ถุงใต้ตาบวม
ถุงใต้ตาบวม เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส หลายคนเข้าใจว่าเกิดจากอายุที่มากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว ถุงใต้ตาบวม ยังสามารถเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งล้วนส่งผลให้ผิวรอบดวงตาอ่อนแอและเกิดการบวมได้ง่ายครับ
ในบทความนี้ หมอจะพาไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุของถุงใต้ตาบวม วิธีป้องกัน การดูแล รวมถึงแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เพื่อฟื้นฟูผิวรอบดวงตาให้ดูกระจ่างใสและสุขภาพดีขึ้น
สารบัญ ถุงใต้ตาบวม
ถุงใต้ตาบวม คืออะไร ?
ถุงใต้ตาบวม คือภาวะของถุงไขมันขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณใต้ตาหรือบริเวณขอบตาล่าง มีลักษณะเป็นถุงนูนออกมา หรือมีอาการบวมปูด ตุ่ยที่รอบตาล่าง ภาวะนี้เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างผิวหนังและไขมันรอบดวงตา สามารถพบได้ในทุกช่วงอายุ ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย ดูเหนื่อยล้าและไม่สดใส
ข้อควรรู้ : โดยธรรมชาติแล้ว รอบดวงตาของเราจะมีถุงไขมันทำหน้าที่รองรับลูกตา แต่เมื่อโครงสร้างผิวหนังและกล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนแอลง ไขมันที่ปกติอยู่ในเบ้าตาก็เคลื่อนตัวออกมาสะสมอยู่บริเวณใต้ตา ประกอบกับการคั่งของของเหลวในบริเวณดังกล่าว จึงทำให้เห็นเป็นถุงใต้ตานูนบวมขึ้นมาชัดเจน
ถุงใต้ตาบวม เกิดจากอะไร ?
สาเหตุของ ถุงใต้ตาบวม มีได้หลายปัจจัย ทั้งจากภายในร่างกายและพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถแบ่งเป็นสาเหตุหลัก ๆ ได้ดังนี้
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาบวม มีดังนี้
- อายุมากขึ้น : Collagen ใต้ผิวลดลง ส่งผลให้ผิวหนังเสื่อมสภาพ ไขมันมีการเคลื่อนตัวลงมา มีลักษณะเป็นถุงใต้ตาหย่อนคล้อย ผนังกั้นบริเวณใต้ตาหย่อนยาน มองเห็นว่าไขมันปูดนูนชัดขึ้น
- การยุบตัวของกระดูก : เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกบริเวณเบ้าตาจะเกิดการยุบตัวลง ทำให้โครงสร้างที่เคยรองรับผิวหนังและไขมันใต้ตาหายไป ส่งผลให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและเห็นถุงใต้ตาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- พักผ่อนไม่เพียงพอ : การอดนอนหรือนอนน้อย ส่งผลโดยตรงต่อระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดและของเหลวไหลเวียนได้ไม่ดี เกิดการคั่งสะสมบริเวณใต้ผิวรอบดวงตา ส่งผลให้เกิด อาการบวมใต้ตาชั่วคราว หรือที่เรียกว่า “ถุงใต้ตาเทียม”
- ขยี้ตาแรง : พฤติกรรมการขยี้ตาซ้ำ ๆ ทำให้เส้นเลือดฝอยรอบดวงตาแตก และกระตุ้นให้ผิวบริเวณนั้นอักเสบได้ง่าย ส่งผลให้เกิดอาการบวมและรอยคล้ำใต้ตา
- ใช้สายตามากเกินไป : การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า ระบบไหลเวียนเลือดรอบดวงตาทำงานลดลง ส่งผลให้เกิดถุงใต้ตาบวมและคล้ำ
- ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ : แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับน้ำออกจากร่างกาย ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและแห้งกร้าน อีกทั้งยังส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดถุงใต้ตาบวมได้ง่ายขึ้น
- อาการภูมิแพ้ : เมื่อร่างกายเกิดปฏิกิริยาแพ้ จะมีการหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) ออกมา ทำให้หลอดเลือดขยายตัวและเกิดการบวมของเนื้อเยื่อต่าง ๆ รวมถึงบริเวณใต้ตาด้วยเช่นกัน
