Vitamin B6 คืออะไร ? ดีต่อร่างกายอย่างไร ? เสริมด้วยวิธีไหนได้บ้าง ?

Reading Time: 4 minutes

Vitamin B6

vitamin b6

Vitamin B6 เป็นหนึ่งในวิตามินที่ร่างกายต้องการทุกวัน แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ามีบทบาทสำคัญต่อทั้งสมอง เลือด ระบบประสาท และผิวพรรณอย่างไรบ้าง ?

ในบทความนี้หมอจะพาไปทำความรู้จักว่า Vitamin B6 คืออะไร ? มีหน้าที่และประโยชน์อย่างไร ? เมื่อขาดวิตามิน บี 6 อาการเป็นแบบไหน ? รวมถึงวิธีการเสริมวิตามินให้เพียงพอ เพื่อดูแลสุขภาพให้แข็งแรงจากภายในครับ

สารบัญ Vitamin B6


Vitamin B6 คืออะไร ?

Vitamin B6 หรือ ไพริดอกซีน (Pyridoxine) เป็นหนึ่งในกลุ่มวิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) ที่ละลายในน้ำ โดยวิตามินชนิดนี้มีความจำเป็นต่อการทำงานของเอนไซม์กว่า 100 ชนิดในร่างกาย ช่วยให้กระบวนการใช้พลังงานและการสร้างสารสำคัญในร่างกายเป็นไปอย่างสมดุล

อ่านบทความเพิ่มเติม : วิตามินบี สำคัญอย่างไร ? มีกี่ประเภท ?


หน้าที่หลักของ Vitamin B6

วิตามินบี 6 เป็นโคเอนไซม์ที่ช่วยให้เอนไซม์ต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้เต็มที่ โดยหน้าที่หลัก ได้แก่

  1. ช่วยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง วิตามิน บี 6 เป็นโคเอนไซม์ที่จำเป็นในการผลิต สารสื่อประสาท (Neurotransmitters) เช่น
    • เซโรโทนิน (Serotonin) : ควบคุมอารมณ์
    • โดพามีน (Dopamine) : เกี่ยวข้องกับความสุขและแรงจูงใจ
    • กาบา (GABA) : ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
  2. ส่งเสริมการสร้างเม็ดเลือดแดง Vitamin B6 มีส่วนช่วยในการผลิต ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งเป็นโปรตีนในเม็ดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปทั่วร่างกาย
  3. มีบทบาทในระบบเผาผลาญ ช่วยเปลี่ยนโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ให้กลายเป็นพลังงาน พร้อมทั้งช่วยสร้างสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญอย่างมีประสิทธิภาพ
  4. ควบคุมระดับโฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) ระดับโฮโมซิสเทอีนที่สูงในเลือดอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ โดยวิตามินบี 6 ทำงานร่วมกับวิตามินบี 12 และโฟเลตในการควบคุมระดับโฮโมซิสเทอีนให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  5. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามิน บี 6 ช่วยในการสร้างแอนติบอดีและเม็ดเลือดขาว เสริมการป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อ
หน้าที่ของวิตามินบี 6 ประโยชน์มีอะไรบ้าง

Vitamin B6 มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ?

Vitamin B6 มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้

  • ลดอาการอ่อนเพลีย ช่วยสร้างพลังงาน ทำให้ร่างกายใช้สารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เสริมการทำงานของระบบประสาทและสมอง ทำให้มีสมาธิและอารมณ์ที่สมดุล
  • ช่วยควบคุมเอนไซม์และฮอร์โมน ลดผื่น ลดสิวจากการอักเสบเรื้อรัง
  • ป้องกันโรคโลหิตจางจากการขาดฮีโมโกลบิน
  • ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ในหญิงตั้งครรภ์
  • เสริมภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสการติดเชื้อ
VSqare Tips (VSQ Tips)

ข้อควรรู้ : Vitamin B6 มีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนกรดอะมิโน ทริปโตเฟน (Tryptophan) ให้กลายเป็น ไนอะซิน (Vitamin B3) ซึ่งเป็นวิตามินอีกชนิดที่ช่วยด้านผิวพรรณและพลังงาน หากร่างกายขาดบี 6 ต่อเนื่อง อาจทำให้การสังเคราะห์ไนอะซินลดลงจนเกิดปัญหาผิวหนังอักเสบได้ครับ


อาการเมื่อขาด Vitamin B6 เป็นอย่างไร ?

