เปิดทุกข้อที่ควรรู้ก่อนทำเลเซอร์ฝ้า
เลเซอร์ฝ้า เป็นวิธีรักษาฝ้าที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันครับ เพราะเห็นผลได้รวดเร็วเมื่อเทียบกับวิธีอื่น เหมาะกับคนที่รักษาฝ้ามาหลายวิธีแล้วยังไม่เห็นผล บทความนี้หมอจะพามาเจาะลึกกันครับว่า เลเซอร์ฝ้า ช่วยลดฝ้า จุดด่างดำให้จางลงได้อย่างไร ? เลเซอร์ฝ้ามีกี่แบบ ? ต่างกันอย่างไร ? ราคาเท่าไหร่ ? เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกรักษาฝ้าด้วยการทำเลเซอร์ครับ
สารบัญ เลเซอร์ฝ้า
เลเซอร์ฝ้า คืออะไร ?
เลเซอร์ฝ้า คือ วิธีการรักษาฝ้าโดยการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ยิงเข้าสู่ชั้นผิวบริเวณที่มีปัญหาฝ้า กระ รอยดำ เพื่อทำลายกลุ่มเม็ดสีเมลานินที่ทำงานผิดปกติให้แตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็ก โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง ช่วยให้ฝ้าดูจางลง และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอเรียบเนียนขึ้น
ฝ้ามีกี่แบบ แบบไหนถึงจะเลเซอร์เห็นผล ?
ฝ้า (Melasma) คือ ปัญหาผิวที่เกิดจากเม็ดสีทำงานผิดปกติ ผลิตเมลานินมากเกินไป ทำให้เกิดเป็นลักษณะรอยปื้นบนผิว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการโดนแสงแดด ฮอร์โมน และพันธุกรรมครับ
สามารถแบ่งประเภทของฝ้าออกได้เป็น 2 ประเภท ตามลักษณะ ได้แก่
- ฝ้าแบบตื้น (Epidermal Melasma) : ฝ้าที่อยู่บนชั้นหนังกำพร้า มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำ เห็นขอบชัด เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีและลำเลียงสู่ผิวชั้นบน
- ฝ้าแบบลึก (Dermal Melasma) : ฝ้าที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ลึกกว่าชั้นหนังกำพร้า มีสีอ่อนกว่าฝ้าแบบตื้น และมีขอบเขตไม่ชัดเจน
ในบางคนที่มีปัญหาฝ้ามายาวนาน อาจพบทั้งฝ้าตื้น ฝ้าลึก เรียกว่าฝ้าผสม (Mixed Melasma) โดยเลเซอร์สามารถใช้รักษาได้ทั้งฝ้าตื้น ฝ้าลึกและฝ้าผสมครับ
ข้อควรรู้ : ประเภทของฝ้านอกจากแบ่งตามลักษณะที่พบแล้ว ยังแบ่งได้ตามสาเหตุที่เกิด เช่น ฝ้าแดด เกิดจากการโดนรังสี UV หรือฝ้าเลือดที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอย เป็นต้น
เลเซอร์ฝ้าเหมาะกับใคร ?
