัก
ลักษณะของปากกาลดน้ำหนัก
- รูปทรงเหมือนปากกา ขนาดเล็กกะทัดรัด
- มีปุ่มควบคุมขนาดยาที่จะฉีด
- เข็มขนาดเล็กที่ทำให้การฉีดไม่เจ็บ
วิธีการฉีดปากกาลดน้ำหนักทําอย่างไร ?
- ฉีดใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขน ต้นขา หรือหน้าท้อง
- ฉีดสัปดาห์ละครั้งในวันเดียวกันของทุกสัปดาห์
- สามารถปรับขนาดยาได้ตามแพทย์สั่ง
หมายเหตุ : ควรเปลี่ยนจุดฉีดทุกสัปดาห์เพื่อลดอาการระคายเคือง
ถ้าลืมฉีดยาต้องทำอย่างไร (ปากกาลดน้ำหนักแต่ละยี่ห้อมีหลักการไม่เหมือนกัน) 1.หากไม่เกิน 1-3 วัน ให้ฉีดทันทีที่นึกขึ้นได้ 2. ถ้าเกินกว่านั้นให้ข้ามเข็มนั้นไปและฉีดตามกำหนดเดิม 3. หากลืม 2 เข็มติดต่อกัน ให้เริ่มกลับมาฉีดที่ขนาดเริ่มต้นอีกครั้ง
เจาะลึกกลไกการทำงานของปากกาลดน้ำหนัก
กลไกการออกฤทธิ์ของปากกาลดน้ำหนักทำงานโดยการฉีดยาที่มีกลไกคล้ายฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide 1) เข้าสู่ร่างกาย เพื่อส่งสัญญาณไปยังสมองส่วนไฮโปธาลามัส จึงส่งผลให้เกิด
- การควบคุมความหิวและกระตุ้นความอิ่ม : ลดความอยากอาหาร ทำให้รับประทานอาหารน้อยลง
- ช่วยชะลอการบีบตัวของกระเพาะอาหาร : ทำให้อาหารย่อยช้าลงและรู้สึกอิ่มนานขึ้น
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด : ยาสามารถกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลินเพิ่มขึ้นเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลให้คงที่ และลดการหลั่งฮอร์โมนกลูคากอนซึ่งเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
เมื่อกลไกเหล่านี้ทำงานร่วมกัน คนไข้จะรับประทานอาหารได้น้อยลง ควบคุมแคลอรี่ได้ดีขึ้น และรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ซึ่งนำไปสู่การลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพครับ
กลุ่มตัวยาในปากกาลดน้ำหนัก มีอะไรบ้าง ?
ตัวยาในปากกาลดน้ำหนักมีหลายกลุ่ม ในแต่ละยี่ห้อ แต่โดยทั่วไปจะเป็น GLP-1 Receptor Agonist หรือบางสูตรผสม GIP Agonist เช่น
- Semaglutide เป็นยากลุ่ม GLP-1 Receptor Agonist มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักได้ประมาณ 12-15% จากน้ำหนักเริ่มต้น (3-5 kg ใน 1 เดือน) ช่วยลดความหิว โดยช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและนานขึ้น รวมถึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- Tirzepatide เป็นยากลุ่มใหม่ที่ใช้ในการควบคุมน้ำหนักและรักษาภาวะอ้วน รวมถึงผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ยามีจุดเด่นในการออกฤทธิ์ที่ เพราะทำงานผ่าน 2 ตัวรับพร้อมกัน GIP (Glucose-Dependent Insulinotropic Polypeptide) และควบคู่กับ GLP-1 Receptor Agonist จึงให้ผลดีกว่าการใช้ GLP-1 เพียงอย่างเดียว
(GIPเมื่อใช้ร่วมกับ GLP-1 สามรถลดการสะสมไขมันในช่องท้อง และเพิ่มการสลายไขมัน) - Liraglutide เป็นยาที่มีกลไกการทำงานคล้ายกับฮอร์โมนกลูคากอน (Glucagon) ในร่างกาย ที่มีผลในการลดน้ำหนักและควบคุมความหิว ทำให้ควบคุมการกินได้ดีขึ้น
ปากกาลดน้ำหนัก ช่วยเรื่องอะไร ?