การขาดวิตามิน B6 อาจทำให้ร่างกายแสดงอาการผิดปกติหลายด้าน ทั้งทางกายและจิตใจ อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เนื่องจากร่างกายสร้างพลังงานและเม็ดเลือดแดงได้ไม่เต็มที่
  • ภาวะโลหิตจาง จากการสร้างฮีโมโกลบินที่ลดลง ทำให้ผิวซีด หน้ามืด หรือเวียนศีรษะ
  • ระบบประสาททำงานผิดปกติ เช่น มือเท้าชา ชัก หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า หรือมีปัญหาด้านสมาธิ
  • ผิวหนังและเยื่อบุอักเสบ เป็นแผลที่มุมปาก ลิ้นอักเสบ หรือผื่นผิวหนังคล้ายไขมันอุดตัน
  • ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ทำให้ร่างกายติดเชื้อหรือป่วยได้ง่ายกว่าปกติ
ภาวะขาด Vitamin B6 อาการเป็นอย่างไร

อาการขาด Vitamin B6 มักเกิดร่วมกันมากกว่าจะเกิดเพียงอย่างเดียวครับ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับระดับการขาด หากขาดเล็กน้อยอาจแค่เหนื่อยง่ายหรืออารมณ์แปรปรวน

แต่หากขาดรุนแรง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคไตและตับ อาจนำไปสู่ภาวะซีด ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือความผิดปกติของระบบประสาทได้ ดังนั้นควรสังเกตอาการและดูแลให้ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอเสมอ


ใครบ้างเสี่ยงขาด Vitamin B6 มากที่สุด ?

กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสขาด Vitamin B6 สูง ได้แก่

  1. ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ แอลกอฮอล์รบกวนการดูดซึมวิตามิน B6 และยังเร่งการขับออกของวิตามินผ่านทางปัสสาวะ ทำให้แม้จะทานอาหารปกติก็ยังอาจไม่เพียงพอ
  2. ผู้สูงอายุ เมื่ออายุมากขึ้น ระบบการดูดซึมและการเผาผลาญวิตามินจะลดลง ทำให้ผู้สูงอายุเสี่ยงต่อการขาดวิตามินบี 6 แม้จะรับประทานอาหารเพียงพอแล้วก็ตาม
  3. ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดเป็นประจำ ยาบางชนิดสามารถลดระดับวิตามิน B6 ในร่างกาย เช่น
    • ยากันชัก (เช่น Phenytoin, Phenobarbital)
    • ยาวัณโรค (Isoniazid)
    • ยาคุมกำเนิด
    • ยารักษาวัณโรคหรือโรคเรื้อรังอื่น ๆ
  4. หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นม ร่างกายต้องการวิตามิน B6 เพิ่มขึ้น เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของทารกและการผลิตน้ำนม หากไม่ได้รับการเสริมอย่างเหมาะสม อาจเกิดภาวะขาดวิตามินได้ง่าย
  5. ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด
    • โรคไตเรื้อรัง หรือผู้ที่ล้างไต
    • โรคตับ ที่ทำให้กระบวนการเผาผลาญวิตามินผิดปกติ
    • ภาวะดูดซึมผิดปกติในลำไส้ เช่น ลำไส้อักเสบเรื้อรัง, ลำไส้แปรปรวน
  6. ผู้ที่มีพฤติกรรมการกินที่ไม่สมดุล เช่น กินอาหารเดิมซ้ำ ๆ, กินอาหารแปรรูปมาก, ลดน้ำหนักแบบเข้มงวด หรือทานมังสวิรัติแบบไม่วางแผน อาจทำให้ขาดสารอาหารหลายชนิดรวมถึง Vitamin b 6