เลเซอร์ฝ้า เป็นหัตถการที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเลือนรอยฝ้า จุดด่างดำให้จางลงอย่างปลอดภัย เห็นผลเร็ว โดยเฉพาะในคนที่ทาครีมหรือรักษาด้วยวิธีทั่วไปแล้วไม่ตอบโจทย์ ซึ่งคนที่เหมาะกับการทำเลเซอร์ฝ้า มีดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาฝ้าตื้น ฝ้าลึก หรือฝ้าหลายชนิดรวมกัน
- ผู้ที่มีปัญหาฝ้าเรื้อรัง รักษาวิธีอื่นแล้วไม่เห็นผล
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำ
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
- ผู้ที่สามารถดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์ได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น หลีกเลี่ยงแดด และทาครีมกันแดด
เปรียบเทียบเลเซอร์ฝ้า กับวิธีรักษาฝ้าอื่น ๆ แบบไหนดีที่สุด
นอกจากเลเซอร์ฝ้า ปัจจุบันมีวิธีรักษาฝ้าที่ใช้กัน ทั้งการรักษาฝ้าด้วยตัวเอง และการทำหัตถการความงามต่าง ๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นหมอทำเป็นตารางให้ดังนี้ครับ
| วิธีการรักษา | เลเซอร์ฝ้า (Laser) | ทายารักษาฝ้า (Topical melasma treatment) | ฉีดเมโสฝ้า (Mesotherapy) | การกรอผิว(Microdermabrasion) |
|---|---|---|---|---|
| การทำงาน | ใช้พลังงานเลเซอร์ทำลายเม็ดสีเมลานินที่ทำงานผิดปกติ | ใช้สารที่มีคุณสมบัติยับยั้งการสร้างเม็ดสีใหม่ และผลัดเซลล์ผิวเก่าออก | ฉีดตัวยาเข้าสู่ผิวชั้นกลาง ยับยั้งการสร้างเม็ดสี ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ | การใช้ผงคริสตัลขัดผิว เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าและสร้างเซลล์ผิวใหม่ |
| เหมาะกับฝ้า | ฝ้าตื้น-ลึก ฝ้าผสม | ฝ้าตื้น | ฝ้าตื้น-ปานกลาง | ฝ้าตื้น |
| ระยะเวลาเห็นผล | เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก 3-5 ครั้ง ขึ้นกับความลึกของฝ้า | 1-2 เดือน ฝ้าดูจางลง ประมาณ 6 เดือน ถึงเห็นผลชัดเจนหากใช้อย่างต่อเนื่อง | เห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด เห็นผลเต็มที่ 1 เดือนหากฉีดต่อเนื่อง | ทำประมาณ 8-10 ครั้ง เห็นผลชัดเจน |
| จุดเด่น | เห็นผลเร็ว และชัดเจน รักษาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ | สะดวก ราคาเข้าถึงง่าย | เห็นผลเร็ว มีหลายสูตรให้เลือกใช้ | ช่วยให้รอยฝ้าตื้น ๆ ดูจางลงได้ |
| จุดด้อย | ต้องทำหลายครั้ง เพื่อให้เห็นผลชัดเจน | เห็นผลช้า อาจไม่เห็นผลกับฝ้าลึก ควรทำร่วมกับวิธีอื่น | ต้องทำหลายครั้งต่อเนื่องเพื่อให้เห็นผลชัดเจน | ต้องทำหลายครั้ง อาจไม่ได้ผลกับฝ้าลึก เพราะเป็นการทำที่ผิวชั้นตื้น |
| ราคา | ราคาขึ้นอยู่กับชนิดเลเซอร์ที่ใช้ | ราคาขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ | ราคาเริ่มต้นครั้งละประมาณ 2,xxx.- ขึ้นอยู่กับยี่ห้อเมโส | ราคาเริ่มต้นครั้งละประมาณ 5,xxx.- |
รักษาฝ้าแบบไหนดีที่สุด ? ขึ้นอยู่ปัญหาและความต้องการครับ สำหรับใครที่ต้องการเห็นผลเร็ว และชัดเจน การทำเลเซอร์ฝ้าเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด และมีข้อดีคือสามารถทำควบคู่วิธีอื่น เช่น เมโสฝ้า หรือทาครีมรักษาฝ้า เพื่อเสริมประสิทธิภาพของผลลัพธ์ เห็นผลชัดเจน และไวยิ่งขึ้น
เลเซอร์ฝ้า มีกี่แบบ ?
