ก่อนฉีดโบท็อก ควรรู้อะไรบ้าง ?
ก่อนฉีดโบท็อก สิ่งที่หมออยากให้รู้คือ “การเตรียมตัวก่อนฉีด” ส่งผลอย่างมากต่อผลลัพธ์ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นธรรมชาติ ความปลอดภัย หรือความคงทนของตัวยา
บทความนี้เป็นสรุป 5 สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนฉีดโบท็อก แบบเข้าใจง่ายที่หมอรวบรวมมาแชร์ เพื่อใช้เป็นคู่มือในการฉีดโบท็อก และรวบรวมคำถามหรือข้อสงสัยต่าง ๆ ของคนไข้ มาตอบให้ครับ
สารบัญ ก่อนฉีดโบท็อก
1. ก่อนฉีดโบท็อก ควรเตรียมตัวอะไรบ้าง ?
ก่อนฉีดโบท็อก คนไข้ควรเตรียมตัวให้ร่างกายและผิวหน้าอยู่ในสภาวะปกติที่สุด เพื่อให้ตัวยาจับกับปลายประสาทได้ดี และลดโอกาสเกิดรอยช้ำหรือยากระจายผิดตำแหน่ง การเตรียมตัวเบื้องต้น ได้แก่
- พักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมง
- แจ้งประวัติแพ้ยา โรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่
- ทำความสะอาดผิวหน้า ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้ามา
- ถ้ามีแผนทำเลเซอร์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม หรือหัตถการอื่น ๆ ควรแจ้งแพทย์ก่อน
การที่หมอได้ข้อมูลครบถ้วน จะช่วยให้วางแผนตำแหน่งการฉีดได้แม่นยำขึ้น และปลอดภัยที่สุดครับ
2. ก่อนฉีดโบท็อก ต้องงดอะไรบ้าง ?
การงดสิ่งที่มีผลต่อการเต้นของหัวใจ และเพิ่มการไหลเวียนเลือด จะช่วยลดโอกาสช้ำ ลดรอย และทำให้โบท็อกกระจายตัวแม่นยำขึ้นครับ
สิ่งที่ควรงด 5-7 วันก่อนฉีดโบท็อก
- วิตามิน E
- น้ำมันปลา
- ใบแปะก๊วย (Ginkgo)
- แอสไพริน / ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
- ยากลุ่ม NSAIDs
สิ่งที่ควรงดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีดโบท็อก
- แอลกอฮอล์
- ออกกำลังกายหนัก
- การนวดหน้าแรง ๆ
- ซาวน่า อบไอน้ำ
งดอะไรในวันฉีดโบท็อก
- ไม่ควรดื่มกาแฟเกิน 1 แก้ว
- หลีกเลี่ยงการทาครีม AHA / Retinol
- ไม่แต่งหน้าแน่นหรือทารองพื้นหนา (คลินิกต้องทำความสะอาดผิวบริเวณที่ฉีดก่อน)
3. ยี่ห้อโบท็อกมีกี่ประเทศ ประเทศไหนดีที่สุด ?
ก่อนจะเลือกว่าฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี ต้องเข้าใจก่อนว่าโบท็อกแบ่งตามประเทศได้ 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ซึ่งแต่ละประเทศมีจุดเด่นต่างกัน และเหมาะกับเคสแตกต่างกันครับ
กลุ่มอเมริกา : ความบริสุทธิ์สูง อยู่ได้นาน กระจายตัวแม่นยำ
กลุ่มยุโรป : กระจายตัวกว้าง ให้ผลลัพธ์ธรรมชาติ เสี่ยงดื้อยาต่ำ
กลุ่มเกาหลี : พยายามพัฒนาคุณภาพให้เทียบเคียงอเมริกา ราคาคุ้มค่า
ถ้าพูดถึงความคุ้มค่าหมอก็แนะนำโบท็อกเกาหลี เพราะถ้าเทียบประสิทธิภาพและก็ราคาแล้วโบท็อกเกาหลีจะคุ้มค่าที่สุด ส่วนโบท็อกของอเมริกาจะดีกว่าโบท็อกเกาหลีทั่วไปซัก 20-30% แต่ว่าราคาจะโดดมาอีกเท่าตัว ถ้าคนที่เน้นเรื่องความคุ้มค่าก็แนะนำโบท็อกของเกาหลี แต่ถ้าเน้นเรื่องคุณภาพเอาตัวที่ดีที่สุดคือแนะนำของ Allergan ครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : [เจาะลึก] ความแตกต่างโบท็อกเกาหลีอเมริกา เลือกยี่ห้อไหนดี ฉีดตัวไหนคุ้มค่า
ก่อนฉีดโบท็อก ควรเลือกยี่ห้อยังไงให้เหมาะกับปัญหา ?
แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินเป็นเคส ๆ ไปครับ โดยหมอจะประเมินจากตำแหน่งที่ฉีด ความแข็งแรงของมัดกล้ามเนื้อ ความต้องการและงบประมาณของคนไข้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีและคุ้มค่าที่สุด
อ่านบทความเพิ่มเติม : วิธีดูยาแท้โบท็อก ฟิลเลอร์ ยี่ห้อต่าง ๆ
4. โรคประจำตัวที่ “ห้าม” หรือ “ควรหลีกเลี่ยง” การฉีดโบท็อก
ส่วนใหญ่คนทั่วไปสามารถฉีดโบท็อกได้อย่างปลอดภัย หากใช้ยาแท้และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ แต่มีบางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือแจ้งแพทย์เป็นพิเศษ
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis)
- โรคระบบประสาทส่วนปลาย หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการส่งสัญญาณประสาท
- สตรีตั้งครรภ์ / ให้นมบุตร
- ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณใบหน้า
- ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของ Botulinum toxin
- ผู้ที่ใช้ยากลุ่มกระตุ้นระบบประสาทบางชนิด
สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวทั่วไป เช่น ไทรอยด์ ความดัน ไมเกรน ส่วนใหญ่สามารถฉีดได้ แต่ต้องให้แพทย์ประเมินเป็นรายบุคคลครับ
5. จริงหรือไม่ ? ที่ฉีดโบท็อกแล้วจะยิ้มไม่สุด และมีโอกาสปากเบี้ยว
อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริง แต่ ป้องกันและควบคุมได้ 90-95% หากฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้ยาแท้ครับ
ปกติคนเราจะมีกล้ามเนื้อมัดหนึ่งที่โยงจากมุมปากไปที่แนวกราม ชื่อว่าไลโซเลียส (risorius) ซึ่งตำแหน่งในการเกาะของแต่ละคนหรือว่าบางทีคนเดียวกันสองข้างก็เกาะไม่เท่ากัน สังเกตจากบางคนยิ้มแล้วมุมปากไม่เท่ากัน ก็เกิดจากกล้ามเนื้อที่ชื่อไลโซเลียสนี่แหละ ซึ่งถ้าเป็นหมอที่มีประสบการณ์ จะหลีกเลี่ยงโดยการฉีดโบท็อก ไม่ให้ตรงกับตำแหน่งที่เป็นกล้ามเนื้อไลโซเลียสให้คนไข้อยู่แล้ว
ก่อนฉีดโบท็อกหมอต้องประเมินตำแหน่ง และเลี่ยงการฉีดจุดนี้
แต่ก็จะมีคนไข้บางคนที่มีการเกาะตำแหน่งของกล้ามเนื้อไลโซเลียสผิดปกติไปจากคนอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป แล้วทำให้เกิดอาการปากเบี้ยวขึ้นมาได้จากการฉีดโบท็อก ซึ่งก็ไม่ใช่ผลถาวร พอผ่านระยะไป 1-2 เดือน ก็จะหายไปเอง แล้วถ้าหมอที่เคยเจอคนไข้เคสแบบนี้ ก็จะลงบันทึกประวัติไว้ให้คนไข้ว่ามีกล้ามเนื้อไลโซเลียสเกาะผิดปกติ ในการฉีดโบท็อกครั้งต่อ ๆ ไปก็จะระมัดระวังขึ้น
บางเคสที่ไปฉีดโบท็อกปลอม แล้วโบท็อกปลอมจะกระจายตัวค่อนข้างกว้าง ด้วยความที่โบท็อกไม่บริสุทธิ์หรือว่าโมเลกุลเล็กมาก ทำให้ไปโดนกล้ามเนื้อไลโซเลียสได้บ่อย ซึ่งถ้าหมอจริง มีประสบการณ์ส่วนมากก็จะเจอเคสที่ฉีดไปแล้วเจอไลโซเลียสผิดตำแหน่งอย่างมากก็แค่ 1 ใน 100 เคส แต่ว่าถ้าเป็นหมอกระเป๋า หรือว่าหมอที่ใช้โบท็อกปลอมก็คิดว่าน่าจะ 50 50 บางทีฉีดทุกเคส ยิ้มไม่สุดทุกเคส เบี้ยวทุกเคสก็มี ตรงนี้จะเกี่ยวกับเทคนิคและผลิตภัณฑ์มากกว่า
สรุปถ้าใช้ของแท้ และฉีดโบท็อกโดยหมอที่มีประสบการณ์ ก็มีโอกาสที่จะเจอกล้ามเนื้อไลโซเลียสเกาะผิดตำแหน่ง ซึ่งถ้าหมอที่เคยเจอก็จะลงบันทึกเป็นประวัติให้คนไข้เลยครับ แล้วก็จะระวังให้ในการฉีดครั้งต่อ ๆ ไป แต่ถ้าไปเจอหมอกระเป๋าหรือว่าโบท็อกปลอมก็จะเจอบ่อย ซึ่งแปลว่าการที่มีประวัติการฉีดโบท็อกอย่างมีมาตรฐานก็เป็นสิ่งสำคัญในการทำหัตถการครับ
ที่ V Square Clinic ประวัติของคนไข้ก็จะออนไลน์ให้หมอดูทุกสาขา สมมุติทำกับสาขานี้ประวัติที่บันทึกไว้ก็จะสามารถให้หมออีกสาขาหนึ่งดูได้ทุกอย่างทั้งรูปและประวัติครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ข้อควรระวัง! ในการฉีดโบท็อก และวิธีสังเกตโบท็อกแท้ 100%
Checklist ก่อนฉีดโบท็อก 1 วัน