ปริมาณ Vitamin B6 ที่ควรได้รับต่อวัน

ปริมาณวิตามินบี 6 (Vitamin B6) ที่ร่างกายควรได้รับต่อวันจะแตกต่างกันไปตามอายุ เพศ และสภาวะของร่างกาย โดยมีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม (mg) ตามคำแนะนำของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ของสหรัฐอเมริกา ปริมาณวิตามินบี 6 ที่แนะนำมีดังนี้ครับ

ตารางแสดงปริมาณ Vitamin B6 ที่ควรได้รับต่อวัน

ช่วงอายุ/ภาวะปริมาณที่แนะนำต่อวัน
ทารก แรกเกิด-6 เดือน0.1 มก.
ทารก 7-12 เดือน0.3 มก.
เด็ก 1-3 ปี0.5 มก.
เด็ก 4-8 ปี0.6 มก.
เด็ก 9-13 ปี1.0 มก.
วัยรุ่นชาย 14-18 ปี1.3 มก.
วัยรุ่นหญิง 14-18 ปี1.2 มก.
ผู้ใหญ่ 19-50 ปี1.3 มก.
ผู้ชายอายุ 51 ปีขึ้นไป1.7 มก.
ผู้หญิงอายุ 51 ปีขึ้นไป1.5 มก.
หญิงตั้งครรภ์ (รวมถึงวัยรุ่นตั้งครรภ์)1.9 มก.
หญิงให้นมบุตร (รวมถึงวัยรุ่น)2.0 มก.

เสริม Vitamin B6 ด้วยวิธีไหนได้บ้าง ?

เสริมวิตามินบี 6 ได้จากอะไรบ้าง ? เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามินบี 6 ได้เอง จึงต้องได้รับจากแหล่งอาหารหรือการเสริมเพิ่มเติม ดังนี้

แหล่งอาหารจากธรรมชาติ

Vitamin B6 พบได้ในอาหารที่เราทานทุกวันครับ หากรับประทานอย่างหลากหลายก็เพียงพอต่อความต้องการ อาหารที่อุดมด้วยวิตามิน b6 ได้แก่

  • เนื้อสัตว์ : ไก่, หมู, ตับ, ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า
  • ธัญพืชเต็มเมล็ด : ข้าวกล้อง, ข้าวโอ๊ต, ขนมปังโฮลวีต
  • ถั่วและเมล็ดพืช : เมล็ดทานตะวัน, ถั่วลิสง, อัลมอนด์
  • ผัก : มันฝรั่ง แครอท ผักโขม
  • ผลไม้ : กล้วย อะโวคาโด
แหล่งอาหารที่มี Vitamin B6

ข้อดี : ได้รับวิตามินแบบธรรมชาติ ควบคู่กับสารอาหารอื่น ๆ
ข้อควรระวัง : การปรุงอาหารด้วยความร้อนสูงอาจทำให้วิตามิน B6 สูญเสียบางส่วน

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม

สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงขาด Vitamin B6 หรือไม่สามารถรับประทานอาหารได้เพียงพอ การใช้อาหารเสริมถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเติมเต็มความต้องการของร่างกาย

รูปแบบที่พบได้บ่อย

  • วิตามินบี 6 แบบเม็ดเดี่ยว
  • วิตามินบีรวม (B-Complex)
  • มัลติวิตามินที่มี B6 เป็นส่วนประกอบ
อาหารเสริม vitamins b6

ข้อดี : รับประทานง่าย สะดวก และควบคุมปริมาณได้ชัดเจน
ข้อควรระวัง : ไม่ควรรับประทานเกิน 100 มก./วัน หากไม่ได้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพราะอาจส่งผลต่อระบบประสาทได้

การดริปวิตามิน

การดริปวิตามิน หรือ IV Drip คือการให้วิตามินและสารอาหารต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านทางหลอดเลือดดำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพเร่งด่วน หรือมีปัญหาการดูดซึมทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นวิธีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันครับ

ดริปวิตามิน

ข้อดีของการดริปวิตามิน

  • ร่างกายดูดซึมได้เร็วและมากกว่าการรับประทาน
  • เหมาะกับผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินเรื้อรัง หรืออ่อนเพลียเรื้อรัง
  • สามารถผสมร่วมกับวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น B-complex, วิตามินซี, Magnesium

ที่ V Square Wellness Center มีสูตรดริปวิตามินเฉพาะ ที่ออกแบบโดยแพทย์ เพื่อฟื้นฟูร่างกาย เพิ่มพลังงาน และเสริมการทำงานของระบบประสาทอย่างตรงจุด

สูตร IV Drip

อยากเสริม Vitamin B6 ดริปวิตามินสูตรไหนดี ?