ประโยชน์หลักของปากกาลดน้ำหนัก คือ ควบคุมน้ำหนัก ลดความอยากอาหาร และปรับปรุงเรื่องของสุขภาพ
- ช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ง่ายขึ้น
- ช่วยให้อิ่มได้นานขึ้น ลดการกินจุกจิกไม่เป็นเวลา
- ช่วยลดปริมาณการกิน ลดการรับประทานอาหารเกินความจำเป็น
- ช่วยผู้ป่วยเบาหวาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
นอกจากนี้ปากกาลดน้ำหนักยังช่วยเรื่องของการเพิ่มความมั่นใจเพราะการมีสุขภาพดีขึ้นและรูปร่างดีขึ้นช่วยเพิ่มความมั่นใจในชีวิตประจำวันได้ครับ
ข้อดีปากกาลดน้ำหนัก ?
- ลดความอยากอาหารและควบคุมน้ำหนักได้ดี : ตัวยาในปากกาลดน้ำหนักจะออกฤทธิ์ที่สมอง ทำให้รู้สึกอยากอาหารน้อยลง อิ่มเร็วขึ้น และอิ่มนานขึ้น จึงช่วยลดปริมาณอาหารที่รับประทานลง
- ปรับพฤติกรรมการกินได้ดียิ่งขึ้น : ช่วยลดการกินจุบจิบหรือกินไม่เป็นเวลา ทำให้ควบคุมการกินได้ดีขึ้น เหมาะกับผู้ที่ทำ IF ลดน้ำหนัก สามารช่วยปรับพฤติกรรมการกินดีขึ้น
- ลดไขมันในร่างกาย : ช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น แก้ปัญหาภาวะอ้วนลงพุง และลดการสะสมไขมันในร่างกาย
- ปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด : ตัวยาช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสมดุลขึ้น ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน
- ลดความเสี่ยงโรคที่เกี่ยวข้องกับความอ้วน : การควบคุมน้ำหนักช่วยลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- สามารถทำควบคู่กับการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารได้ : สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยใช้ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและยั่งยืน
- มีความปลอดภัยและใช้งานง่าย : มีความปลอดภัยสูง และปากกามีขนาดเล็ก ใช้งานง่าย สามารถฉีดเข้าใต้ผิวหนังได้ด้วยตัวเอง
ปากกาลดน้ำหนักเหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่มีภาวะอ้วนที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือควบคุมน้ำหนักเพื่อรักษาสุขภาพ
- ผู้ที่เคยลองลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วไม่สำเร็จ เช่น พยายามควบคุมอาหาร ออกกำลังกายแล้วแต่ยังลดน้ำหนักได้ไม่ดีเท่าที่ควร
- ผู้ที่มีความผิดปกติในการรับประทานอาหาร กินจุบจิบ หรือกินในปริมาณมากผิดปกติ
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักและต้องการตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ
- ผู้ต้องการหาวิธีลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
รู้จักภาวะอ้วน แบบไหนที่ปากกาลดน้ำหนักช่วยได้ ?