เครื่องเลเซอร์ที่ใช้ในการรักษาฝ้ามีหลายแบบครับ แต่ละเครื่องจะมีหลักการทำงานและคุณสมบัติเด่นแตกต่างกันออกไป ในปัจจุบันเลเซอร์ที่นิยมใช้ในการรักษาฝ้า มีดังนี้
เลเซอร์ฝ้าด้วย Pico Laser
Pico Laser หรือ Picoseond Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ใหม่ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน มีหลายยี่ห้อหลายรุ่น นับว่าเป็นเครื่องที่จัดการกับปัญหาเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมการแก้ปัญหาฝ้า กระ รอยดำ รอยแดง ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ดูกระจ่างใสครับ
- หลักการทำงาน : ยิงพลังงานลงสู่ชั้นผิวด้วยความเร็วสูงระดับ Picoseond (หนึ่งในล้านล้านวินาที) กระแทกเม็ดสีให้แตกละเอียดเป็นอนุภาคเล็กมาก ๆ คล้ายฝุ่นผง ด้วยหลักการ Photoacoustic Effect ทำให้ร่างกายกำจัดได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ
- จุดเด่น : ใช้ความเร็วสูงในการกระแทกเม็ดสีให้แตกตัว ไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสมใต้ผิวมากเกินไป ลดความเสี่ยงการเกิดรอยไหม้ รอยดำ เหมาะกับทุกสีผิว รักษาปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย
- ปัญหาผิวที่เหมาะ : ฝ้าทุกประเภท กระ จุดด่างดำ รอยดำ รอยแดง รูขุมขนกว้าง หลุมสิว ผิวหมองคล้ำ
- ทำกี่ครั้งเห็นผล : เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรก เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง 3-6 ครั้ง ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหา
เลเซอร์ฝ้าด้วย Sylfirm X Plus
Sylfirm X Plus เป็นเทคโนโลยี Microneedle Radiofrequency (RF Microneedling) ที่ผสานคลื่นวิทยุ 2 โหมด มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาฝ้าเลือด ฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก (Basement Membrane) ป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ในระยะยาว
- หลักการทำงาน : ปล่อยพลังงาน RF Dual Wave ผ่านหัวเข็มขนาด 300 ไมครอน 2 โหมด Dual Wave ด้วยกัน คือ Continuous Wave (CW) และ Pulsed Wave (PW) โดยโหมด PW จะช่วยฟื้นฟูผิวที่มีปัญหาฝ้า จุดด่างดำ ฟื้นฟูให้ Basement Menbrance แข็งแรง รักษาต้นตอและป้องกันการเกิดฝ้าใหม่
- จุดเด่น : ปล่อยได้ทั้งคลื่น CW และ PW ได้ในเครื่องเดียว ฟื้นฟูผิวแบบครอบคลุม ใช้ได้กับทุกสีผิว ทุกตำแหน่งบนร่างกาย
- ปัญหาผิวที่เหมาะ : ฝ้าเลือด รูขุมขนกว้าง เสริมความแข็งแรงของผิว
- ทำกี่ครั้งเห็นผล : เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งที่ 1-2 ผลลัพธ์ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ฝ้า กระ จุดด่างดำจางลง ประมาณ 1 เดือนหลังทำ
เลเซอร์ฝ้าด้วย Q-Switched Nd: Yag Laser
Q-Switched Nd: Yag Laser เป็นเลเซอร์รุ่นเก่าที่มีการใช้มาอย่างยาวนานในการรักษาปัญหาผิวเม็ดสี ทำงานโดยการปล่อยพลังงานแสงระดับความเร็ว Nanosecond (1 ในพันล้านของวินาที) จับกับเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ
- หลักการทำงาน : ยิงพลังงานลงสู่ชั้นผิวบริเวณฝ้าด้วยความเร็วระดับ Nanosecond โดยพลังงานจะเปลี่ยนเป็นความร้อน ทำให้เม็ดสีเกิดการแตกตัว ร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดเม็ดสีเหล่านั้นออก
- จุดเด่น : ยิงพลังงานเฉพาะเจาะจงไปที่เม็ดสีโดยตรง ไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง
- ปัญหาผิวที่เหมาะ : ฝ้าตื้น รอยดำ รอยแดงจากสิว กระ จุดด่างดำ
- ทำกี่ครั้งเห็นผล : ทำอย่างต่อเนื่อง 5-10 ครั้งขึ้นไป ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว
เลเซอร์ฝ้าด้วย Dual Yellow Laser
Dual Yellow Laser คือ เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้แสงสีเหลือง (ความยาวคลื่น 578 nm) และแสงสีเขียว (ความยาวคลื่น 511 nm) ทำงานร่วมกัน สามารถช่วยรักษาปัญหาเม็ดสี และรอยดำ รอยแดงต่าง ๆ
- หลักการทำงาน : ปล่อยลำแสงสองความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน โดยพลังงานแสงสีเขียว มีความสามารถในการจับกับเม็ดสีเมลานิน ช่วยลดปริมาณเม็ดสี ทำให้ฝ้าตื้น ๆ ดูจางลงได้
- จุดเด่น : เป็นเลเซอร์ที่มีความอ่อนโยนสูง ไม่ทำลายผิวบริเวณรอบข้าง
- ปัญหาผิวที่เหมาะ : มีฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแดง รอยดำ
- ทำกี่ครั้งเห็นผล : ทำอย่างต่อเนื่อง 2-6 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
โปรแกรมเลเซอร์ฝ้า ราคาเท่าไหร่ ?
