เจาะลึกหัตถการ ร้อยไหม
การร้อยไหม คือ การใช้เข็มนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยง สอดลงในชั้นผิวหนัง ผิวก็จะถูกเงี่ยงเกี่ยวขึ้นมาตามเส้นไหมในทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไป คล้าย ๆ ตะขอเกี่ยว สามารถทำได้ทั้งการร้อยไหมปรับรูปหน้า ร้อยไหมดึงหน้า ร้อยไหมกระชับหน้า ร้อยไหมจมูก รวมถึงร้อยไหมยกหางตา
ในบทความนี้จะกล่าวถึง ข้อดี-ข้อเสีย ขั้นตอนการร้อยไหม ประโยชน์ของการร้อยไหม ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ และการเลือกชนิดเส้นไหมให้เหมาะกับหน้าของแต่ละคน สำหรับคนที่กำลังหาว่าจะร้อยไหมที่ไหนดี แนะนำให้อ่านบทความนี้ครับ
สารบัญ ร้อยไหม
ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและรู้จักกันมานานครับ โดยสามารถช่วยได้หลายเรื่อง ได้แก่
- ร้อยไหมหน้าเรียว ปรับรูปหน้า
- ร้อยไหมยกกระชับ แก้ปัญหาแก้มหย่อน
- ร้อยไหมจมูก เสริมจมูกให้โด่งสวย
- ร้อยไหม Foxy Eye แก้ปัญหาหนังตาตก ยกหางตาเฉี่ยว
- ร้อยไหมช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว
การร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง ?
การร้อยไหม เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย อยากยกคิ้ว ยกหางตาตก ปรับรูปทรงจมูก โดยไม่ต้องผ่าตัด และต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วครับ
ในการร้อยไหม จะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่างและจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับดึงเข้าหากันจึงสามารถดึงแก้มที่หย่อนขึ้นได้ทันที
หลังการร้อยไหม จะทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน และทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงชั้นผิวหนังมากขึ้น ช่วยให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึงขึ้นอย่างชัดเจน
นอกจากนี้การร้อยไหม ยังสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อก หรือ Hifu โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกันครับ
ร้อยไหม อันตรายไหม ?
ร้อยไหม ไม่อันตรายครับ ถ้าหากร้อยด้วยวิธีที่ถูกต้อง และใช้ไหมละลายที่ผ่านการรับรองจาก อย. รวมไปถึงเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยครับ
โดยทั่วไปหลังร้อยไหม จะประคองผิวได้ประมาณ 4 เดือน ถึง 1 ปี (ขึ้นกับชนิดของไหมที่ร้อย) เมื่อเวลาผ่านไป เส้นไหมก็จะละลายไปโดยไม่เป็นอันตราย
ทั้งนี้การร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็จะเกิดเป็นเส้นใยอิลาสตินช่วยประคองผิว คล้ายเส้นเอ็นที่มีอยู่ตามธรรมชาติของร่างกายครับ
ผลข้างเคียงจากการร้อยไหม ที่ควรรู้ ?
ผลข้างเคียงปกติที่เกิดขึ้นได้
- มีอาการบวม หรือเขียวช้ำ แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองใน 7-14 วัน
- ขณะทำจะรู้สึกถึงเส้นไหมที่ถูกร้อยเข้าไปบนใบหน้า
- อาจมีเลือดออกบริเวณที่แทงเข็มเข้าไป
สำหรับผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น ไหมทะลุ ไหมขาด เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ติดเชื้อ ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะเกิดจากการร้อยไหมกับหมอเถื่อน คลินิกเถื่อน ไม่ได้ใช้ไหมที่ปลอดภัย ดังนั้นก่อนตัดสินใจร้อยไหม ควรพิถีพิถันในการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและหมอที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ
ข้อห้ามในการร้อยไหม มีอะไรบ้าง ?