“ภาวะอ้วนเกิน” หรือ “โรคอ้วน” (Obesity) จำแนกได้จากค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือ BMI) ซึ่งคำนวณจาก น้ำหนักตัวและส่วนสูง ซึ่งสามารถแปลผลได้จากคำนวณจากน้ำหนัก (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง หรือ ( คลิกเพื่อหาดัชนีมวลกาย )
สำหรับคนไทยและเอเชีย เกณฑ์การจำแนกมีดังนี้
- น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์: BMI น้อยกว่า 18.5
- น้ำหนักปกติ: BMI 1มคนบางกลุ่มหมอจะไม่แนะนำให้ใช้ เช่น
- ผู้ที่เป็นมะเร็งไทรอย8.5-22.9
- น้ำหนักเกิน: BMI 23-24.9
- โรคอ้วนระดับ 1: BMI 25-29.9
- โรคอ้วนระดับ 2: BMI 30-34.9
- โรคอ้วนระดับ 3 (อ้วนมาก) : BMI 35 ขึ้นไป
นอกจาก BMI แล้ว การวัดรอบเอวก็เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ โดยในผู้หญิงไทยถือว่าเสี่ยงหากรอบเอวมากกว่า 80 เซนติเมตร และในผู้ชายหากมากกว่า 90 เซนติเมตร
โดยปากกาลดน้ำหนักจะเหมาะกับผู้ใหญ่ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) 30 kg/m2 (ภาวะอ้วน) รวมถึงผู้ที่มี BMI 27-30 kg/m2 (น้ำหนักตัวเกิน) มีรอบเอวเกินมาตรฐาน หรือมีภาวะสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนัก เช่น ผู้เป็นเบาหวานชนิด 2 หรือมีความดันโลหิตสูง
อ้วนมาก อ้วนเกิน อันตรายอย่างไร ?
การมีน้ำหนักเกินและโรคอ้วนก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของร่างกายในทุกระบบครับ โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามระดับความรุนแรงของโรคอ้วน เช่น
- โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคไขมันในเลือดสูง
- โรคเบาหวาน
- โรคไขมันเกาะตับ
- โรคหัวใจ
- โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
- โรคมะเร็งต่าง ๆ
- โรคหยุดหายใจขณะหลับ
- ปัญหาทางระบบทางเดินหายใจ
- ภาวะมีบุตรยาก
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- ปวดข้อ ข้อเสื่อมก่อนวัย
- โรคผิวหนัง เช่น สิว ขนดก ผิวหนังติดเชื้อ มีกลิ่นตัว เป็นต้น
สาเหตุของความอ้วน
สาเหตุของโรคอ้วนแบ่งได้เป็น 2 สาเหตุคือ
- พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มากเกินอัตราการเผาผลาญของร่างกาย รวมถึงการออกกำลังกายไม่เพียงพอ ร่างกายไม่สามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้หมด ส่วนที่เกินก็จะสะสมในรูปของไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- เป็นภาวะแทรกซ้อนจากยาหรือโรคต่าง ๆ เช่น โรคทางต่อมไร้ท่อที่ทำให้มีความผิดปกติของการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติโคสเตียรอยด์ ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ โรคของระบบประสาทส่วนกลาง
โดยคนส่วนใหญ่มีสาเหตุการอ้วนมาจาก ข้อ 1 ซึ่งปากกาลดน้ำหนักสามารถดูแลและรักษาภาวะอ้วนจากสาเหตุดังกล่าวได้ครับ
ปากกาลดน้ำหนัก ช่วยคนเป็นโรคอ้วนได้จริงไหม ?
ปากกาลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพในการช่วยลดน้ำหนักได้จริงครับ โดยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์รองรับ
ความสำเร็จของการรักษา
- ประสิทธิภาพสูงกว่าการควบคุมอาหารและออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว
- ช่วยรักษาน้ำหนักที่ลดได้ในระยะยาว
- ลดความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนจากโรคอ้วน
ทั้งนี้ปากกาลดน้ำหนักที่ดูแลและควบคุมโดยแพทย์ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อคนที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะอยากสวย หุ่นดีเท่านั้นครับ แต่ยังให้ความสำคัญกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น คนที่มีโรคอ้วน และน้ำหนักเกิน
ปากกาลดน้ำหนักมียี่ห้อไหนบ้าง เลือกยี่ห้อไหนดี ?