เลเซอร์ฝ้า ราคาขึ้นอยู่กับชนิดเลเซอร์ที่ใช้ บริเวณที่รักษา (ทั่วหน้าหรือเฉพาะจุด) จำนวนครั้งที่ทำ ประสบการณ์ของแพทย์ รวมถึงโปรโมชันของแต่ละคลินิกครับ
โปรแกรมเลเซอร์ Picosure Pro ราคาโปรโมชัน
โปรแกรมเลเซอร์ Pico Plus ราคาโปรโมชัน
รู้ข้อดี-ข้อเสียของการทำเลเซอร์ฝ้า ก่อนตัดสินใจ
การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการแก้ปัญหาฝ้าที่รักษาได้ยาก ก่อนทำหมอมีสรุปข้อดีและข้อจำกัดของการเลเซอร์รักฝ้าที่ควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจทำครับ
ข้อดีของการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์
- รักษาฝ้าได้หลายประเภท ฝ้าตื้น ฝ้าลึก ฝ้าผสม ฝ้าเลือด
- ช่วยรักษาฝ้าให้จางได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะจัดการได้ถึงเม็ดสีที่เป็นต้นตอของปัญหาฝ้า
- เห็นผลเร็วและชัดเจน เมื่อเทียบกับวิธีอื่น
- นอกจากช่วยรักษาฝ้าแล้ว ยังสามารถช่วยรักษาปัญหาผิวอื่น ๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น กระ รอยดำ ฟื้นฟูสภาพผิว
- ป้องกันและชะลอการกลับมาของฝ้าในอนาคต
- สามารถทำควบคู่กับหัตถการความงามอื่นได้อย่างปลอดภัย เพื่อช่วยให้เห็นผลไวขึ้น
- ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าในระยะยาว หากเลือกทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐานโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
- เทคโนโลยีเลเซอร์มีความปลอดภัยสูง ไม่ทำลายเนื้อเยื่อ และไม่ทำให้ผิวบางขึ้นแต่อย่างใด
ข้อเสียหรือข้อกำจัดของเลเซอร์ฝ้า
- หากมีปัญหาฝ้าฝังลึก อาจต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- หากทำโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญด้านเลเซอร์ มีความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
เลเซอร์ฝ้า อันตรายไหม มีผลข้างเคียงหรือไม่ ?
เลเซอร์ฝ้าไม่อันตรายครับ หากมีการเตรียมตัวก่อนทำ ดูแลหลังทำที่ถูกต้อง ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านเลเซอร์ ก็จะมีความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น อาการเบิร์น รอยดำที่อาจเกิดขึ้นได้จากการตั้งค่าพลังงานที่สูงเกินไป หรือเลือกประเภทของเลเซอร์ไม่เหมาะสมกับปัญหาครับ
ส่วนหลังทำเลเซอร์ฝ้าอาจพบอาการข้างเคียงชั่วคราวได้เล็กน้อย
- รอยแดง สามารถหายได้เองไม่กี่ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับชนิดเลเซอร์ที่ใช้
- ผิวตกสะเก็ด เลเซอร์บางโหมด หรือบางชนิด เช่น Q-Switch อาจทำให้เกิดสะเก็ดเล็ก ๆ ช่วงแรก
- ผิวไวต่อแสงแดดในระยะแรก
- ผิวแห้ง ลอกเล็กน้อย ขาดความชุ่มชื้น
อาการข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นชั่วคราว และสามารถหายได้เอง แนะนำให้ดูแลผิวหลังทำอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ เลี่ยงแสงแดดจัด ๆ ในช่วงแรก จะช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้เร็วครับ
การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์ลดฝ้า
การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์ฝ้า เป็นปัจจัยที่ช่วยให้เลเซอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผิวตอบสนองต่อการรักษาได้ดี แนะนำดังนี้ครับ
