ปากแห้งแตก ปัญหาที่ไม่ควรปล่อยไว้
ใครที่กำลังประสบปัญหาปากแตกเป็นร่อง หรือปากแห้งลอกเป็นขุย และต้องการหาวิธีแก้ไข เพราะไม่อยากเสียความมั่นใจ และรำคาญกับอาการปากแตกจนเจ็บ ตกสะเก็ด ทาลิปสติกแล้วก็ไม่เรียบเนียน เกิดคราบ ตกร่อง ในบางเคสก็มีเลือดออก
ในบทความนี้หมอได้รวบรวมสาเหตุปากแห้ง ปากแตก ปากเป็นร่อง พร้อมวิธีแก้ปากแห้งแตกแบบต่าง ๆ มาแนะนำ รวมถึงวิธีป้องกันและพฤติกรรมที่ควรเลี่ยง เพื่อช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นและเนียนนุ่มขึ้นครับ
สารบัญ ปากแตก
อาการปากแห้งแตกเป็นอย่างไร ?
อาการปากแตก หรือ ริมฝีปากแห้งตึง ขาดความชุ่มชื้น สามารถเกิดได้กับคนทั่วไปครับ เพราะริมฝีปากไม่มีต่อมไขมันช่วยสร้างน้ำมันเพื่อปกป้องเหมือนกับผิวหนังส่วนอื่น ๆ
หากขาดการดูแลที่ดีอาจทำให้ริมฝีปากแห้งตึง และเมื่อเคลื่อนไหวริมฝีปากมาก ๆ ก็จะทำให้เกิดรอยแตกปริ มีเลือดไหลซึมออกมาครับ ซึ่งอาการแต่ละคนต่างกันตามความรุนแรง เช่น
- ปากลอกเป็นขุย
- ริมฝีปากแห้งตึงเป็นแผล
- ริมฝีปากแห้ง มีร่องแตก
อาการเหล่านี้นอกจากจะทำให้ปากไม่สวย ดูเสียบุคลิกภาพ แล้วยังรู้สึกเจ็บ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารที่ต้องสัมผัสกับริมฝีปากอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากปล่อยไว้นานแม้จะรักษาหายก็อาจทิ้งรอยด่างดำ ริมฝีปากหมองคล้ำไม่สดใสได้ครับ
สาเหตุที่ทำให้ปากแห้งแตก เกิดจากอะไรบ้าง ?
ริมฝีปากแห้งแตกเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งจากพฤติกรรม ริมฝีปากแห้งภูมิแพ้ หรืออายุที่มากขึ้นก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ขอบปากแห้งลอก ปากแตกได้เช่นกัน หมอสรุปมาให้ดังนี้ครับ
ขาดน้ำ-ดื่มน้ำน้อย
ปากแตก ปากเป็นร่อง หรือปากแห้งจากการขาดน้ำ หรือดื่มน้ำน้อย เป็นสาเหตุที่หมอพบได้บ่อยที่สุด เมื่อเราดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ริมฝีปากก็จะขาดความชุ่มชื้นไปด้วย ทำให้ปากแห้งแตกลอก ที่สำคัญคือบริเวณริมฝีปากเป็นบริเวณที่สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงได้ง่ายมาก
อายุที่มากขึ้น
ยิ่งอายุมากขึ้น ริมฝีปากแตก ปากเป็นร่องได้ง่ายขึ้นครับ เป็นการเปลี่ยนแปลงตามวัย เนื้อริมฝีปากจะบางลงเรื่อย ๆ เนื่องจากคอลลาเจนที่สร้างน้อยลง ทำให้เกิดริ้วรอยที่เนื้อปากและขอบปาก เหมือนผิวลูกโป่งที่เคยพองลมแล้วแฟบลง ทำให้ดูมีอายุ
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
มีหลายพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อริมฝีปาก ทำให้ปากขาดความชุ่มชื้น ปากแตกเป็นร่อง หรือปากแห้งได้ครับ เช่น
- ติดนิสัยชอบเลียริมฝีปาก : การติดนิสัยเลียริมฝีปากบ่อย ๆ ไม่ได้ช่วยให้ปากชุ่มชื่นครับ แต่ยิ่งทำให้ปากแห้งแตก และหมองคล้ำได้ง่ายขึ้น เพราะน้ำลายจะดึงเอาความชุ่มชื้นออกจากริมฝีปาก
- นอนกรน : ผู้ที่มีปัญหานอนกรน หรือหายใจทางปากขณะหลับ อากาศจะไหลผ่านริมฝีปากโดยตรง ส่งผลให้ความชื้นในปากลดลง น้ำลายน้อยลง จึงเกิดปัญหาปากแตก ปากแห้ง หรือเจ็บคอตามมาได้
สภาพอากาศที่หนาวและแห้ง
การอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวหรือแห้งมากเกินไป เช่น ช่วงฤดูหนาว หรืออยู่ในห้องแอร์นาน ๆ สามารถทำให้ริมฝีปากสูญเสียความชุ่มชื้น จนแห้งแตกเป็นขุยได้ง่าย หากไม่ได้ดูแล อาจรุนแรงถึงขั้นปากแตกเป็นร่อง ลอก และมีเลือดซึม โดยเฉพาะในคนที่ไม่ดื่มน้ำระหว่างวัน หรือชอบเลียริมฝีปากบ่อย ๆ ก็จะยิ่งทำให้ผิวปากแห้งเสียเร็วขึ้นครับ
ขาดวิตามิน และสารอาหาร
การขาดวิตามิน และสารอาหารสามารถก่อให้เกิดปัญหาปากขาดความชุ่มชื้น ปากแตก แห้ง ลอกได้เช่นเดียวกับการขาดน้ำ ในคนปากแตกขาดวิตามินอะไรนั้น ส่วนมากจะเป็นวิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี ธาตุเหล็ก และธาตุสังกะสีครับ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง
- วิตามินบี 2 (Riboflavin) : ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อบริเวณริมฝีปากและช่องปากให้แข็งแรง ลดโอกาสเกิดรอยแตก พบในนม ไข่ ตับ ผักใบเขียว ถั่ว ธัญพืช
- วิตามินบี 3 (Niacin) : ช่วยการไหลเวียนเลือดบริเวณริมฝีปาก เสริมการสร้างคอลลาเจน พบในเนื้อไก่ ปลา ถั่ว อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชไม่ขัดสี
- วิตามินบี 6 (Pyridoxine) : ช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน พบในกล้วย มันฝรั่ง ถั่วลิสง ปลา ไก่ ผักใบเขียว
- วิตามินซี (Vitamin C) : กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้น ลดความหมองคล้ำของผิว พบในส้ม ฝรั่ง มะเขือเทศ บรอกโคลี พริกหวาน กีวี มะละกอ
- วิตามินอี (Vitamin E) : มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ริมฝีปากเนียนนุ่ม พบในถั่ว ไข่ น้ำมันพืช ผักใบเขียว
- ธาตุเหล็ก (Iron) : ช่วยลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ผิวริมฝีปาก ทำให้ผิวฟื้นตัวไว พบในตับ เนื้อแดง ไข่แดง ถั่ว ผักโขม คะน้า งา เมล็ดฟักทอง