ปัจจุบันปากกาลดน้ำหนักที่หลายยี่ห้อครับ เช่น Mounjaro, Wegovy, Saxenda, Ozempic และ Victoza ซึ่งแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติ ราคา และข้อบ่งใช้แตกต่างกันไป
ส่วนยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ที่โรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ นำมาใช้ดูแลคนไข้ควบคู่กับโปรแกรมดูแลสุขภาพ คือยี่ห้อ Mounjaro และ Wegovy ครับ
โดยการเลือกยี่ห้อที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับ ความต้องการส่วนบุคคล งบประมาณ และคำแนะนำของแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมของยาและวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้อง
ความแตกต่างของปากกาลดน้ำหนักยี่ห้อ Wegovy กับ Mounjaro
- ปากกาลดน้ำหนักยี่ห้อ Wegovy ทำงานโดยสารออกฤทธิ์ คือ GLP-1 Agonist ปริมาณน้ำหนักที่ลดได้ประมาณ 15% ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ลดน้ำหนักโดยตรง มีความปลอดภัยสูง ผ่านอย.ไทย ในใช้สำหรับการลดน้ำหนัก โดยมีจุดเด่นเรื่องการลดความอยากอาหาร ช่วยชะลอการย่อยอาหารและช่วยคุมน้ำตาลได้ดี
- ปากกาลดน้ำหนักยี่ห้อ Mounjaro ทำงานโดยสารออกฤทธิ์ คือ GLP-1 + GIP Agonist ปริมาณน้ำหนักที่ลดได้ประมาณ 20-22% คุมหิวได้ดีกว่า เด่นเรื่องการคุมความอยากอาหาร ช่วย กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ช่วยการเผาผลาญพลังงานได้ดี
ผลลัพธ์จากปากกาลดน้ำหนัก กี่ครั้งเห็นผล ใช้นานแค่ไหน ?
ผลลัพธ์หลังจากการใช้ปากกาควบคุมน้ำหนักที่ดูแลโดยแพทย์ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงเมื่อดูแลอย่างต่อเนื่อง และยี่ห้อที่ใช้ โดยเฉลี่ยหลังเริ่มยา 1 เดือน น้ำหนักลดได้เฉลี่ย 2-4 กิโลกรัม (รอบเอวลดลงและไขมันสะสมบริเวณช่องท้องน้อยลง) โดยการศึกษาพบว่าสามารถลดได้ถึง 22.5% ของน้ำหนักตัวรวมครับ
ขนาดที่ควรใช้ จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้ เช่นกัน
- Wegovy เริ่มต้น 0.25 mg สัปดาห์ละครั้ง
- Mounjaro เริ่มต้น 2.5 mg สัปดาห์ละครั้ง
สามารถปรับโดสได้ตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนจะใช้นานแค่ไหน ในแต่ละเคสระยะเวลาในการใช้เพื่อความพึงพอใจ และรักษาสุขภาพโดยรวมอาจแตกต่างกัน ทั้งนี้หลังหยุดใช้จำเป็นต้องดูแลสุขภาพตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อคงผลลัพธ์และสุขภาพดีที่ หากหยุดยาโดยไม่คุมอาหารหรือออกกำลังกาย จะกลับมาอ้วนอีกได้ครับ
ประสิทธิภาพในการใช้ปากกาลดน้ำหนัก
หลังการใช้ปากลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยลดปริมาณไขมันทั้งหมดในร่างกาย (Fat mass) ได้ ถึง 75% โดยเฉพาะไขมันที่เกาะตับและไขมันรอบหัวใจที่ลดลงชัดเจน
อาการหลังใช้ปากกาลดน้ำหนัก เป็นอย่างไร ?
ผลข้างเคียงหลังจากการใช้ปากกาลดน้ำหนักจะเกิดขึ้นในบางราย ซึ่งอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ คือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง บางรายอาจมีอาการท้องเสีย หรือท้องผูก หากมีอาการเหล่านี้แพทย์จะมีการปรับขนาดยา โดยจะโดยเริ่มฉีดยาในขนาดต่ำและค่อยปรับปริมาณช้า ๆ
ปากกาลดน้ำหนักไม่เหมาะกับใคร ใครบ้างที่เสี่ยง ?