การร้อยไหมอย่างเหมาะสม จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็มีข้อห้ามและข้อควรระวังเช่นกัน โดย ข้อห้ามในการร้อยไหม (Thread Lift) มีหลายประการที่ควรคำนึงถึง มีดังนี้
- ห้ามร้อยไหมในผู้ที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะร้อยไหม
- ประวัติแพ้ส่วนประกอบของวัสดุเส้นไหม หรือได้รับการวินิจฉัยว่าแพ้
- มีประวัติแพ้ยาชา (หากคนไข้ไม่เคยฉีดยาชาทำฟันมาก่อน ควรแจ้งแพทย์เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยาชา)
- มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด (Bleeding Disorder) แพทย์จะพิจารณาว่าสามารถร้อยไหมได้หรือไม่ ตามดุลยพินิจ
- ห้ามร้อยไหมในผู้ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ ในกรณีให้นมบุตรควรปรึกษาสูติแพทย์ที่ดูแลก่อนร้อยไหม
- ในเคสที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะโรคที่เป็นอยู่ก่อนทำการร้อยไหม
ร้อยไหม มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?
การร้อยไหมมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
ข้อดีการร้อยไหม
- เงี่ยงไหมที่คล้ายตะขอจะเกี่ยวดึงผิวขึ้นได้ทันที หลังร้อยไหมเห็นผลได้ทันที
- เส้นใยดังกล่าว ถ้าอยู่ในแนวที่ถูกต้อง และชั้นผิวที่เหมาะสม ก็จะสามารถช่วยประคองผิว กระชับผิว คล้าย ๆ เส้นเอ็นที่อยู่บนใบหน้าตามธรรมชาติ
- การร้อยไหมละลาย ความปลอดภัยสูง เนื่องจากการร้อยไหมที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันทำจากวัสดุ 3 ชนิด คือ PDO (Polydioxanone) , PLLA (Polylactate) และ PCL (Polycaprolactone)
ซึ่งวัสดุทั้ง 3 ชนิดนี้ ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยในการเย็บแผล ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายครับ
- ไหมละลายในปัจจุบัน ไม่มีส่วนผสมของโลหะ สามารถละลายได้หมด 100% ตามระยะเวลา โดยไม่มีสารตกค้าง จะเหลือเพียงเส้นใย elastin ที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาซึ่งช่วยประคองผิว
- ในคนที่แก้มตอบบางเคสสามารถใช้ไหมดึงไขมันขึ้นมาเติมแก้มได้ แก้มล่างยุบและแก้มบนเต็มขึ้น(ต้องมีเนื้อแก้มส่วนล่างให้ดึงนะครับ ถ้าไม่มีเนื้อก็ต้องใช้ฟิลเลอร์)
- หากร้อยไหมกับแพทย์ที่มีความชำนาญ และร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ก็จะลดความเสี่ยงในการบวมช้ำลงได้มาก
- การร้อยไหมเส้นเล็ก ๆ สามารถแก้ริ้วรอยในบางจุดได้ เช่น ริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณมุมปากที่คล้าย ๆ ลักยิ้ม หรือริ้วรอยหางตา, หน้าผาก ในเคสที่ดื้อโบท็อก
- การร้อยไหมสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ ช่วยให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
รีวิวร้อยไหม ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
ข้อเสีย และข้อควรระวังเกี่ยวกับการร้อยไหม
- บนเส้นไหมจะมีเงี่ยงที่ทำหน้าที่คล้ายตะขอสำหรับดึงผิวไปในทิศที่ต้องการ ถ้าร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้องหรือร้อยตื้นเกินไป จะเกิดรอยบุ๋มขึ้นตามแนวที่ร้อยไหมได้
- เส้นไหมจะกระตุ้นให้ fibroblast (เซลล์สร้างคอลลาเจน) เกิดการสร้างเส้นใย collagen และ elastin แต่ถ้าซ้อนทับกันมากเกินไป และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องก็จะเรียกว่า พังผืด (fibrosis) ถ้าอยู่ในผิวชั้นตื้นเกินไป ก็จะดึงรั้งผิวให้ผิดรูปได้
ร้อยไหมแล้วหน้าบวม 14 วัน เกิดจากอะไร ?
