ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไม่ควรมองข้าม
หลายคนอยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อแก้ปัญหาร่องลึก ใต้ตาคล้ำ แต่กลับกังวลว่าหลังฉีดจะบวม ช้ำ หรือฟิลเลอร์เป็นก้อน ไม่สวยอย่างที่หวัง แล้วต้องดูแลยังไง ? ห้ามทำอะไรหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยในแบบที่ต้องการ ?
บทความนี้หมอจะมาแนะนำข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่สำคัญที่สุด พร้อมเคล็ดลับการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเรียบเนียน อยู่ได้นานขึ้น และคงความสวยได้นานที่สุด
ถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลสำคัญ เพื่อผลลัพธ์ชัด ไม่ต้องแก้ไขทีหลัง ห้ามเลื่อนผ่าน อ่านต่อได้เลยครับ!
(นพ.พีรพล สุทธิภาศิลป์ เลข ว.28602)
สารบัญ ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ควรหลีกเลี่ยงใน 14 วันแรก
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสร็จทันที หมอจะติดพลาสเตอร์ให้ตามรอยเข็ม เมื่อครบ 1 ชม.คนไข้สามารถแกะออกได้ ในบางรายอาจมีรอยแดง เขียวช้ำ บวม ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองในช่วง 2-3 วันครับ
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ในช่วง 14 วันแรก หมอแนะนำให้ปฏิบัติตามดังนี้ครับ
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- งดการนอนคว่ำ/ตะแคงซ้ำข้างเดิม
- งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน
- งดขยับใบหน้าเยอะ ๆ ในช่วง 3 วันแรกหลังฉีด
- งดจับ นวด หรือเกาบริเวณที่ฉีด โดยเฉพาะใน 48-72 ชั่วโมงแรก
- งดทำซาวน่า ทำทรีตเมนต์ อบไอน้ำ นวดหน้า ทำเลเซอร์หรือ RF
- งดทำกิจกรรมกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดอย่างน้อย 48. ชั่วโมง
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด ออกกำลังกายหนัก ๆ เช่น วิ่งมาราธอน ยกเวท หรือกิจกรรมที่มีแรงกระแทก
- งดอาหารที่ส่งผลต่อการยุบบวมของฟิลเลอร์ เช่น อาหารดิบ, อาหารหมักดอง, อาหารรสจัด, รวมถึงอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ เป็นเวลานาน
อ่านบทความเพิ่มเติม : หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง เพราะอะไร แบบไหนที่ซีเรียส ?
ทำไมการดูแลตัวเองในช่วง 14 วันแรกจึงสำคัญ ?
เพราะช่วง 14 วันแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ “ระยะปรับตัว” ที่ฟิลเลอร์กำลังเข้าที่และปรับตัวเข้ากับเนื้อเยื่อผิวหนัง ซึ่งเป็นช่วงสำคัญมากในการกำหนดว่า ฟิลเลอร์จะเรียบเนียน กลืนกับผิว หรือเกิดปัญหาตามมาในภายหลังหรือไม่ครับ
เหตุผลที่ควรใส่ใจการดูแลช่วง 2 สัปดาห์แรก มีดังนี้
- ช่วยให้ฟิลเลอร์คงรูปอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ
- ลดความเสี่ยงการเกิดก้อน หรือรอยนูนใต้ตา
- ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจนได้เต็มที่
- ลดโอกาสเกิดอาการบวมช้ำหรือการอักเสบ
ช่วงเวลา 14 วันหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เปรียบเสมือนช่วง Golden Time หากดูแลอย่างถูกวิธี ผลลัพธ์จะเนียน กลมกลืน และอยู่กับคนไข้ได้นานขึ้นครับ
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว และอยู่ได้นาน
นอกจากข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีก็มีส่วนช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้ดีและอยู่ได้นาน โดยมีคำแนะนำดังนี้
- ดื่มน้ำให้มากขึ้น อย่างน้อย 1.5-2 ลิตร/วัน เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ซึ่งเป็น HA อุ้มน้ำและฟูขึ้นได้ดี
- หลังฉีดฟิลเลอร์ 3 วันแรก ไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนที่ไปยังจุดอื่น
- แนะนำให้อยู่ในอากาศเย็นๆ จะช่วยลดอาการบวมลงได้เร็วขึ้น
- หลังฉีด Filler ใต้ตาทันที สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ โดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที ขณะล้างไม่ควรขัด/นวดหน้า
- ในบางเคสอาจปวดระบมตามรอยเข็มในคืนแรกหลังทำ สามารถกินยาแก้ปวดได้ครับ
- แนะนำให้นอนหัวสูงกว่าระดับหน้าอก ไม่ควรนอนตะแคง เพื่อป้องกันการกดทับบริเวณใบหน้า
- หากมีอาการบวม ช้ำ สามารถประคบเย็นใน 24 ชม. แรก
- ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการทำลายคอลลาเจนจากรังสี UV
- ติดตามผลกับแพทย์ เพื่อประเมินผลลัพธ์หลังฉีด และความพึงพอใจ พร้อมปรับแก้หากจำเป็น
อ่านบทความเพิ่มเติม : ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ ที่ควรรู้ เพื่อคงผลลัพธ์ให้อยู่นานขึ้น แต่ละจุดดูแลอย่างไร ?
การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างถูกต้อง เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวย ดูเป็นเป็นธรรมชาติ และคงอยู่ได้นานขึ้น หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก ปวดมาก หรือรอยช้ำไม่หาย ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
5 เคล็ดลับช่วยลดบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ประคบเย็นเบา ๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- รับประทานยาลดบวมตามคำแนะนำของแพทย์
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ 1.5-3 ลิตร
- นอนยกศีรษะสูง
- งดดื่มแอลกอฮอล์
ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่พบได้บ่อย
แม้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่หลังทำก็อาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถหายได้เองในเวลาไม่นาน หากได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีครับ
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เช่น
- บวม และแดงบริเวณที่ฉีด พบได้ในช่วง 1-3 วันแรก อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นและยุบลงภายในไม่กี่วัน
- รอยช้ำในบางรายที่มีผิวบาง ช้ำง่าย จะค่อย ๆ จางลงภายใน 5-7 วัน สามารถประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการได้
- รู้สึกตึงหรือระบมเล็กน้อย จะดีขึ้นเองใน 1-2 สัปดาห์
หากไม่ปฏิบัติตามข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเกิดอะไรขึ้น ?
บริเวณใต้ตาเป็นจุดที่ผิวบางและบอบบางที่สุด หากไม่ปฏิบัติตามข้อควรระวังอย่างเคร่งครัด เช่น โดนความร้อนนาน ๆ นวด กดแรง อาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด หรือทำให้ผลลัพธ์ไม่สวยงามอย่างที่ตั้งใจได้ครับ เช่น
- ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง หากเผลอกด นวดแรง ๆ ฟิลเลอร์ที่กำลังเซ็ตตัวอาจเคลื่อนที่ ทำให้เกิดรอยนูน ไม่เรียบ หรือผิดรูป จนต้องแก้ไขหรือฉีดสลายฟิลเลอร์
- เกิดอาการบวม ช้ำ หรืออักเสบรุนแรง จากการโดนความร้อนสูง เช่น เข้าซาวน่า เลเซอร์ เพราะจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว กระตุ้นการอักเสบ หรือทำให้บวมมากขึ้นและหายช้ากว่าปกติ
- ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่าปกติ หากดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ เพราะจะทำให้กระบวนการซ่อมแซมผิวและการคงตัวของฟิลเลอร์ลดลง ส่งผลให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้เร็วกว่าที่ควรจะเป็น
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อใต้ผิวหนัง เช่น ใช้มือสกปรกสัมผัสบริเวณที่ฉีด แต่งหน้าทับรอยเข็มทันที อาจทำให้เกิดอาการบวมแดง ปวด กดเจ็บ และอาจต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติม
- ผลลัพธ์ไม่สวย ไม่เรียบเนียนตามต้องการ เช่น นอนตะแคง สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ก็อาจทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ไม่เรียบ ไม่เท่ากันทั้งสองข้างได้
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว ต้องพบแพทย์อีกไหม ?
โดยปกติแล้วแพทย์จะนัดติดตามผลประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีดครับ เพื่อให้แพทย์ประเมินว่า
- ฟิลเลอร์เข้าที่และกระจายตัวได้ดีหรือไม่
- มีอาการบวมแข็ง เคลื่อนตัว หรือผิดตำแหน่งหรือเปล่า
- ผิวใต้ตาดูเรียบเนียน สมูท และสมดุลตามเป้าหมายที่วางไว้ไหม
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรกลับมาพบแพทย์ตามนัดเสมอ เพราะหากมีจุดไหนต้องปรับแก้ เช่น มีการเติมเพิ่มเล็กน้อยในบางจุด ก็สามารถทำได้ทันที เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวย ดูเป็นธรรมชาติครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานกี่เดือน ? ต้องเติมซ้ำบ่อยไหม ?
ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เทคนิคการฉีดของแพทย์, สภาพผิวของแต่ละคน, การดูแลตัวเองหลังฉีด และรุ่น/ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ ซึ่งคนไข้สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ? แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ? รุ่นไหนเหมาะที่สุด ?
แล้วต้องเติมซ้ำบ่อยไหม ? โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้ประเมินสภาพผิวทุก 12 เดือน ถ้าเห็นว่าฟิลเลอร์เริ่มสลายบางส่วน สามารถเติมเพิ่ม (Top-up) เล็กน้อย เพื่อคงผลลัพธ์ให้อ่อนเยาว์อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องรอให้ฟิลเลอร์หายหมดก่อนครับ
การทยอยเติมฟิลเลอร์เล็กน้อยเป็นระยะ ๆ จะช่วยคงความสวยธรรมชาติได้นานกว่าการปล่อยให้ฟิลเลอร์สลายหมดแล้วค่อยเติมใหม่ครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำไมต้องงดดื่มแอลกอฮอล์ ?
- แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด อาจทำให้บวม ช้ำมากขึ้น
- ส่งผลให้กระบวนการฟื้นตัวช้าลง
- อาจทำให้ผลลัพธ์ฟิลเลอร์ไม่เนียนสวยอย่างที่ควรเป็น
หมอแนะนำให้งดดื่มอย่างน้อย 3-5 วันหลังฉีด เพื่อผลลัพธ์ดีที่สุดครับ
รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา ผลลัพธ์สวย ไม่เป็นก้อน ที่ V Square Clinic
*ผลจากการเข้ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
*ผลจากการเข้ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
คำถามที่พบบ่อย
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันถึงจะเข้าที่ ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเริ่มเข้าที่ประมาณ 7-14 วัน ผิวใต้ตาจะค่อย ๆ เรียบเนียนขึ้นตามธรรมชาติ ระหว่างนี้ควรปฏิบัติตามข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแต่งหน้าได้เมื่อไหร่ ?
สามารถแต่งหน้าได้หลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้ว เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่บริเวณเข็มฉีดยา และควรหลีกเลี่ยงการลงน้ำหนักมือแรง ๆ บริเวณใต้ตาในช่วงแรก
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมได้กี่วัน ?
อาจมีอาการบวมเล็กน้อยในช่วง 1-3 วันแรก จากนั้นจะค่อย ๆ ยุบและเข้าที่ใน 7-14 วัน
ฟิลเลอร์ใต้ตาจะไหลหรือเคลื่อนตัวไหม ถ้าเผลอกดแรง ?
มีโอกาสเกิดขึ้นได้ หากกดหรือนวดแรง ๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใต้ตาแรง ๆ อย่างเด็ดขาด
ถ้าหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีอาการบวมผิดปกติ ควรทำอย่างไร ?
ถ้ามีอาการบวมมาก เจ็บ แดง ร้อน ผิวเปลี่ยนสี หรือมีอาการผิดปกติเกิน 7 วัน ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อประเมินอาการ อย่าปล่อยไว้เอง เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
ทำไมหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด ?
เพราะแสงแดดและรังสี UV สามารถกระตุ้นการอักเสบและการสลายตัวของฟิลเลอร์ใต้ตาได้เร็วขึ้น การหลีกเลี่ยงแดดจัดจะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานและได้ผลลัพธ์ที่สวยคงที่
สรุป ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สิ่งเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม
เมื่อทราบถึงข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและข้อปฏิบัติต่าง ๆ แล้ว หมอแนะนำว่าคนไข้ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะในช่วง 14 วันแรกหลังฉีดครับ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ดูเป็นธรรมชาติและคงผลลัพธ์ที่ยาวนาน
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมที่ไม่มั่นใจว่าทำได้หรือไม่ หรืออยากปรึกษาแนวทางการดูแลตัวเองที่เหมาะสม คนไข้สามารถเข้ามาปรึกษาหมอได้ที่ V Square Clinic ทุกสาขา ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