การดริปวิตามิน บี 6 มักผสมอยู่ในสูตร IV Drip ที่ให้บริการตามคลินิกความงามและศูนย์สุขภาพ สำหรับที่ V Square Wellness Center ก็มีสูตรดริปที่มีส่วนผสมของวิตามินบีคอมเพล็กซ์ โดยมี Vitamin B6 เป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของหลายสูตร ดังนี้

  • Super Healthy Skin บำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น พร้อมเสริมภูมิคุ้มกัน ปกป้องผิวจากรังสี UV เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวขาดน้ำ ผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือเพิ่งเริ่มดูแลผิว ต้องการผิวสุขภาพดี แข็งแรงจากภายใน
  • Radiance Plus+ ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กระจ่างใส ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ พร้อมฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้ชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่กังวลปัญหาสีผิวไม่เรียบเนียนหรือผิวหมองคล้ำ
  • Perfect White สูตรเร่งผิวใส ลดการสร้างเม็ดสีที่ทำให้ผิวคล้ำเสีย ลดจุดด่างดำ และช่วยให้ผิวเรียบเนียน เหมาะสำหรับผู้ที่อยากปรับผิวให้กระจ่างใส ดูสว่างใสแบบมีออร่า
  • Extra Perfect White บูสต์ผิวให้ดูขาวกระจ่างใสเร่งด่วน ลดการสร้างเม็ดสีพร้อมเสริมความแข็งแรงให้ผิว เหมาะกับผู้ที่ผิวหมองคล้ำสะสม ต้องการผิวไบรท์และเสริมภูมิคุ้มกันผิวไปพร้อมกัน
  • Myer’s V Booster สูตรฟื้นฟูร่างกาย ช่วยเพิ่มพลังงานทั้งกายและใจ เหมาะกับผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ เหนื่อยง่าย หรือมีภาวะขาดสารอาหาร
  • Brain V Booster เสริมสมรรถนะสมอง กระตุ้นการซ่อมแซมของระบบประสาท ลดความเหนื่อยล้า เพิ่มสมาธิและความสดชื่น เหมาะกับผู้ที่ทำงานหนักและต้องใช้พลังสมอง
  • V Anti-Hangover ช่วยฟื้นความสดชื่น บรรเทาอาการเมาค้าง ลดอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และความไม่สบายจากการดื่มแอลกอฮอล์
  • V Anti-Hangover Plus+ ตัวช่วยแก้แฮงค์ ช่วยฟื้นฟูสมอง ลดอาการล้า เพิ่มสมาธิและการจดจำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการความกระปรี้กระเปร่าอย่างรวดเร็ว
  • V Anti-Diabetes สูตรบำรุงระบบประสาทและต้านอนุมูลอิสระ เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่เสี่ยงภาวะปลายประสาทอักเสบ มือเท้าชา พร้อมช่วยบำรุงผิวพรรณและชะลอวัย
  • V Anti-Pollution สูตรฟื้นฟูสำหรับผู้ที่อ่อนเพลีย เครียด สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือเสี่ยงจากการได้รับโลหะหนักและสารเคมี เหมาะกับผู้ที่พักผ่อนน้อยและต้องการดีท็อกซ์ร่างกาย

ทั้งนี้ การดริปวิตามินแต่ละสูตรจำเป็นต้องได้รับการประเมินและดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าสูตรที่เลือกปลอดภัยและตรงกับความต้องการของร่างกายครับ

โปรแกรม IV Drip

โปรแกรมดริปวิตามิน ที่ V Square Wellness Center ดีอย่างไร ?