เกิดได้จาก 4 สาเหตุหลัก ๆ ครับ
1. เนื้อแก้มเยอะ หรือดึงเยอะเกินไป
วิธีร้อยไหมที่หน้าในเคสที่มีเนื้อแก้มเยอะ หมอแนะนำให้ทำเมโสแฟต ให้แก้มน้อยลงก่อนครับ จะทำให้สามารถดึงไหมได้เยอะขึ้นเพราะประโยชน์ของการร้อยไหมไม่ได้ช่วยลดไขมันบนใบหน้าครับ
ถ้าคนที่ใจร้อนก็สามารถร้อยไหมได้ แต่ก็จะดึงได้น้อยลง ถ้าดึงเยอะเนื้อแก้มก็จะไปกองด้านบน ทำให้ดูเหมือนหน้าบวมได้ครับ ซึ่งในกรณีแบบนี้จะบวมนานเกิน 1 เดือน ต้องรอให้ไหมเริ่มคลาย 2-3 เดือนถึงจะเริ่มดีขึ้น
ในบางเคสที่เนื้อแก้มเยอะ การร้อยไหมจะช่วยให้เนื้อแก้มน้อยลงได้ครับ โดยผ่านกระบวนการ Fat-Reposition (การดึงไขมัน) ด้วยการร้อยไหม แต่จะต้องใช้เวลาหลายเดือน และต้องร้อยไหมหลายครั้งครับ
2. การดึงไหมผิดแนว
ถ้าร้อยไหมเพื่อดึงร่องแก้ม จะทำให้โหนกแก้มเนื้อเยอะขึ้นและทำให้หน้าดูบวมได้ครับ ปกติการร้อยไหมจะเน้นแก้ไขความหย่อนของแก้มในบริเวณใกล้ ๆ มุมปาก ร้อยไหมกรอบหน้ามากกว่าครับ
จะเห็นว่าการร้อยไหมนั้นต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญในการประเมินทรงหน้าของแพทย์ด้วยครับ จึงจะทำให้ผลในการร้อยไหมออกมาสวยและเข้ารูป
3. การอักเสบติดเชื้อ
ปกติหลังร้อยไหม ในช่วง 3-4 วันแรกจะมีอาการบวม และหลังจากนั้นอาการบวมจะเริ่มยุบลงจนเข้าที่ใน 14 วัน แต่ถ้าหลังจาก 4 วันแล้วยังบวมแดงมากขึ้น ปวดมากขึ้น ต้องรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินและให้ยากินเพิ่มครับ
4. บวมเลือด, บวมน้ำ
เนื่องจากการร้อยไหม จะใช้เข็มเพื่อนำเส้นไหมเข้าสู่ผิว ดังนั้นจึงสามารถเกิดอาการบวมได้ โดยมีทั้ง
- บวมเลือด คือ มีเลือดออกในชั้นผิว (Hematoma)
- บวมน้ำ คือ มีน้ำคั่งในชั้นผิวจากการอักเสบ (Edema)
ซึ่งทั้ง 2 กรณี จะยุบหายไปเองในระยะ 2-3 อาทิตย์ โดยไม่มีอันตรายครับอย่างไรก็ตาม เข็มที่ใช้ในการร้อยไหมจะมีลักษณะแตกต่างกัน ซึ่งสัมพันธ์กับอาการบวมมากบวมน้อย ด้วยเช่นกัน
เข็มร้อยไหมแต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไร ?