- ธาตุสังกะสี (Zinc) : ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยสมานแผลปากแตก พบในหอยนางรม เนื้อวัว เมล็ดทานตะวัน ถั่ว ไข่ ผลิตภัณฑ์นม
กินอาหารหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง
ปากแตก ลอกเป็นขุย หรือแห้ง สามารถเกิดจากการกินอาหารบางชนิด หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองต่อริมฝีปากได้ครับ โดยเฉพาะในคนที่มีผิวแพ้ง่าย หรือริมฝีปากบอบบางกว่าปกติ
- อาหาร : ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด หรือมีฤทธิ์เป็นกรด เช่น ส้ม มะนาว มะม่วงดิบ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดปากและเครื่องสำอาง : มักเกิดจากส่วนผสม เช่น สารโซเดียมลอริลซัลเฟตในยาสีฟัน แอลกอฮอล์ในน้ำยาบ้วนปาก หรือน้ำหอมและสีสังเคราะห์ในลิปสติก
โรคประจำตัว และผลข้างเคียงจากการรักษาโรค
อาการปากแตกสามารถเกิดได้จากโรคประจำตัว หรือเป็นผลข้างเคียงของยา อาหารเสริม และรังสีบำบัดได้ครับ
- การใช้ยารักษาโรคหรืออาหารเสริมบางชนิด : ส่งผลให้ผิวและริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น จนเกิดปัญหาปากแตกตามมาได้ เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก รวมถึงวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินเอ เรตินอยด์ เป็นต้น
- ริมฝีปากแห้งภูมิแพ้ โรคเรื้อรังหรือภาวะทางผิวหนัง : โรคภูมิแพ้ผิวหนัง อาจทำให้ริมฝีปากแห้งลอก ปากแห้งตลอดเวลา ปากแตกได้ครับ
- การฉายรังสีบริเวณศีรษะและคอ : บริเวณดังกล่าวมีต่อมน้ำลายหลักอยู่ครับ เมื่อต่อมได้รับผลกระทบจากรังสี จะทำให้การผลิตน้ำลายลดลง ในคนไข้ที่ใช้รังสีบำบัดรักษาโรค จึงอาจเกิดปัญหาปากแห้งแตกได้
ร่างกายผลิตน้ำลายได้น้อย
ปากแตกสามารถเกิดได้จากร่างกายผลิตน้ำลายได้น้อยกว่าปกติ หรือมีภาวะปากแห้งจากน้ำลายน้อย (Xerostomia) ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิต อายุที่เพิ่มขึ้น โรคเบาหวาน หรือในกลุ่มคนไข้ที่ใช้รังสีบำบัดครับ
โดยมักมีความผิดปกติเหล่านี้ร่วมด้วย
- ปากแห้ง ลอกเป็นขุย
- ลิ้นแห้ง เกิดฝ้าในช่องปาก
- รู้สึกแสบร้อน หรือเสียวแปลบในปาก
- กลืนอาหารลำบาก โดยเฉพาะอาหารแห้ง
- รับรู้รสชาติอาหารผิดเพี้ยน
- ฟันผุ มีกลิ่นปาก หรือฟันโยกง่าย
หากมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษากับแพทย์เพิ่มเติม เพื่อวินิจฉัย และหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมครับ
ปล่อยให้ปากแตกเป็นร่อง ปากแห้งมาก ๆ อันตรายไหม ?