ดริปวิตามิน ที่ V Square Clinic
  • มั่นใจในคุณภาพ สูตรดริปวิตามินถูกออกแบบและคิดค้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านชะลอวัยและการเสริมสุขภาพ เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล
  • วิตามินเข้มข้น จัดเต็ม ส่วนผสมคัดสรรทั้งวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และสารสำคัญที่ช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย เติมเต็มร่างกายได้อย่างครบถ้วน
  • ปลอดภัย ไว้ใจได้ เปิดเผยส่วนผสมทุกสูตร ดูแลโดยแพทย์ตลอดขั้นตอน พร้อมติดตามผลหลังทำ จึงมั่นใจได้ทั้งคุณภาพและความปลอดภัย
  • มีมากกว่า 10 สูตรให้เลือก ตอบโจทย์ทุกเป้าหมาย ไม่ว่าจะอยากผิวกระจ่างใส ฟื้นฟูสุขภาพ เสริมภูมิคุ้มกัน หรือแก้อาการอ่อนเพลีย ทุกสูตรออกแบบมาให้เห็นผลคุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงได้

“ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมแนะนำสูตรที่เหมาะกับแต่ละบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่ดีสุดครับ”


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Vitamin B6

Vitamin B6 ทำงานร่วมกับวิตามินหรือแร่ธาตุใดบ้าง ?

Vitamin B6 ไม่ได้ทำงานเพียงลำพัง แต่ทำงานร่วมกับวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดเพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย ได้แก่

  • วิตามินบี 12 และโฟเลต → ทั้งสามชนิดช่วยกันควบคุมระดับโฮโมซิสเทอีนในเลือด ป้องกันความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • แมกนีเซียม → Vitamin B6 มีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึมและใช้ประโยชน์จากแมกนีเซียมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
  • โปรตีน → การเผาผลาญกรดอะมิโน (ส่วนประกอบของโปรตีน) ต้องอาศัย Vitamin B6 เพื่อแปลงเป็นพลังงานและสารสำคัญต่าง ๆ
  • สังกะสี (Zinc) → มีการทำงานร่วมกันในกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

กล่าวได้ว่า Vitamin B6 เป็นตัวเสริมประสิทธิภาพ ให้ร่างกายใช้วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ จึงควรได้รับสารอาหารเหล่านี้อย่างสมดุลควบคู่กันครับ

Vitamin B6 ช่วยเรื่องผิวพรรณอย่างไร ?

วิตามิน บี 6 ช่วยดูแลผิวพรรณโดยการควบคุมสมดุลฮอร์โมนและลดการอักเสบ ซึ่งช่วยลดการเกิดสิว โดยเฉพาะสิวที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น สิวก่อนมีประจำเดือน

นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมความมันของผิว เสริมการผลัดเซลล์ผิว และช่วยให้ผิวฟื้นตัวจากรอยแผลหรือการระคายเคืองได้ดีขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนทางอ้อม ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและแข็งแรง

หากได้รับ Vitamin B6 มากเกินไป จะเกิดอะไรขึ้น ?

แม้ว่าวิตามินบี 6 จะเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ และร่างกายสามารถขับส่วนเกินออกทางปัสสาวะได้ แต่หากได้รับในปริมาณสูงเกินไปอย่างต่อเนื่อง (เช่น >100 มิลลิกรัม/วัน เป็นเวลานาน) อาจส่งผลให้เกิดอาการดังนี้

  • อาการชาปลายมือปลายเท้า
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ความผิดปกติของระบบประสาท (Peripheral Neuropathy)

ดังนั้นควรเสริมวิตามิน B6 อย่างเหมาะสมภายใต้คำแนะนำของแพทย์ครับ


สรุป Vitamin B6 ทำไมถึงจำเป็นต่อร่างกาย ?