การร้อยไหมจะใช้เข็มและไหมหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติและจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน หมอจะอธิบายประเภทของเข็มที่ใช้ในการร้อยไหม เป็นข้อ ๆ ดังนี้
ตัวอย่างเข็มที่ใช้ในการร้อยไหม
เข็มแหลม มีโอกาสเกิดการ บวมเลือด > บวมน้ำ
การร้อยไหมด้วยเข็มแหลม จะตัดผ่านเนื้อคล้าย ๆ การใช้มีดคม ๆ ตัด จะเจ็บน้อยกว่า บวมน้ำน้อยกว่า เส้นเลือดเล็ก ๆ ที่โดนตัดผ่านจะสมานได้ไวกว่าการใช้เข็มทู่ แต่ถ้าโดนเส้นเลือดใหญ่ก็จะมีโอกาสบวมเลือดได้ครับ ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์
เข็มทู่ มีโอกาสเกิดการ เกิดการ บวมน้ำ > บวมเลือด
จะผ่านเนื้อโดยการฉีกออกคล้าย ๆ การใช้มีดทื่อ ๆ ตัด จะเจ็บมากกว่า บวมน้ำเยอะกว่า สามารถหลบเส้นเลือดใหญ่ ๆ ได้ แต่เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังโดนฉีกขาดอยู่ดีครับ ยังมีเลือดออกได้ ในการร้อยไหมเข็มทู่ที่ใช้จะใหญ่กว่าเข็มทู่ที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ครับ จึงบวมช้ำเยอะกว่าฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ถ้าใช้เข็มแหลม ผลที่ออกมาจะสวยกว่าเข็มทู่ครับ แต่เสี่ยงเข้าหลอดเลือด ฟิลเลอร์จึงจำเป็นต้องใช้เข็มทู่ แต่สำหรับการร้อยไหมหมอบางท่านจะถนัดเข็มแหลมมากกว่า เพราะสามารถควบคุมความแม่นยำได้ดีกว่าครับ
เข็มตัด เป็นกึ่งแหลมกึ่งทู่
ปลายเข็มมีลักษณะคล้ายหลอด มีความคมแต่ไม่ได้แหลมเท่าเข็มแหลม
เข็ม L ที่พัฒนาต่อจากเข็มตัด
เข็ม L เป็นเข็มที่พัฒนาต่อจากเข็มตัด สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการร้อยไหมปรับรูปหน้าได้ สามารถลดความเสี่ยงการเกิดรอยช้ำและอาการบวมหลังทำหัตถการได้ดี
อย่างไรก็ตามเข็มแต่ละประเภทไม่สามารถระบุได้ว่าชนิดไหนดีที่สุดครับ ขึ้นกับการประเมินเนื้อเยื่อของคนไข้และความถนัดของหมอแต่ละคนครับ เช่น ถ้าคนไข้เคยเป็นสิว และมีพังผืดเยอะ การใช้เข็มทู่ก็จะบวมช้ำมากกว่าเข็มแหลมครับ
สำหรับที่ V Square Clinic จะมีเข็มทุกแบบ ซึ่งหมอจะประเมินและเลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคนครับ
ทำไมร้อยไหม 3-4 เดือน ก็คลายแล้ว ?