- การใช้ปากกาลดน้ำหนักควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ครับ โดยในกลุ่ม หรือคนที่มีประวัติครอบครัวใกล้ชิดเป็นมะเร็งไทรอยด์ Medullary Thyroid Cancer
- ผู้ที่เป็นโรคทางพันธุกรรมผิดปกติ Multiple Endocrine Neoplasia Syndrome Type 2 (MEN 2)
- ผู้ที่แพ้ยา Semaglutide หรือส่วนประกอบของยา (Hypersensitivity)
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes) หรือภาวะ Diabetic Ketoacidosis (DKA)
- ผู้ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือวางแผนตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากตัวยาผ่านทางน้ำนมได้
- ผู้ป่วยโรคตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) หรือมีประวัติ เคยเป็นมาก่อน
- ผู้ป่วยโรคไต หรือมีภาวะไตเสื่อม
- ผู้ที่มีภาวะ Diabetic Retinopathy (โรคจอประสาทตาจากเบาหวาน)
- ผู้ที่มีแผนจะเข้ารับการดมยาสลบ หรือผ่าตัด เพราะปากกาลดน้ำหนัก จะช่วยชะลอการย่อยอาหาร อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการสำลัก (Aspiration)
- ผู้ที่กำลังมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียต่อเนื่อง อาจเสี่ยงต่อการขาดน้ำ และทำให้ไตเสื่อมตามมา
- ผู้ที่อายุต่ำกว่า 12 ปี
ปากกาลดน้ำหนักปลอดภัยแค่ไหน ?
ปากกาลดน้ำหนักเป็นตัวเลือกในการลดน้ำหนักที่ปลอดภัย เพราะผ่านมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
ทั้งนี้การใช้ปากกาลดน้ำหนัก ควรต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ครับ เนื่องจากเป็นยาควบคุมพิเศษที่ต้องได้รับการประเมินความเหมาะสมของร่างกาย การใช้จำเป็นต้องอาศัยการประเมินความเหมาะสม โดยจะพิจารณาหลาย ๆ ส่วนประกอบกัน เช่น BMI และโรคร่วม เพื่อแนะนำปริมาณและวิธีการฉีดที่ถูกต้อง
ขณะเดียวกันการซื้อปากกาลดน้ำหนักมาใช้เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ถือว่าอันตรายและอาจนำไปสู่การติดเชื้อ และการใช้ตัวยาสารออกฤทธิ์ที่ไม่ได้รับการควบคุมจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ครับ
ก่อนใช้ปากกาลดน้ำหนักเตรียมตัวอย่างไร ?
ก่อนใช้ปากกาลดน้ำหนัก จำเป็นต้องประเมินสุขภาพโดยรวมจากแพทย์ โดยจะมีการซักประวัติดังนี้
- เช็กส่วนสูง น้ำหนัก และวัดสัดส่วน เอว อก สะโพก
- ตรวจสอบระบบย่อยอาหาร เช่น มีปัญหาท้องผูกหรือไม่ ในกรณีที่มีอาการท้องผูกเเนะนำทานไฟเบอร์เพิ่มเติม เนื่องจากปากกาลดน้ำหนักอาจส่งผลให้ท้องผูก หรือท้องเสียได้ครับ
- ตรวจเช็กวัดความดัน ประวัติการ แพ้ยา, แพ้อาหาร หรือเคยรับประทานยาลดน้ำหนักมาหรือไม่,โรคประจำตัว (เบาหวาน ความดัน ไขมัน) ควรอยู่ในความดูเเลของเเพทย์อย่างใกล้ชิด
- ไม่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์
ข้อปฏิบัติหลังทำใช้ปากกาลดน้ำหนัก
- รับประทานมื้อเล็กลง แต่รับประทานบ่อยขึ้น
- หยุดรับประทานเมื่อรู้สึกอิ่ม
- หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารรสจัด แนะนำทานอาหารที่มีกากใยสูง
- ดื่มน้ำสม่ำเสมอ ดื่มให้เพียงพอ
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์ (ดื่มได้แต่จะทำให้อาการคลื่นไส้แย่ลง)
ปากลดน้ำหนัก ราคาเท่าไร ?
