ดูดไขมัน Vs CoolSculpting เลือกทำอะไรดี
เลือกอ่าน
- สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกวิธีการในการลดสัดส่วนด้วยการ ดูดไขมัน VS CoolSculpting มีข้อมูลต่างๆที่ควรพิจารณาดังนี้
- ตารางเปรียบเทียบระหว่าง ดูดไขมัน กับ CoolSculpting
สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกวิธีการในการลดสัดส่วนด้วยการ ดูดไขมัน VS CoolSculpting มีข้อมูลต่างๆที่ควรพิจารณาดังนี้
การ ดูดไขมัน จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดเซลล์ไขมันในปริมาณมากๆ (BMI มากกว่า 35 ขึ้นไป)
วิธีการคำนวน BMI ซึ่งหากไม่สะดวกคำนวนก็ดูตามตารางด้านล่างนี้ได้ครับ
ตารางเทียบ BMI แบบไม่ต้องคำนวน
ไม่ต้องออกกำลังกาย ทำการรักษาโดยแพทย์ร่วมกับนักกายภาพบำบัดที่ผ่านการอบรมโดยเฉพาะสำหรับเครื่อง CoolSculpting
ตารางเปรียบเทียบระหว่าง ดูดไขมัน กับ CoolSculpting
| ดูดไขมัน (Liposuction) | CoolSculpting | |
|---|---|---|
| รอยแผลหลังทำ | มีแผล 3-5 mm (ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก) ระงับความรู้สึกด้วยการฉีดยาชาปริมาณมากในทุกจุดที่ดูดไขมัน บางเคสอาจใช้การวางยาสลบ | ไม่มีแผล ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ต้องใช้ยาชา ไม่ต้องวางยาสลบ ใช้เวลาในการทำ 30-60 นาที ต่อก้อนไขมันประมาณ 1-2 ฝ่ามือ |
| ระดับความอ้วน | เหมาะสำหรับเคสที่ BMI>35 เพราะต้องกำจัดเซลล์ไขมันในปริมาณมาก | เหมาะสำหรับเคสที่ BMI<35 ไม่จำเป็นต้องดูดไขมัน เนื่องจากการทำ CoolSculpting สามารถให้ผลแบบเดียวกัน โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด และผลข้างเคียงต่างๆน้อยกว่ามาก |
| หลักการ | ใช้ท่อเหล็กขนาด 3 mm สอดและขูดเข้า-ออกในชั้นไขมันในทุกแนว ร่วมกับส่งพลังงานต่างๆ เช่น Ultrasound, RF(Radio frequency), แรงดันน้ำ(แตกต่างกันในเครื่องแต่ละยี่ห้อ) เข้าไปเพื่อทำให้ก้อนไขมันให้เหลวเป็นน้ำ และสามารถดูดออกมาได้ สำหรับการดูดไขมันด้วยแรงดันน้ำมีข้อดีตรงที่ สามาถนำเซลล์ไขมันไปเติมที่ใบหน้าได้ โดยมีโอกาสที่เซลล์จะรอดมากกว่าการใช้ Ultrasound หรือ RF(Radio frequency) | ใช้หัวดูดหนีบชั้นไขมันเข้าไปในหัว แล้วปล่อยความเย็น -11°C นาน 35 นาที เพื่อให้เซลล์ไขมันกลายเป็นน้ำแข็ง โดยมีระบบป้องกันไม่ให้ผิวหนังชั้นบนเย็นจนไหม้(Freeze detect) เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ CoolSculpting พอเซลล์ไขมันกลายเป็นน้ำแข็ง ผู้เชี่ยวชาญจะทำการนวดเพื่อให้ก้อนไขมันแตกละเอียดและตาย หลังจากนั้นร่างกายจะค่อยๆย่อยสลายเซลล์ไขมันที่ตายแล้ว และขับออกไปตามธรรมชาติ (การนวดหลังแช่แข็งทันทีจะช่วยให้ได้ผลมากขึ้น 60%) สามารถลดปริมาณเซลล์ไขมันลงได้ 25% ของก้อนไขมันที่ถูกหัว CoolSculpting ดูดขึ้นมา ลดลงแบบถาวร |