การที่ไหมจะดึงผิวไว้ได้ มี 3 ปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้ครับ
1. Elastin ในเนื้อของคนไข้
เมื่อร้อยไหมยกกระชับหน้า จะใช้เส้นไหมที่มีเงี่ยงใช้เกี่ยวเนื้อคล้าย ๆ ตะขอ แต่หากเนื้อเยื่อที่เกี่ยว เกิดความเสื่อมสภาพ เงี่ยงก็จะไม่สามารถเกาะอยู่ได้นานครับ เนื้อจะหลุดออกจากเส้นไหม ก่อนที่ไหมจะละลายเสียอีก โดยเฉลี่ยอายุของ Elastin ในผิวคือ 6 เดือนครับ
การร้อยไหมในคนอายุเยอะ ผลที่ได้จะอยู่ได้สั้นลงครับ เพราะในผิวขาด elastin แต่เมื่อร้อยเพิ่มหลาย ๆ ครั้งจะอยู่ได้นานขึ้นเพราะการร้อยไหมจะช่วยกระตุ้นการสร้าง elastin ครับ
2. การสร้าง Elastin
แม้เส้นไหมจะละลายไป แต่หากเนื้อเยื่อมีการสร้าง elastin ขึ้นมาเยอะ (คล้าย ๆ แปะกาว) ความกระชับก็ยังคงอยู่ได้ครับ
3. อายุของเส้นไหม
เส้นไหมแต่ละประเภทจะมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกัน ซึ่งประเภทของเส้นไหมที่ได้รับความนิยมทำจากวัสดุ 3 ชนิด ดังนี้
วัสดุที่ใช้ร้อยไหมได้ปลอดภัยมี 3 ชนิดคือ PCL / PLLA / PDO เรียงในรูปตามลำดับ
- PCL (Polycaprolactone) ละลายหมดภายใน 12 เดือน เส้นสีขาวขุ่น มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด เส้นใหญ่ที่สุด
- PLLA (Polylactate) ละลายหมดภายใน 12 เดือน เส้นสีขาวใส ขาดความยืดหยุ่น อาจจะพบปัญหา ไหมขาด ไหมทะลุได้บ่อย
- PDO (Polydioxanone) จะละลายหมดภายใน 4-8 เดือน เส้นสีน้ำเงิน มีความยืดหยุ่นสูง เป็นที่นิยมมากที่สุด
ร้อยไหมอะไรดีที่สุด ?
ในการร้อยไหมดึงหน้า ร้อยไหมยกกระชับหน้า คลินิกต่าง ๆ จะมีชื่อเรียกไหมแต่ละชนิดมากมาย เช่น ไหมกุหลาบ, ไหมปิรันย่า, ไหมทับทิม, ไหมทอนาโด ฯลฯ เป็นชื่อที่ไม่เป็นสากลครับ คลินิกต่าง ๆ ตั้งชื่อกันขึ้นมาเองเพื่อให้คนไข้ไม่สามารถเช็กราคาร้อยไหมเทียบกับคลินิกอื่น ๆ ได้ครับ
เบื้องต้นเราสามารถสอบถามทางคลินิกเพิ่มเติมได้ครับว่าร้อยไหมชนิดไหน โดยดูตามลักษณะเส้นไหมด้านล่างนี้ครับแท้ที่จริงแล้วเราแยกชนิดไหมหลัก ๆ ได้ดังนี้ครับ
- ตามชนิดวัสดุ PDO, PLLA, PCL
- ตามลักษณะเส้นไหม
ในรูปนี้คือวัสดุ PDO จะเป็นสีน้ำเงินครับ ถ้า PLLA จะเป็นสีขาวใส, PCL จะสีขาวขุ่น ซึ่งจากประสบการณ์พบว่าไหมที่ดึงหน้าได้ดีที่สุดคือไหมเงี่ยงใหญ่ครับ เป็นที่นิยมใช้ในทุกคลินิก แล้วแต่ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไร และตั้งราคาร้อยไหม ต่างกันเท่านั้นเอง
ข้อปฏิบัติตัว ก่อน-หลัง ร้อยไหม เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
ก่อนร้อยไหม
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินโครงสร้างใบหน้าและปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อวางแผนการรักษา
- เมื่อปรึกษาแพทย์เรียบร้อยแล้ว ถ้าพร้อมก็สามารถร้อยไหมได้เลยครับ ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา วิตามินและยาที่ทานประจำ (ก่อนร้อยไหมควรงดยาและวิตามิน เช่น แอสไพริน, NSAIDs, ginseng และ Vitamin E)
- 24 ชั่วโมงก่อนร้อยไหม ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
- ทางคลินิกจะมีการฉีดยาชาให้ก่อนร้อยไหม
การดูแลตัวเอง หลังร้อยไหม
- หลังร้อยเสร็จทันที อาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ ในจุดที่ร้อยไหมได้เป็นปกติ หายไปเองใน 2-3 วัน ห้ามแกะ เกา หรือกดนวด
- ทางคลินิกจะมีการจ่ายยาแก้ปวด ลดบวมให้
- ช่วง 3 วันแรก ไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ อาจทำให้ไหมเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้
- งดยิงเลเซอร์ร้อน และหัตถการอื่น ๆ ที่ใช้ความร้อน เป็นเวลา 2 เดือน
ในการดูแลตัวเองหลังร้อยไหม เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น ข้อสำคัญคือควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดครับ โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เกี่ยวกับความร้อนและควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสัมผัสใบหน้า
ร้อยไหม vs ฟิลเลอร์ vs โบท็อก vs Ulthera/Hifu ควรทำอะไรดี ?