ลักษณะของถุงใต้ตาบวม
อาการถุงใต้ตาบวม สามารถจำแนกประเภทได้หลายแบบ โดยแต่ละแบบมีสาเหตุและลักษณะเฉพาะแตกต่างกัน หมอสรุปให้เป็นตาราง ดังนี้
| ประเภทถุงใต้ตา | ลักษณะ | สาเหตุ | อาการร่วม |
|---|---|---|---|
| ถุงใต้ตาแท้ | บวม นูน ตุ่ยใต้ตา |
| ผิวหย่อนคล้อย เห็นไขมันใต้ตา |
| ถุงใต้ตาเทียม | บวมใต้ตาชั่วคราว |
| บวมเล็กน้อย สามารถหายได้เองหลังพักผ่อน |
| ถุงใต้ตาที่มาพร้อมขอบตาคล้ำ | ขอบตาคล้ำ, บวมเล็กน้อย |
| ขอบตาดำคล้ำ บวมเล็กน้อย ไม่ใช่ถุงไขมันแท้ |
| ถุงใต้ตาบวมข้างเดียว | บวมข้างเดียว, ตาแดง |
| มักมีอาการไข้ ปวด บวมแดงร่วมด้วย ต้องรักษาโดยการให้ยาฆ่าเชื้อ |
โดยสรุปแล้ว ลักษณะของถุงใต้ตาบวม สามารถบ่งบอกถึงสาเหตุและแนวทางการรักษาได้อย่างชัดเจน หากเป็นเพียงการบวมน้ำอาจหายได้ด้วยการพักผ่อนและปรับพฤติกรรม แต่ถ้าเกิดจากปัญหาผิวหรือปัญหาทางสุขภาพ ควรเข้ารับการประเมินโดยแพทย์เพื่อรักษาอย่างตรงจุดครับ
ถุงใต้ตาบวม VS ดอลลี่อาย ต่างกันอย่างไร ?
แม้ว่า ถุงใต้ตาบวม และ ดอลลี่อาย (Dolly Eye) จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกันบริเวณขอบตาล่าง และดูคล้ายกันในบางมุม แต่ทั้งสองอย่างนี้มีลักษณะ สาเหตุ และผลต่อความสวยงามของใบหน้า ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนครับ
ถุงใต้ตาบวม (Eye bags)
ถุงใต้ตาบวม เป็นถุงไขมัน กินพื้นที่กว้างบริเวณใต้ตา และมีความหย่อนคล้อยร่วมด้วย ลักษณะบวมปูด นูนหรือตุ่ยบริเวณใต้ตา เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากอายุ พันธุกรรม หรือพฤติกรรมบางอย่าง เห็นได้ชัดและมีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า หน้าโทรม และแก่กว่าวัย
ดอลลี่อาย (Dolly Eye)
ดอลลี่อาย (Dolly Eye) เป็นมัดกล้ามเนื้อบริเวณขอบตาล่าง ผิวรอบดวงตาตึงกระชับ ขอบชัดเจน จะสังเกตได้ชัดขึ้นเวลายิ้มหรือหัวเราะ ทำให้ดวงตาดูหวาน มีชีวิตชีวา ซึ่งในวงการความงาม มักมีการฉีดดอลลี่อาย ด้วยฟิลเลอร์ใต้ตา หรือฉีดไขมัน เพื่อสร้างแนวโค้งนูนเล็ก ๆ ใต้ขอบตาล่าง ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น ปัจจุบันไม่นิยมฉีดแล้ว แต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้างครับ
วิธีลดถุงใต้ตาบวมแบบธรรมชาติ
การรักษาถุงใต้ตาด้วยวิธีธรรมชาติ เป็นแนวทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง หรือยังไม่ต้องการเข้ารับการรักษากับแพทย์โดยตรง สามารถช่วยบรรเทาอาการบวม ตุ่ย หรือความหมองคล้ำรอบดวงตาได้ในระดับหนึ่ง ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ดังนี้
ลดถุงใต้ตาบวมด้วยการประคบเย็น
การประคบเย็นถือเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดอาการ ถุงใต้ตาบวม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะความเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดการคั่งของของเหลวใต้ผิว วิธีทำสามารถใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือช้อนเย็นประคบใต้ตาประมาณ 5-10 นาที วันละ 1-2 ครั้ง โดยเฉพาะตอนเช้า จะช่วยให้ดวงตารู้สึกสดชื่นและลดบวมได้ดี
ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา
การใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาเป็นประจำ ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงของผิว ลดอาการบวม และป้องกันการเกิด ถุงใต้ตา เน้นการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน ช่วยลดการบวมน้ำใต้ผิว หรือ เรตินอล ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวกระชับขึ้น ควรทาครีมอย่างเบามือ โดยใช้นิ้วนางแตะครีมแล้วกดเบา ๆ รอบดวงตาเป็นประจำเช้า-ก่อนนอน
พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูผิวรอบดวงตาได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือตะแคงข้างเดียวเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้ของเหลวไหลมาคั่งที่ใต้ตาข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป และแนะนำให้ยกหมอนให้สูงขึ้นเล็กน้อยขณะนอน เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการถุงใต้ตาบวมในตอนเช้า
วิธีรักษาถุงใต้ตาบวมด้วยหัตถการทางการแพทย์
สำหรับผู้ที่มีอาการถุงใต้ตาบวม จากไขมันสะสมหรือผิวหย่อนคล้อย ซึ่งวิธีธรรมชาติอาจไม่เห็นผลเพียงพอ การรักษาด้วยหัตถการทางการแพทย์ ถือเป็นทางเลือกที่ได้ผลรวดเร็วและปลอดภัย มีทั้งวิธีการผ่าตัดและไม่ผ่าตัด โดยแต่ละวิธีจะให้ผลลัพธ์ในการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนี้
รักษาถุงใต้ตาบวมด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีที่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำครับ สามารถแก้ปัญหาถุงใต้ตาบวม ริ้วรอยใต้ตา ร่องลึกใต้ตา ร่องน้ำตา ขอบตาดำได้อย่างตรงจุด ได้ผลเร่งด่วน โดยแพทย์จะฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปใต้ผิว เพื่อเติมเต็มร่องลึก เพิ่มความชุ่มชื้นและปรับระดับผิวให้เรียบเนียน ทำให้ถุงใต้ตาดูลดลง ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย เห็นผลทันทีหลังทำ ไม่ต้องพักฟื้น
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ทำให้ถุงใต้ตาดูเรียบเนียนและดวงตาดูสดใสมากขึ้น
*ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
คลิกดูโปรโมชัน ฟิลเลอร์
รักษาถุงใต้ตาบวมด้วยการทำ Hifu Ultraformer
เครื่อง Hifu เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวโดยใช้พลังงานอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง (High-Intensity Focused Ultrasound) ส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ช่วยให้ผิวใต้ตาแน่นกระชับขึ้น ถุงใต้ตาดูลดลงโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่มีถุงใต้ตาขนาดเล็กถึงปานกลางจากความหย่อนคล้อยของผิว เห็นผลหลังทำทันทีประมาณ 20% และจะค่อย ๆ ดีขึ้นจนเห็นผลเต็มที่ชัดเจนใน 2-3 เดือน
คลิกดูโปรโมชัน Hifu
รักษาถุงใต้ตาบวมด้วยการใช้คลื่น Radio Frequency-RF
การทำ Thermage เครื่องยกกระชับพลังงานคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) เป็นวิธีที่ช่วยลดถุงใต้ตาและยกกระชับผิวรอบดวงตาอย่างอ่อนโยน โดยพลังงาน RF จะส่งความร้อนลงสู่ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวใต้ตาเรียบตึงขึ้น ลดความหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีถุงใต้ตาขนาดเล็กหรือผิวบาง ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำเห็นผลทันที 20% และจะเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
คลิกดูโปรโมชัน Thermage
รักษาถุงใต้ตาบวมด้วยการผ่าตัดถุงใต้ตา