ราคาปากกาลดน้ำหนัก จะขึ้นอยู่อยู่กับยี่ห้อและปริมาณยาที่ใช้ครับ โดยราคาเริ่มต้นตั้งมีแต่หลักพันบาทจนถึงหลายหมื่นบาท
โปรแกรมควบคุมน้ำหนักที่ V square Clinic ราคาเริ่มต้นที่ ราคา 999.- บาท ทั้งนี้จำนวนครั้งและโดยปริมาณที่ใช้ แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม ในแต่ละเคส
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แพทย์จะให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา และดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงทำให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการครับ
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ปากกาลดน้ำหนัก
ถ้าใช้ปากตัวใดตัวหนึ่งอยู่ เปลี่ยนมาใช้อีกตัวได้เลยไหม ?
เปลี่ยนมาใช้ตัวใหม่ได้เลยครับ ทั้งนี้ก่อนเปลี่ยนควรแจ้งรายละเอียดการใช้ให้แพทย์ทราบ เพื่อแนะนำยี่ห้อ/ตัวยาที่เหมาะสมกับคนไข้ได้
ต้องฉีดตลอดไปไหม หยุดได้ที่ความเข้มข้นเท่าไร หยุดแล้วจะกลับมาอ้วนในกี่เดือน ?
เมื่อใช้ปากกาลดน้ำหนักจนได้น้ำหนักที่พอใจแล้ว สามารถหยุดยาได้ครับ แต่ควรดูแลตัวเองร่วมตามที่หมออธิบายไว้ข้างต้น เพราะหากไม่ควบคุมการทานอาหารหรือไม่ออกกำลังกาย ก็มีโอกาสกลับมาอ้วนได้อีกครับ
ฉีดแล้วโยโย่ไหม ?
ไม่โยโย่ เพราะการฉีดปากกาลดน้ำหนักจะช่วยให้กระเพาะอาหารปรับขนาดได้ถาวร แต่ถ้ายังมีพฤติกรรมการรับประทานที่เหมือนตอนก่อนฉีด ก็มีโอกาสกลับมาอ้วนได้
ลดไขมันช่องท้องได้ไหม ?
ช่วยลด Visceral Fat (ไขมันในช่องท้อง)ได้ประมาณ 15-22 % เมื่อใช้ในเวลา 72 สัปดาห์ (1 ปี 6 เดือน)
ฉีดแล้วทำหัตถการอื่นได้เลยไหม ?
สามารถทำได้เลยทุกหัตถการตามปกติ หากคนไข้มีความประสงค์อื่น ๆ ในช่วงเวลาเดียวกันสามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อแนะนำลำดับการทำหัตถการอย่างเหมาะสม
สรุป ปากกาลดน้ำหนัก ตัวช่วยควบคุมหนัก สุขภาพดีขึ้น น้ำหนักลด
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักตัว ไม่ว่าจะเป็นภาวะอ้วน หรือน้ำหนักเกิน จนเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ ปากกาลดน้ำหนักเป็นอีกตัวเลือกที่จะช่วยลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
อย่างไรก็ตาม การใช้ปากกาลดน้ำหนัก เพื่อให้เห็นผล และมีประสิทธิภาพ ควรทำควบคู่กับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย เพื่อให้ลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน และลดความเสี่ยงในการเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ตามมา ที่สำคัญการใช้ปากกาลดน้ำหนักจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และปรึกษาแพทย์ร่วมด้วยครับ