การปล่อยให้ปากแห้งบ่อย ๆ จากแค่แห้งตึง เริ่มลอกเป็นขุย ลอกเป็นแผ่น ประกอบกับใครที่ชอบดึงหนังปากที่ลอกออก จนเป็นแผลมีเลือดไหล นานวันเข้าจะเกิดเป็นริ้วรอย ปากแตกเป็นร่อง ทำให้ดูแก่ก่อนวัย และสีปากคล้ำลงครับ
ในกรณีที่ร้ายแรง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น เกิดแผลหรือรอยแตกที่บริเวณมุมปาก เกิดแผลติดเชื้อ ริมฝีปากอักเสบ ส่งผลกระทบต่อช่องปากในระยะยาวได้ ดังนั้นปัญหาริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น ขอบปากลอก ปากแตก จึงไม่ควรมองข้าม และหาวิธีป้องกันแก้ไขไว้จะดีที่สุดครับ
วิธีการดูแลตนเอง ป้องกัน ไม่ให้ปากแตก เป็นร่อง ปากแห้งลอก
วิธีแก้ปากแห้งแตก รักษาริมฝีปากให้ชุ่มชื่น อวบอิ่มขึ้น ป้องกันไม่ปากแตกเป็นร่อง ปากลอกเป็นขุย มีหลายวิธีครับ เริ่มจากการดูแลตัวเองไปจนถึงการพึ่งพาหัตถการ เทคโนโลยีต่าง ๆ ทางการแพทย์ หมอได้รวบรวมมา ได้แก่
ดื่มน้ำให้มากขึ้น
เพื่อป้องกันปัญหาปากแห้งแตก อย่างแรกควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว แนะนำให้จิบบ่อย ๆ ครับ เพื่อช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นอยู่ตลอด
เลิกพฤติกรรมชอบเลียปาก
ต่อมาคือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ยิ่งเลียปากก็ยิ่งแห้งครับ หากรู้สึกปากแห้งให้ทาลิปมัน ห้ามเลียปากเด็ดขาด
หมั่นทาลิปมันเป็นประจำ
สำหรับคนที่รู้สึกว่าปากแห้งตลอดเวลา ปากแตกเป็นร่อง การทาลิปมันหรือลิปบาล์มบ่อย ๆ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก ช่วยบรรเทาอาการและทำให้ขอบปากไม่แห้งลอก หรือไม่ต้องปากแห้งก็ทาได้บ่อย ๆ เช่นกันครับ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นไว้
ข้อควรรู้ : ริมฝีปากสามารถดูดซับและถูกทำร้ายด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตได้เหมือนกับผิวบริเวณอื่น ทำให้ปากแห้ง ลอกได้ง่าย แนะนำให้บำรุงริมฝีปากด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีสารกันแดด ก็จะช่วยปกป้องผิวปากจากแสงแดดได้ครับ
อมลูกอมหรือเคี้ยวหมากฝรั่ง
การอมลูกอมหรือเคี้ยวหมากฝรั่ง จะช่วยกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายออกมามากขึ้น ลดอาการปากแห้งแตกได้ แต่ควรเลือกแบบปราศจากน้ำตาลด้วยครับ
สครับริมฝีปาก
การสครับริมฝีปาก เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ปากนุ่ม ชุ่มชื้นครับ การผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แต่ยังเกาะอยู่บนริมฝีปากให้หลุดออกไปช่วยให้ปากเนียนนุ่ม และไม่หมองคล้ำ ลดโอกาสเกิดปากแห้งแตกได้ แนะนำสครับริมฝีปากสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
โดยหลังทำควรทาลิปมันเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก และหมั่นดูแลริมฝีปากตนเอง ตามที่หมอได้แนะนำไว้ข้างต้นก็ยิ่งเป็นผลดีครับ
ใช้ยาสีฟันปลอดสารเคมี
สารเคมีก็มีส่วนทำให้ปากแห้งมาก ขอบปากลอก เป็นขุย หรือปากแตกได้ ยาสีฟันเป็นอีกอย่างที่อาจมีส่วนผสมเคมีที่ทำให้เกิดการแพ้ได้โดยไม่รู้ตัว สำหรับคนที่มีปัญหาปากแห้งแตกเรื้อรัง หาสาเหตุไม่ได้ ลองเปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันสูตรธรรมชาติ สูตรสมุนไพร ก็จะช่วยลดปัญหาปากแห้งได้ครับ
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ปากแห้ง
ควรหลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด อาหารที่มีกรด มีรสเปรี้ยว หรือหลังรับประทานแล้วควรล้างปากทุกครั้ง เพื่อไม่ให้กรดลดความชุ่มชื้นของริมฝีปาก เช่น ผลไม้ และควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ที่มีผลขับน้ำออกจากร่างกาย และทำให้ผิวแห้งได้ง่าย
รับประทานอาหารเสริม วิตามิน
เพื่อแก้ปัญหาปากแห้ง ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี เช่น ผักใบเขียว ข้าวกล้อง ถั่วเปลือกแข็ง และตับ วิตามินบีจะช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อของร่างกาย และรับประทานอาหารที่มีซัลเฟอร์สูง เช่น ไข่ กระเทียม เพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้น เต่งตึงขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ปาก แก้ปัญหาปากแห้ง ปากแตกเป็นร่อง
นอกจากการดูแลตัวเองและค่อย ๆ บำรุงริมฝีปากแล้ว สำหรับคนที่อยากเห็นผลเร็ว อาการปากแห้งรักษาไม่ยากครับ ปัจจุบันวิธีแก้ไขปัญหาปากแห้งแตกเป็นร่อง มีริ้วรอย ให้กลับมานุ่ม ชุ่มชื้น อวบอิ่ม ที่กำลังได้รับความนิยมคือ “การฉีดฟิลเลอร์ปาก”
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ถือเป็นเทรนด์ความงามที่กำลังได้รับความนิยมมากในประเทศไทย นอกจากช่วยปรับรูปทรงปากแล้วช่วยแก้ปัญหาปากแตกเป็นร่อง ปากแห้ง ให้สวย อวบอิ่ม ชุ่มชื้นขึ้นได้ครับ
เหมาะสำหรับ คนที่ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น มีริ้วรอยที่ริมฝีปากและขอบปาก ปากแตกเป็นร่องชัดเจนทำให้เวลาที่ทาลิปสติกแล้วเกิดการตกร่องของเนื้อลิปสติก
ข้อดีของฟิลเลอร์ปาก
- สามารถช่วยแก้ปากแห้งได้โดยตรง ฟิลเลอร์สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) จะช่วยเติมเต็มให้ริมฝีปากกลับมาดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้นขึ้น นอกจากแก้ไขปัญหาปากแห้งแล้ว ยังทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้
- การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการที่สะดวกและปลอดภัย ช่วยแก้ปัญหาปากแตกเป็นร่องได้ดี และฟิลเลอร์แท้สามารถสลายได้เอง โดยไม่ตกค้าง และคงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี
- การเติมฟิลเลอร์ปากนั้นใช้ปริมาณฟิลเลอร์ไม่มาก ส่วนมากไม่เกิน 1 cc แต่ได้ผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนครับ
ข้อควรระวัง
ควรฉีดฟิลเลอร์ปากกับแพทย์ที่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์เท่านั้น เพื่อเลือกชนิดของฟิลเลอร์ได้เหมาะกับปากคนไข้ในแต่ละเคสและเลือกใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้องเหมาะสม
ในกรณีที่คนไข้เคยผ่านการผ่าตัดริมฝีปากมาก่อน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีดครับ เพราะอาจมีเส้นเลือดบางส่วนของคนไข้โดนรอยแผลที่เป็นพังผืดปิดกั้น ทำให้แพทย์ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการฉีดฟิลเลอร์ปากมากขึ้น เพื่อให้ผลออกเป็นที่น่าพอใจ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ปาก เซ็กซี่แบบธรรมชาติ ทรงปากที่เหมาะกับคนไทยมากที่สุด
รีวิว แก้ปัญหาปากแตกเป็นร่องด้วยการฉีดฟิลเลอร์
ก่อนตัดสินใจการ “ฉีดฟิลเลอร์ปาก” แก้ปัญหาปากแตก ควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และได้มาตรฐาน ประสบการณ์ของแพทย์ก็เป็นสิ่งสำคัญครับ มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ผลการรักษา ก่อนทำ-หลังทำ ในหลาย ๆ เคสเป็นตัวช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ยิ่งมีจำนวนรีวิวหรือมีการบอกต่อกันปากต่อปากมากก็จะยิ่งทำให้มั่นใจในผลการรักษามากขึ้น
ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ปาก
เพิ่มความชุ่มชื้น แก้ปากแห้งแตก
*ผลจากการเข้ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
ในส่วนของราคาฉีดฟิลเลอร์ปาก มีหลายราคา หลายเกรดครับ ราคาจะขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ที่ V Square Clinic การฉีดฟิลเลอร์ปาก เราใช้ฟิลเลอร์แท้ สลายหมด 100% แกะกล่องแกะหลอดใหม่ ให้กล่องและหลอดกลับบ้าน ตรวจสอบได้ว่าเป็นของแท้ ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีเนื้อฟิลเลอร์และคุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่แตกต่างกัน หมอจะแนะนำตามความเหมาะสมกับรูปปากและความต้องการของคนไข้
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ปากราคา โปรโมชั่นคุ้มค่า ให้รูปปากทรงสวยอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ
ผู้ที่มีปัญหาปากแห้งแตก โดยเฉพาะในเคสที่มีปากแห้งมาก ปากลอกตลอดเวลา ปากแตกเป็นร่อง การฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถเติมเต็มร่องปาก และช่วยให้ปากอวบอิ่มขึ้น ช่วยให้มีริมฝีปากที่สวยงาม อวบอิ่ม ดูดีได้อย่างยาวนาน
FAQ ปากแตก
อาการปากแตก ปากแห้ง แบบไหน ที่ควรพบแพทย์ ?