ในเคสที่มีถุงไขมันใต้ตาขนาดใหญ่ หรือผิวใต้ตาหย่อนคล้อยมาก การผ่าตัดถุงใต้ตาถือเป็นวิธีที่ตอบโจทย์ครับ โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลเล็กบริเวณขอบตาล่าง เพื่อนำไขมันส่วนเกินออก จัดเรียงไขมันใหม่ให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียนและเต่งตึงขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีอายุมากหรือมีไขมันสะสมมาก ผลลัพธ์หลังทำจะเห็นชัดและถาวร แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงจากการผ่าตัดและอาจมีอาการแทรกซ้อนได้
รักษาถุงใต้ตาบวมด้วยการดูดไขมัน
การดูดไขมันถุงใต้ตา เป็นการเปิดแผลเล็ก ๆ ด้านในเปลือกตา เพื่อดูดไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีถุงไขมันใต้ตาปูดนูน แต่ยังไม่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย การทำต้องอาศัยความละเอียดและความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างมาก เพื่อควบคุมปริมาณไขมันที่ดูดออกให้พอดี ช่วยให้ผิวใต้ตาเรียบเนียน และลดโอกาสเกิดรอยบุ๋มหรือผิวไม่สม่ำเสมอหลังทำครับ
หากยังเลือกไม่ได้ว่าวิธีรักษาถุงใต้ตาบวม แบบใดเหมาะกับตัวเองมากที่สุด ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจครับ เพราะสาเหตุของถุงใต้ตาในแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยประเมินและแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุด
ถุงใต้ตาบวม รักษาที่ไหนดี ? เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย
การเลือกคลินิกรักษาถุงใต้ตาบวม ควรคำนึงถึงทั้งความปลอดภัยและคุณภาพของผลลัพธ์ เพราะการรักษาบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีความละเอียดอ่อนและอยู่ใกล้ดวงตาโดยตรง สามารถพิจารณาได้จากปัจจัยดังต่อไปนี้ครับ
- ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ให้คำปรึกษาและทำหัตถการเองทุกเคส เพื่อความแม่นยำและลดความเสี่ยงต่อเส้นเลือดหรือเส้นประสาทรอบดวงตา
- ใช้ตัวยาและผลิตภัณฑ์ของแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ หรือเครื่องยกกระชับ ควรตรวจสอบเลขทะเบียน อย. และสามารถขอดูบรรจุภัณฑ์ก่อนทำได้
- คลินิกมีมาตรฐานความสะอาดและอุปกรณ์ครบครัน ห้องหัตถการควรสะอาด ปลอดเชื้อ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้รับบริการ
- มีการประเมินสภาพใต้ตาอย่างละเอียดก่อนทำ แพทย์ควรประเมินโครงสร้างใบหน้า สาเหตุของถุงใต้ตา และแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสม ไม่ควรรีบขายคอร์สหรือเสนอทำทันทีโดยไม่ตรวจประเมิน
- มีรีวิวจากผู้ใช้จริงและผลลัพธ์น่าเชื่อถือ ดูรีวิวจากผู้ที่เคยเข้ารับบริการจริง เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจและประเมินคุณภาพของผลลัพธ์หลังการรักษา
สำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกรักษาถุงใต้ตาบวม สามารถเข้ามาให้แพทย์ประเมินปัญหาก่อนได้ ที่ V Square Clinic ทีมแพทย์มีประสบการณ์ ตรวจประเมินสาเหตุอย่างละเอียด พร้อมแนะนำหัตถการที่เหมาะสม และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้มั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัยครับ
วิธีการป้องกันถุงใต้ตาบวม