- เตรียมสภาพผิว ทามอยส์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวแข็งแรง ป้องกันผิวแห้ง ลอกหลังทำ
- เลี่ยงการโดนแสงแดดจัดเป็นเวลา 14 วันก่อนทำ
- ทาครีมกันแดด SPF 50+ และ PA+++ ขึ้นไปเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิว
- งดการสครับผิว ขัดผิว ทำทรีตเมนต์ กดสิว อย่างน้อย 3-5 วันก่อนทำ
- แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาบางประเภทอยู่
การดูแลหลังทำเลเซอร์ฝ้า
ข้อควรปฏิบัติหลังทำเลเซอร์ฝ้าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียง และป้องกันไม่ให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้นอีกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง งดกิจกรรมกลางแจ้ง และทาครีมกันแดด SPF 50+ PA++++ เป็นประจำวัน
- เลี่ยงการโดนความร้อน การซาวน่า ทรีตเมนต์ การขัดผิวแรง ๆ ป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคือง
- เลเซอร์บางชนิดที่อาจมีสะเก็ดเล็กน้อยหลังทำ ให้งดแกะเกา และรอให้สะเก็ดหลุดร่วงไปเอง
- งดการใช้ครีมที่มีกรดผลไม้ (AHA, BHA), วิตามิน C, เรตินอล อย่างน้อย 3-5 วัน
- ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
- ทาครีมบำรุงและยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อช่วยลดอาการอักเสบ และเร่งการฟื้นฟูผิว
เลเซอร์ฝ้า ที่ไหนดี ? เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย ?
เลเซอร์ฝ้าที่ไหนดี ? การเลือกคลินิกสำคัญมากครับ เพราะจะช่วยให้คนไข้ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ควรเลือกคลินิกเลเซอร์อย่างไร หมอมีข้อแนะนำดังนี้ครับ
- เลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลแสดงไว้หน้าคลินิกชัดเจน
- มีแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านเลเซอร์ดูแลโดยตรง เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
- ใช้เครื่องเลเซอร์แท้ ได้มาตรฐาน U.S. FDA นำเข้าอย่างถูกต้อง
- มีเครื่องเลเซอร์หลายประเภท เพราะฝ้าแต่ละชนิดอาจมีเหมาะสมกับเลเซอร์ที่ต่างกัน
- คลินิกสะอาด ไม่แออัด มีห้องทำหัตถการแยกเป็นสัดส่วน
- เลเซอร์ฝ้าราคาสมเหตุสมผล ไม่ถูกจนเกินไป เพราะเสี่ยงเป็นเครื่องปลอม เครื่องไม่ได้มาตรฐาน หรือผู้ทำไม่ใช่แพทย์
เลเซอร์ฝ้า ที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?

เลเซอร์ฝ้าที่ V Square Laser Center ดีอย่างไร ? ทำไมคนไข้ถึงไว้วางใจและบอกต่อ
- ประเมินโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านเลเซอร์ทุกเคสโดยแพทย์จะเป็นผู้ตรวจสอบสภาพผิวและปัญหาผิวของคนไข้ด้วยตนเอง ไม่ผ่านเซลล์ และไม่มีค่าใช้จ่าย
- มีการวิเคราะห์ผิวด้วยเครื่อง ISOMECO 3D D9 ช่วยให้แพทย์วิเคราะห์สภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
- ใช้เครื่องเลเซอร์คุณภาพสูง เช่น Picosure Pro, Pico Plus, Sylfirm, Fotona และ Bellalux Lite สามารถ Combine เครื่องเพื่อให้ได้การรักษาที่ครอบคลุมปัญหาผิวมากขึ้น
- มีนัดติดตามผลหลังทำทุกเคส ประเมินผลลัพธ์การรักษาในแต่ละครั้ง เพื่อให้คนไข้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจที่สุด
- ราคาเลเซอร์สมเหตุสมผล มีหลายโปรแกรมให้คนไข้ได้เลือกตามปัญหาและงบประมาณ
คำถามที่พบบ่อย เลเซอร์ฝ้า
เลเซอร์ฝ้ากี่ครั้งถึงจะหาย ?