Vitamin B6 เป็นวิตามินที่มีบทบาทสำคัญต่อทั้งสมอง เลือด ระบบประสาท และภูมิคุ้มกัน ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้จึงต้องได้รับจากอาหารหรือการเสริมเพิ่มเติมอย่างการดริปวิตามิน การดูแลให้ได้รับ vit b 6 ในปริมาณที่เพียงพอทุกวันจะช่วยให้ร่างกายทำงานได้สมดุล ลดความเสี่ยงโรคต่าง ๆ และคงสุขภาพที่แข็งแรงในระยะยาวครับ


อ้างอิง


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
ปรึกษาหมอ
บทความแนะนำ

ดฟิลเลอร์ยกมุมปาก คืออะไร ? อันตราย ? เปลี่ยนหน้าบึ้งให้สดใส เลือกที่ไหนดี ?

Reading Time: 3 minutesฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก ให้ใบหน้าดูสดใส และอ่อนเยาว์ขึ้น เป็นหนึ่งในวิธียกมุมปากที่ได้รับความนิยมมากในตอนนี้ครับ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหามุมปากตก ทำให้ใบหน้าเศร้า ดูบึ้งตึง ทั้งยังเป็นหนึ่งในสัญญาณของวัยที่มากขึ้น สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธียกมุมปากและสนใจการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก บทความนี้หมอได้รวมข้อมูลที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์

December 15, 2025 อ่านต่อ

ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ ที่ควรรู้ เพื่อคงผลลัพธ์ให้อยู่...

Reading Time: 5 minutesเพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพ เห็นผลได้อย่างเต็มที่ การดูแลตัวเองหลังฉีด Filler นับว่ามีส่วนสำคัญมาก ๆ ครับ อะไรที่ต้องระวัง ? หลังฉีดฟิลเลอร์มีข้อปฏิบัติอะไรบ้าง ? หลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไร ? หลังฉีดเสร็จทันทีเป็นอย่างไร ? ใน 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดูแลตัวเองอย่างไร ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ? สวีเดน อเมริกา ต่างกันอย่าง...

Reading Time: 4 minutesปัญหาใต้ตาหลาย ๆ แบบสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาครับ เช่น ร่องน้ำตา ตาลึก ตาโหล ใต้ตาคล้ำ มีถุงใต้ตา แต่จะเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ? ที่จะแก้ปัญหาใต้ตาได้ตรงจุด หมอมีแนวทางการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะกับบริเวณใต้ตามาแนะนำครับ

โบท็อก BOTULAX สัญชาติเกาหลี ดีอย่างไร ราคาแพงแค่ไหน ?

Reading Time: 5 minutesโบท็อกในปัจจุบันมีอยู่หลายยี่ห้อครับ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติเด่นที่แตกต่างกัน Botox Botulax เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความสนใจ และนิยมนำมาใช้เป็นอันดับต้น ๆ ในบทความนี้หมอจะอธิบายว่า Botulax ดีไหม ดีอย่างไร? ทำไม Botox Botulax ถึงได้รับความนิยม Botulax 100 U, Botulax 200 U แตกต่างกันอย่างไร?

Botox Allergan คืออะไร ? ดีอย่างไร ? allergan botox 50 – ...

Reading Time: 6 minutes Allergan คืออะไร ? ราคาเท่าไร ? ต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร ? เนื้อหาในบทความนี้ หมอมีข้อมูลเกี่ยวกับ โบท็อกยี่ห้อ Allergan มาแนะนำครับ พร้อมบอกข้อดี ข้อเสีย เปรียบเทียบแบบต่าง ๆ ที่ควรรู้ และโบท็อก Allergan ของแท้ดูอย่างไร ? สามารถติดตามอ่านได้ในบทความนี้ครับ

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม บวมกี่วัน ? หลังฉีดมีข้อปฏิบัติตัวอย่...

Reading Time: 5 minutesหลายคนที่มีร่องแก้มลึก มักเลือกแก้ปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่กังวลคือ หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม บวมกี่วัน ? เพราะกลัวว่าฉีดแล้วจะบวมเกินจนกลายเป็นก้อน ทำให้ต้องพักหน้าหลายวัน ใครที่กังวล หมอจะอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุดในบทความนี้ครับ ตั้งแต่ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม บวมกี่วัน ?

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า