การป้องกันไม่ให้เกิด ถุงใต้ตาบวม สามารถทำได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการดูแลสุขภาพและปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม การดูแลอย่างถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงและชะลอการเกิดถุงใต้ตาได้ หมอแนะนำแนวทางการปฏิบัติง่าย ๆ ดังนี้ครับ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือตะแคงข้างเดียว เพื่อลดโอกาสเกิดของเหลวคั่งบริเวณใต้ตา
- ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน การดื่มน้ำอย่างเหมาะสมช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองทำงานได้ดี ลดโอกาสการบวมน้ำและอาการบวมใต้ตา
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะจะส่งผลให้ร่างกายกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวบวมและขาดความชุ่มชื้น ควรลดปริมาณการบริโภคเพื่อป้องกันการเกิดถุงใต้ตา
- งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ สารนิโคตินและสารพิษในควันบุหรี่จะทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว ทำให้ผิวรอบดวงตาหย่อนคล้อยเร็วกว่าปกติ
- บำรุงผิวรอบดวงตาเป็นประจำ หมั่นใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อให้ผิวรอบดวงตาแข็งแรงและยืดหยุ่น
- ประคบเย็นเมื่อมีอาการบวม หากรู้สึกว่าตาบวมจากการนอนน้อยหรือร้องไห้ สามารถใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือแตงกวาหั่นบาง ๆ ประคบใต้ตา เพื่อช่วยให้หลอดเลือดหดตัวและลดอาการบวมได้ทันที
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ถุงใต้ตาบวม
ถุงใต้ตาบวม หายเองได้ไหม ?
ถุงใต้ตาบวมบางกรณีสามารถลดลงได้เอง เช่น เกิดจากการพักผ่อนน้อย ร้องไห้ หรือทานอาหารเค็มมากเกินไป การปรับพฤติกรรมจะช่วยให้อาการบวมค่อย ๆ ดีขึ้น แต่หากถุงใต้ตาบวมเรื้อรังหรือเกิดขึ้นบ่อย อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสม
ถุงใต้ตาบวม อันตรายไหม ?
โดยทั่วไป ถุงใต้ตาบวมไม่ถือว่าอันตราย เพียงแต่อาจส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้า เหนื่อย หรือแก่กว่าวัย สามารถดูแลเบื้องต้นได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งนี้ ควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดร่วมด้วย เพราะในบางกรณี ถุงใต้ตาบวมอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติภายในร่างกาย
ถุงใต้ตา บอกโรคอะไรได้บ้าง ?
ถุงใต้ตาบวม บอกโรคอะไรบ้าง ? ถุงใต้ตาไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียวเสมอไป ในบางกรณีอาจสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพ เช่น
- ภาวะบวมน้ำหรือการคั่งของของเหลวในร่างกาย
- โรคไต หรือปัญหาการทำงานของไต
- ภาวะภูมิแพ้ หรือปัญหาเกี่ยวกับจมูกและไซนัส
- ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์
ดังนั้น หากถุงใต้ตาบวมผิดปกติ เช่น บวมมากเพียงข้างเดียว มีอาการเจ็บปวด ตาแดง คันระคายเคืองอย่างรุนแรง หรือมาพร้อมอาการอื่น ๆ เช่น ตาบวมทั่วหน้า มองเห็นภาพซ้อน หรือเหนื่อยง่าย ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงครับ
สรุป ถุงใต้ตาบวม แก้ได้ไหม ? รักษาอย่างไร ?
ถุงใต้ตาบวม สามารถแก้ไขได้หลายวิธีตามสาเหตุและระดับความรุนแรงของปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ ยกกระชับด้วยพลังงาน หรือการผ่าตัดถุงใต้ตาในรายที่มีไขมันสะสมมาก ทั้งนี้ควรได้รับการประเมินและรักษาโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย ดูเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ดวงตาดูอ่อนเยาว์สดใสขึ้น