- ร้อยไหม เหมาะสำหรับคนที่แก้มหย่อนมาก ๆ จะเห็นผลได้ชัดเจน โดยที่ราคาไม่แพง
- Ulthera / Hifu เหมาะสำหรับคนที่แก้มหย่อนไม่มาก เห็นผลไม่ชัดเจนเท่าร้อยไหม และราคาค่อนข้างสูง เหมาะกับคนที่กลัวเข็ม
- ฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับคนที่หน้าหย่อนคล้อยจากร่องใต้ตาร่องแก้มที่ลึก
- โบท็อก สำหรับคนที่มีกล้ามเนื้อกรามเยอะ (กัดฟันแล้วกรามเด้งเยอะ) ร่วมกับมีริ้วรอยบริเวณหางตา-หน้าผาก
หลาย ๆ หัตถการสามารถทำร่วมกันได้ครับ หมอจะประเมินให้ครับว่าควรทำหัตถการไหนก่อน-หลัง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ร้อยไหมแต่ละชนิด ราคาเท่าไหร่ ?
การร้อยไหม ราคาจะแตกต่างกันไปตามชนิดของไหม วัสดุ และจำนวนเส้นไหมที่ใช้ครับ สำหรับที่ V Square Clinic ร้อยไหม ราคาเริ่มต้นประมาณ 8,900.- ใช้เส้นไหม PCL และ PDO ที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยครับ
Promotion ร้อยไหม
ร้อยไหมทั้งหน้าต้องใช้ไหมกี่เส้น ?
จำนวนเส้นไหมที่นำมาใช้เพื่อร้อยไหมทั้งใบหน้า หมอจะประเมินใบหน้าของคนไข้ก่อนครับ แต่ละเคสอาจใช้จำนวนเส้นไหมที่แตกต่างกันได้ โดยปกติแล้วผิวหน้าหย่อนคล้อย ร้อยไหมจะใช้ข้างละ 3-10 เส้น โดยพิจารณาจาก 3 ส่วนหลัก ๆ คือ ขนาดเนื้อแก้มของคนไข้ ความหนาแน่นของผิว และคนไข้ต้องดึงในจุดไหนบ้างครับ
ร้อยไหม 10 เส้น กับ 20 เส้น ต่างกันไหม ?
เมื่อใช้จำนวนเส้นไหมมากขึ้น ย่อมทำให้ความแข็งแรงในการดึงมากขึ้นและคงระยะเวลาการดึงในนานมากขึ้นครับ
ถ้าคนไข้แก้มหย่อนเยอะ การยกแก้มให้ตึง ดึงหน้าให้อยู่ได้นาน จำเป็นต้องใช้เส้นไหมที่แข็งแรง และใช้จำนวนหลายเส้น การร้อยไหม PDO 10 เส้น กับ 20 เส้น จึงให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน การจะตัดสินใจว่าควรใช้ไหมกี่เส้นดีที่สุด หมอจะเป็นผู้ตรวจประเมินและพิจารณาครับ
รีวิว ร้อยไหมยกกระชับหน้า
ในเคสนี้คนไข้มีปัญหาแก้มหย่อนไม่กระชับ มีร่องแก้มลึกและใต้ตาดูลึก มีความคล้ำ ไม่สดใส หลังร้อยไหม และเติมฟิลเลอร์ใต้ตาและร่องแก้ม เสร็จทันที ร่องแก้มดูจางลง ใต้ตาดูสดใสมากขึ้น ใบหน้าโดยร่วมดูอ่อนเยาว์อย่างเห็นได้ชัด
ก่อนทำ ในเคสนี้ มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย มีร่องแก้ม รอยใต้ตาและมีร่องลึกใต้ตา หลังทำทันที ผิวหน้าดูตึงและยกกระชับขึ้น รูปหน้าเรียวสวย ใต้ตาเต็มขึ้น
รีวิวเพิ่มเติม
- รีวิวร้อยไหมก้างปลา บอกลาปัญหาหน้าตอบ แก้มห้อยให้ใบหน้ากลับมาสวยเข้ารูป
- แก้มย้อย กรามใหญ่ หน้าบาน ก็เรียวสวยได้ที่ V Square Clinic
Q&A เกี่ยวกับการร้อยไหม
ร้อยไหม กี่วันเห็นผล ?