| ระยะพักฟื้น และระยะเวลาที่รอผล | ในกรณี BMI>35 หลังทำสัดส่วนจะยุบลงทันที เนื่องจากดูดเซลล์ไขมันจำนวนมากออกไป ในปริมาณที่มากกว่าอาการบวม ปวดระบม 2-3สัปดาห์ ในกรณี BMI<35 หลังทำอาการบวมอาจจะมากกว่าปริมาณไขมันที่ถูกดูดออกไป ทำให้ไม่เห็นผลว่ายุบลงทันที จึงต้องรอผลหลังการพักฟื้น 1-2 เดือน และเข้าที่เต็มที่ 3-4 เดือน | เหมาะสำหรับเคสที่ BMI<35 โดยที่หลังทำในช่วง 2 อาทิตย์แรกสัดส่วนจะบวมมากกว่าเดิม และมีอาการปวดระบม เนื่องจากมีก้อนเซลล์ไขมันที่ตายยังตกค้างอยู่ในผิวหนัง ประมาณ 1 เดือนจึงจะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนยุบลง ยุบเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน |
| ความเรียบเนียนของผิวหลังทำ | -หลังทำมักจะมีอาการเขียวช้ำค่อนข้างมาก -แนวในการสอดท่อเพื่อขูดไขมันหลายๆแนว มักจะทำให้เกิดชั้นผิวที่ไม่เรียบ ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจะเป็นถาวรและแก้ไขยากมาก -มีรอยแผล 3-5 mmในจุดที่สอดท่อเหล็ก | -โอกาสเขียวช้ำน้อยกว่ามาก -ผู้เชี่ยวชาญด้าน CoolSculpting จะเป็นผู้ออกแบบการวางหัวรูปทรงต่างๆให้เหมาะกับแนวก้อนไขมันของแต่ละเคส หลังทำ 3 เดือน ผิวหนังจะเรียบเนียนเป็นธรรมชาติไม่มีร่องรอยหรือรอยแผลใดๆ |
| อันตรายไหม? | มีความเสี่ยงที่จะเกิด fat embolism (ก้อนไขมันพลัดเข้าไปในเส้นเลือดและไปอุดตัน) เป็นอันตรายถึงชีวิต การดูดไขมันควรทำในสถานพยาบาล-โรงพยาบาลที่มีความพร้อมในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น | ไม่มีความเสี่ยงที่รุนแรง -มีโอกาสเกิด paradoxical adipose hyperplasia คือแทนที่ก้อนไขมันจะยุบลง กลับใหญ่ขึ้น ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ทางบริษัท Allergan จะรับผิดชอบแก้ไขให้ฟรีครับเป็นระบบ insurance (โอกาสเกิดน้อยมาก 1:20,000) -มีโอกาสเกิดรอยดำที่ผิวชั่วคราว ซึ่งจะหายไปได้เองใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือน (โอกาสเกิดน้อยมาก 1:20,000) |
| การดูแลหลังทำ | แม้ว่าเราจะดูดเซลล์ไขมันออกไป แต่หากไม่ควบคุมน้ำหนัก เซลล์ไขมันส่วนที่เหลือก็สามารถเพิ่มขนาด(ไม่เพิ่มจำนวน) และทำให้สัดส่วนในจุดนั้นอ้วนคืนมาได้ แต่ก็ไม่มากกว่าเดิม กรณีที่ดูดไขมันแล้ว กลับมาอ้วนอีกครั้ง การดูดซ้ำเรื่อยๆจะเกิดผังผืดสะสม ทำให้ผิวไม่เรียบ และจะมีโอกาสบวมเขียวช้ำได้มากกว่าปกติ | แม้ว่าเราจะทำบายเซลล์ไขมันออกไป แต่หากไม่ควบคุมน้ำหนัก เซลล์ไขมันส่วนที่เหลือก็สามารถเพิ่มขนาด(ไม่เพิ่มจำนวน) และทำให้สัดส่วนในจุดนั้นอ้วนคืนมาได้ แต่ก็ไม่มากกว่าเดิม กรณีที่ทำ CoolSculpting แล้ว กลับมาอ้วนอีกครั้ง สามารถทำใหม่ได้เรื่อยๆโดยที่ไม่มีผลเสีย จำนวนเซลล์ไขมันก็จะลดลงไปเรื่อยๆ มีตัวอย่างเคสที่ทำ CoolSculpting ที่ท้องเพียงฝั่งเดียวแล้วผ่านไป 10 ปี ฝั่งที่ทำก็ยังเล็กกว่าฝั่งที่ไม่ได้ทำอย่างชัดเจน |
| ราคา | 40,000-100,000 บาท ขึ้นกับยี่ห้อเครื่องที่ใช้ในการดูดไขมัน และปริมาณไขมันที่หมอประเมิน | 50,000-120,000 บาท ขึ้นกับรูปทรงสัดส่วนที่คนไข้ต้องการ 1 หนีบ(ประมาณ 1 ฝ่ามือ) ราคาประมาณ 12,000 จะลดไขมันลงได้ 70-80 CC/ครั้ง |
| น้ำหนักที่ลดลง | น้ำหนักจะลดลง 2-10 kg ทันทีหลังทำเนื่องจากดูดไขมันออกไปในปริมาณมาก | ไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการเน้นลดสัดส่วนเฉพาะจุดโดยไม่มีแผล |