| ควรทำ (Do) | ไม่ควรทำ (Don’t) |
|---|---|
|
|
ในฐานะแพทย์ หมอแนะนำอย่างไร ในการเลือกแพทย์และคลินิกที่ปลอดภัยก่อนฉีดโบท็อก
- เลือกคลินิกที่ เปิดให้รีวิวสาธารณะ เช่น Google Review (คลินิกลบไม่ได้)
- เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้าน Facial Anatomy (กายวิภาคใบหน้า)
- ตรวจสอบยาแท้ได้ทุกกล่อง
- มีบันทึก Before-After ครบถ้วน
- ไม่ฉีดโบท็อกแบบเหมารวม ต้องประเมินรายบุคคล
- มีราคาชัดเจน ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
ควรเลือกคลินิกที่ เปิดให้รีวิวจากสาธารณะ เช่น Google, Wongnai หรือ Facebook ครับ เพราะเป็นพื้นที่ที่คลินิกลบรีวิวไม่ได้ ทำให้เห็นฟีดแบคจริง หากคลินิกใดไม่มีรีวิว หรือมีแต่รีวิวที่โพสต์เอง ควรระวัง เพราะอาจคัดเฉพาะเคสสวย ๆ มาลง ต่างจากคลินิกที่เปิดให้คนไข้เขียนความคิดเห็นได้จริง ซึ่งน่าเชื่อถือกว่าและช่วยคัดกรองคุณภาพได้ชัดเจน
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดโบท็อกที่ไหนดี ? ก่อนฉีดควรพิจารณาอะไรบ้าง ? ถ้าไม่อยากดื้อโบท็อกต้องอ่าน !
Q&A ก่อนฉีดโบท็อก
Q : ทำไมต้องงดแอลกอฮอล์ ?
A : เพราะแอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว มีโอกาสช้ำง่ายขึ้น และอาจทำให้บวมมากกว่าปกติหลังฉีดครับ
Q : ทำไมฉีดโบกรามถึงเห็นผลช้ากว่าฉีดริ้วรอย
A : โบท็อกกราม เห็นผลช้ากว่า เพราะกล้ามเนื้อกรามเป็นมัดใหญ่ ใช้แรงมากกว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าอื่น ๆ การคลายตัวจึงต้องใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ ต่างจากริ้วรอยทั่วไปที่เห็นผลใน 3-7 วัน ครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดโบท็อก กี่วันเห็นผล ? รวมถึงข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกที่ทุกคนควรรู้
Q : ก่อนฉีดโบท็อก ต้องเว้นเวลาเท่าไหร่หลังจากทำเลเซอร์ ?
A : สามารถฉีดโบท็อกได้เลยครับ แต่ถ้าฉีดโบท็อกมาแล้ว แนะนำให้เว้นระยะเพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์เต็มที่
Q : ก่อนฉีดโบท็อกเตรียมใจอย่างไร สำหรับคนเจ็บง่าย ?
A : แจ้งแพทย์ได้เลยครับ สามารถใช้ ยาชา / ice pack / เทคนิค distraction ช่วยลดความรู้สึกเจ็บได้ และควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนทำ จะช่วยให้เจ็บน้อยลงครับ
Q : ก่อนฉีดโบท็อก กินกาแฟได้ไหม ?
A : ดื่มได้ แต่ควรจำกัด ไม่เกิน 1 แก้ว เพราะคาเฟอีนทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และเพิ่มโอกาสช้ำในบางคน
Q : ก่อนฉีดโบท็อก ควรนัดประเมินใบหน้ากับแพทย์ไหม ?
A : ควรประเมินก่อนทุกครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่ทำครั้งแรก เพราะมัดกล้ามเนื้อใบหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน การประเมินช่วยให้ฉีดได้แม่นยำและปลอดภัยกว่า
Q : ควรวางแผนหัตถการอื่นร่วมกัน หรือแยกวันทำ ?
A : ทำร่วมกันได้บางอย่าง เช่น ฟิลเลอร์ หรือเครื่องยกกระชับ ควรให้แพทย์ประเมินลำดับการทำให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละคนครับ
Q : ทำไมต้องถ่ายรูป Before-After ก่อนฉีดโบท็อก ?
A : เพื่อใช้เปรียบเทียบผลลัพธ์อย่างแม่นยำ และช่วยบันทึกข้อมูลเรื่องมัดกล้ามเนื้อ การตอบสนองของยา และจุดที่ต้องระวังในครั้งถัดไป ถือเป็นมาตรฐานความปลอดภัยของคลินิกที่ดีครับ
สรุป ก่อนฉีดโบท็อก
ก่อนฉีดโบท็อก สิ่งสำคัญคือการเตรียมตัวให้ถูกต้อง งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นรอยช้ำ แจ้งประวัติสุขภาพให้ครบ เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ คลินิกที่ได้มาตรฐานิ การเตรียมตัวที่ดีช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัย และทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยเป็นธรรมชาติที่สุดครับ