การร้อยไหมยกกระชับใบหน้า จะเห็นผลทันทีหลังทำ และเห็นผลชัดเจน สวยเข้ารูปใน 1 เดือน ครับ หากมีอาการบวม จะหายไปเองใน 14 วัน
ร้อยไหม เจ็บไหม ?
หลายคนถามหมอว่าร้อยไหม เจ็บไหม ? ระหว่างร้อยไหม คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บครับ เพราะก่อนทำจะมีการฉีดยาชาให้ก่อน อาจจะรู้สึกตอนที่หมอกำลังร้อยไหมเข้าไป เป็นเรื่องปกติครับ
ร้อยไหม ต้องใช้ยาชาหรือไม่ ?
การร้อยไหมต้องฉีดยาชาทุกครั้ง โดยที่คลินิกจะมีการทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะร้อยไหมให้ก่อนครับ
ร้อยไหม ใช้เวลานานหรือไม่ ?
การร้อยไหมใช้เวลา 45-60 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนไหมที่ใช้ร้อย และเทคนิคของแพทย์ด้วยครับ
ถ้าไม่ร้อยไหมซ้ำ ทำให้หน้าเหี่ยวจริงไหม ?
ไม่จริงครับ เมื่อไหมละลายไปแล้วก็ยังเหลือเส้นใย Elastin ที่จะช่วยประคองผิวไว้ ถ้าร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจะทำให้ผิวกระชับกว่าก่อนร้อยแน่นอนครับ
ปัญหาหน้าไม่เท่ากัน ร้อยไหมช่วยได้ไหม ?
ช่วยได้ครับ ในเคสที่หน้าไม่เท่ากันจากการที่แก้มย้อยหรือแก้มหย่อน สองข้างไม่เท่ากัน โดยหมอจะใช้แรงดึงไหมทั้งสองข้างตามปัญหา ข้างที่แก้มหย่อนกว่าก็จะใช้แรงมากกว่า เพื่อให้ใบหน้าทั้งสองข้างเท่ากันครับ
สรุป ร้อยไหม ยกหน้าเรียว ปลอดภัย เห็นผลทันที
การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์รวดเร็วครับ ช่วยแก้ปัญหาแก้มหย่อน แก้มย้อย ผิว กรอบหน้าไม่กระชับ คิ้วตก หนังตาตก เสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด
ที่ V Square Clinic หมอมีประสบการณ์สูงด้านการปรับรูปหน้า ผ่านการฝึกอบรม อาทิ Thread Lift Training, Advanced Thread Lifting, Hand-on Barbed Thread Lift Rejuvenation จากทั้งในต่างประเทศและต่างประเทศ ประเมินใบหน้าอย่างละเอียดทุกเคส เลือกชนิดเส้นไหมและจำนวนไหมที่เหมาะสม มั่นใจได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยครับ
อ้างอิง
- Cosmetic Surgery Today, Threadlift, 2012. (Access October 30, 2012, at http://www.cosmeticsurgerytoday.com/threadlift /)
- American academy of aesthetic medicine: hands-on Korean thread lifting master course. http://cbbmed.com/newsview.php?title=Different_PDO_Threads_in_Thread_Lifting&id=19