โดยทั่วไป ปัญหาปากแตกสามารถหายได้เองเมื่อดูแลถูกวิธี แต่หากเริ่มมีอาการรุนแรง หรือดูแลตัวเองแล้วไม่ดีขึ้น หมอแนะนำว่าไม่ควรรอให้เป็นหนัก ควรเข้ารับการตรวจเพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติมครับ โดยเฉพาะในกรณีเหล่านี้
- ปากแห้งมากจนแตกเป็นร่อง ลอกเรื้อรัง หรือมีเลือดซึม
- มีอาการเจ็บขณะพูดหรือกินอาหาร จนกระทบชีวิตประจำวัน
- ปากดำคล้ำจากการแห้งแตกสะสม แม้ทาลิปก็ไม่หาย
- สงสัยว่าปากแตกอาจเกี่ยวกับโรคบางอย่าง เช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง เบาหวาน หรือการใช้ยาประจำตัว
- เคยฉายรังสีบริเวณศีรษะและคอ แล้วมีอาการปากแห้งต่อเนื่อง
- เริ่มมีสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น ริมฝีปากอักเสบ มีตุ่ม แสบแดง หรือมีหนอง
- มีปัญหาด้านสุขภาพช่องปาก เช่น กลิ่นปากแรงผิดปกติแม้แปรงฟันสม่ำเสมอ ฟันผุง่าย หรือเหงือกอักเสบบ่อย
หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจเสี่ยงเกิดภาวะริมฝีปากอักเสบ (Cheilitis) ซึ่งมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราเข้าสู่รอยแตก จึงควรรีบพบแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนครับ
ปากแตกจนมีเลือดซึม ควรดูแลอย่างไร ?
หากริมฝีปากแตกจนมีเลือดซึม ควรหลีกเลี่ยงการเลียปากหรือแกะลอกผิวออก ควรทาลิปบาล์มเนื้อเข้มข้น เพื่อช่วยเคลือบและปกป้องผิว ในกรณีที่มีอาการบวม แสบ หรือสงสัยว่ามีการติดเชื้อ ควรรีบพบแพทย์ครับ
สรุปเรื่องปากแห้งแตก
สำหรับคนที่มีปัญหาปากแตกเป็นร่อง ปากแห้งลอกเป็นขุย รู้สึกกังวลและไม่มั่นใจ ให้ลองปรับวิธีการใช้ชีวิตและหมั่นบำรุงริมฝีปาก หรือถ้าต้องการความรวดเร็ว เห็นผลชัดเจน แนะนำให้ใช้การฉีดฟิลเลอร์ปาก จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากได้ทันที และรักษาความชุ่มชื้นไว้ได้นาน ควบคู่กับการดูแลตัวเองตามวิธีอื่น ๆ ที่หมอได้แนะนำไปครับ