หากเป็นเครื่อง Pico Laser เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ (ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหา) หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนแนะนำให้ทำ 3-5 ครั้งขึ้นไป หรือตามแพทย์ประเมิน โดยแพทย์จะดูจากผลลัพธ์การรักษาในแต่ละครั้ง และแนะนำจำนวนครั้งที่เหมาะสมเป็นรายเคสไปครับ
เลเซอร์ฝ้า หายถาวรไหม ?
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีไหนรักษาฝ้าให้หายถาวรได้ครับ ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้หากไม่ได้ดูแลอย่างต่อเนื่อง และมีปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าอยู่ได้ตลอด โดยเฉพาะแสงแดด หากหลังทำไม่ได้มีการดูแลผิว ไม่ได้ทาครีมกันแดด ก็อาจทำให้กลับมาเป็นฝ้าได้ครับ
เลเซอร์ฝ้าเจ็บไหม
ทำเลเซอร์ฝ้าอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยครับ ขึ้นอยู่กับชนิดเครื่องที่ใช้ด้วยว่าทำเครื่องไหน โดยเครื่องเลเซอร์รุ่นใหม่อย่าง Picosure Pro และ Sylfirm จะยิงได้เบาขึ้นและแม่นยำ แต่สำหรับใครที่กังวล ก่อนทำจะมีการแปะยาชา หรือใช้เครื่องพ่นลม ช่วยบรรเทาความเจ็บให้น้อยลงหรือแทบไม่รู้สึกเจ็บครับ
เลเซอร์ฝ้า กับ ฉีดฝ้า แบบไหนดีกว่า ?
เลเซอร์ฝ้าเด่นในด้านการเห็นผลเร็ว ตรงจุด ฉีดเมโสฝ้าเด่นในเรื่องฟื้นฟูผิวโดยรวม และราคาที่ย่อมเยา ทั้งสองมีจุดเด่นคนละอย่างครับ แบบไหนดีกว่าขึ้นอยู่กับสภาพผิว ระดับปัญหา และความต้องการของคนไข้ โดยสามารถทำควบคู่กันได้ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้เห็นได้ไวขึ้นครับ
เลเซอร์ฝ้าทำให้หน้าบางขึ้นจริงไหม ?
เลเซอร์ฝ้าไม่ทำให้หน้าบางลงครับ โดยเฉพาะการเลเซอร์ด้วยเครื่องพิโคเลเซอร์ เพราะนอกจากช่วยกำจัดเม็ดสีผิดปกติที่เป็นต้นตอของฝ้าแล้ว ยังมีโหมดกระตุ้นคอลลาเจนที่ช่วยฟื้นฟูผิวครับ
ทำไมทำเลเซอร์ฝ้า แล้วฝ้าเข้มขึ้น ?
หลังทำเลเซอร์ฝ้าจะไม่เข้มขึ้นครับ หากทำอย่างถูกวิธี เลือกเครื่องเลเซอร์และตั้งค่าพลังงานเหมาะสม หากหลังทำเห็นว่าฝ้าเข้มขึ้น อาจเกิดจากการทำเลเซอร์โดยผู้ที่ขาดความชำนาญ ใช้เลเซอร์ที่ไม่เหมาะสมกับปัญหา หรือไม่ได้ดูแลตัวเองหลังทำตามที่แพทย์แนะนำ เช่น โดนแสงแดดจัดโดยที่ไม่ทากันแดด ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ฝ้ามีสีเข้มขึ้นได้ครับ
สรุปเลเซอร์ฝ้า ดีไหม ?
เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ เป็นวิธีที่ได้การยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูงในการรักษาฝ้าให้จางลงได้ และใช้เวลาในการเห็นผลเร็วเมื่อเทียบกับวิธีอื่น คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มรักษาฝ้าอย่างจริงจัง ทั้งนี้แนะนำให้กลับมาทำต่อเนื่องตามที่แพทย์แนะนำครับ เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจน คุ้มราคา
นอกจากนี้การเลเซอร์ฝ้า สามารถทำได้หลายเครื่อง แนะนำให้ศึกษาข้อมูลของแต่ละเครื่อง หรือปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านเลเซอร์ เพื่อเลือกเครื่องที่เหมาะสมกับปัญหา ครอบคลุมผลลัพธ์ที่คนไข้ต้องการครับ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ