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดสัดส่วนด้วยเครื่อง ดูดไขมัน vs coolsculpting vs thermage vs hifu ได้ที่บทความนี้ครับ CoolSculpting คืออะไร? VS การดูดไขมัน VS การสลายไขมันส่วนเกินด้วยวิธีต่างๆ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ
หน้าตอบ แก้มตอบเกิดจากอะไร ? แก้ไขวิธีไหนได้บ้าง ? ช่วยให้หน้าเด็กลง ดูสดใสขึ้น
Reading Time: 4 minutesการสูญเสียวอลลุ่มบนใบหน้าเป็นสัญญาณหนึ่งของวัยที่เพิ่มขึ้นครับ โดยเฉพาะปัญหาหน้าตอบ แก้มตอบ โหนกแก้มสูง ที่ทำให้ใบหน้าโทรม ดูซูบ และดูแก่กว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด ใครที่มีปัญหาลักษณะนี้ อยากหาวิธีแก้ไข หมอมีแนวทางแก้ไขมาแนะนำครับ โดยมีให้เลือกทั้งหัตถการทางการแพทย์ และวิธีแก้ไขแบบธรรมชาติที่หลาย ๆ คนพูดถึง
Semaglutide ลดน้ำหนัก ทางเลือกใหม่สำหรับการควบคุมน้ำหนักอ...
Reading Time: 4 minutesSemaglutide ลดน้ำหนัก ได้อย่างไร ? คืออะไร ? และทำงานอย่างไร ? บทความนี้หมอจะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Semaglutide อย่างละเอียด ตั้งแต่กลไกการทำงาน ประสิทธิภาพ ข้อควรระวัง ไปจนถึงข้อมูลสำคัญที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้ยานี้เพื่อการลดน้ำหนัก ปรับรูปร่าง
หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น อาการแบบไหนอันตราย ? ฟื้นฟูหัวใจแข็ง...
Reading Time: 5 minutes- หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น คืออะไร ? ทำไมต้องใส่ใจอาการนี้ ? - หัวใจของเราทำงานอย่างไร ? อัตราการเต้นของหัวใจ โดยทั่วไปเป็นแบบไหน ? - สาเหตุของอาการหัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น - หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น มีอาการอะไรบ้าง? - อาการหัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น แบบไหนที่ควรพบแพทย์ ?
มือสั่น บ่อย ๆ ขาดวิตามินอะไร เกิดจากสาเหตุใด แก้ไขอย่างไ...
Reading Time: 3 minutes- รู้จักภาวะอาการ “มือสั่น” - สาเหตุของภาวะมือสั่น เกิดจากอะไรได้บ้าง ? - มือสั่น เพราะขาดวิตามินจริงไหม วิตามินอะไร ? - มือสั่น เสริมวิตามินดีไหม ? - มือสั่น เพราะเครียด ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เสริมวิตามินสูตรไหนดี ?
หายใจไม่สะดวก หายใจไม่อิ่ม เกิดจากอะไร ? รู้สาเหตุ อาการ...
Reading Time: 5 minutes- หายใจไม่สะดวก คืออะไร ? ทำไมต้องใส่ใจอาการนี้ - หายใจไม่สะดวก หายใจไม่อิ่ม มีลักษณะอาการอะไรบ้าง ? - สาเหตุของอาการหายใจไม่สะดวก เกิดจากอะไร ? - เช็กด่วน! ระดับความรุนแรงของอาการหายใจไม่สะดวก คุณอยู่ระดับไหน ? - หายใจไม่สะดวก อันตรายไหม ? เสี่ยงอะไรบ้าง?
ง่วงนอนตลอดเวลา สมองล้า (Brain Fog) อ่อนเพลีย รับมืออย่าง...
Reading Time: 5 minutes- ง่วงนอนตลอดเวลาเกิดจากสาเหตุใด ผิดปกติหรือไม่ ? - รวมรายละเอียดสาเหตุอาการง่วงนอนตลอดเวลาที่พบได้บ่อย ๆ - ง่วงนอนตลอดเวลา อันตรายไหม ผิดปกติหรือไม่ ?






