กำจัดขน
13 วิธีกำจัดขนยอดนิยม เลือกวิธีไหนดี เห็นผลถาวร ไม่เสี่ยงเกิดขนคุด ?
ขนมีหน้าที่ในการช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกาย ปกป้องผิวจากแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรก ที่จริงแล้วการมีขนไม่ใช่เรื่องไม่ดีครับ แต่ถ้ามีขนมากเกินไป อาจทำให้ยากต่อการดูแล จนเกิดการสะสมของสิ่งสกปรกได้เช่นกัน
หลายคนต้องการกำจัดขน เพื่อการดูแลรักษาความสะอาดที่ง่ายขึ้น ช่วยลดเหงื่อ ลดกลิ่น หรือเพื่อความสวยงาม เพิ่มความมั่นใจ ต้องการมีผิวเนียนสวย ดูเกลี้ยงเกลา
บทความนี้หมอจะพามาสำรวจวิธีกำจัดขนที่ได้รับความนิยม เพื่อช่วยให้คนไข้ตัดสินใจได้ว่า ควรเลือกวิธีไหนดีที่เหมาะกับเรา ? ถ้ากำจัดขนด้วยตนเองอันตรายไหม ?
สารบัญ กำจัดขน
13 วิธีกำจัดขน
การกำจัดขนเป็นหนึ่งในวิธีการดูแลตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อความสวยงาม ความสะดวกสบาย หรือเหตุผลด้านสุขภาพและสุขอนามัย
ในสมัยก่อนการกำจัดขนสามารถทำได้ด้วยตนเอง เช่น การโกน หรือการถอน แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นในปัจจุบัน ทำให้วิธีกำจัดขนมีให้เลือกหลากหลายมากยิ่งขึ้นครับ
1. กำจัดขนด้วยการเลเซอร์ขน
วิธีกำจัดขนยอดนิยมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ เป็นการใช้พลังงานความร้อนจากเลเซอร์เข้าไปทำลายรากขน
โดยเม็ดสีเมลานินในเส้นขนจะดูดซับพลังงานความร้อน และรากขนจะถูกทำลาย หากทำอย่างต่อเนื่องจะทำให้เส้นขนที่ขึ้นใหม่มีปริมาณที่น้อยลง บางลง และอาจไม่ขึ้นอีกในที่สุด
เครื่องเลเซอร์ขนที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือ YAG Laser หรือ Long Pulse Nd Yag Laser มีความยาวคลื่น 1064 nm กำจัดขนได้ถึงรากขน เหมาะกับทุกสีผิว ทุกขนาดเส้นขนครับ
เลเซอร์ขนที่ V Sqaure Clinic โปรแกรม Cool Yag 1064 นำเข้าจากประเทศอิตาลี และเยอรมัน ใช้เครื่องเลเซอร์ Long Pulse ND YAG 1064 ยี่ห้อ Light-B EVO ครับ มีความปลอดภัย ได้มาตรฐาน ผ่าน U.S. FDA อเมริกา, CE ยุโรป, อย. ไทย
โดยจะทำพร้อมกับเครื่องเป่าลมเย็น Cyro 7 ช่วยลดความเจ็บ ปรับระดับความเย็นได้ ทำให้รู้สึกสบายผิวขณะทำการรักษา
โดยการทำเลเซอร์ขน เป็นวิธีกำจัดขนที่มีความปลอดภัย ช่วยลดจำนวนขน และขนาดของเส้นขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถทำได้หลายตำแหน่ง เช่น
ทั้งนี้เมื่อเทียบกับวิธีกำจัดขนแบบอื่น ๆ การเลเซอร์ขนอาจมีราคาที่สูงกว่า แต่ถ้าเทียบกันแล้ว การทำเลเซอร์ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าคุ้มราคามากกว่า เพราะสามารถช่วยกำจัดขนไม่ให้กลับมาขึ้นได้ในระยะยาว ไม่ต้องกลับมาทำบ่อยครั้งเท่ากับการโกน การถอน และไม่เสี่ยงต่อการเกิดขนคุดครับ
ดูรายละเอียดโปรแกรมเลเซอร์ขน Cool Yag 1064 คลิก!
2. กำจัดขนด้วยเทคโนโลยี IPL
บางคนอาจเข้าใจผิดว่า IPL เป็นหนึ่งในชนิดของเลเซอร์ แต่ที่จริงแล้ว IPL ไม่นับว่าเป็นเลเซอร์ครับ เพียงแต่มีหลักการทำงานที่คล้ายคลึงกัน สามารถนำมาใช้กำจัดขนบนร่างกายได้เช่นกัน
ข้อดีของ IPL คือ ราคาไม่สูงเท่ากับการทำเลเซอร์ขนชนิดอื่น และรู้สึกเจ็บน้อยกว่า เนื่องจากเป็นการยิงพลังงานแบบวงกว้าง และไม่ลงลึกถึงรากขน แต่ก็เสี่ยงผิวไหม้ได้มากกว่า และไม่เหมาะกับคนที่มีผิวสีเข้มหรือคล้ำ รวมถึงต้องทำหลายครั้ง เพราะมีประสิทธิภาพในการกำจัดขนน้อยกว่าเลเซอร์ชนิดอื่นครับ
3. กำจัดขนด้วยการโกน

การโกน เป็นวิธีกำจัดขนชั่วคราวที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ลองทำกันมาบ้างแล้ว เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด สามารถใช้กำจัดขนได้ทุกส่วนของร่างกาย แต่เห็นผลได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ครับ แค่ภายใน 1-2 วัน ขนก็เริ่มกลับมาขึ้นใหม่แล้ว
หมอไม่แนะนำให้ใช้การโกน ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เพราะว่าสามารถส่งผลเสียต่อสภาพผิวของเราได้ในระยะยาวครับ อาจทำให้ขนที่ขึ้นใหม่แข็งและหนากว่าเดิม มีโอกาสการเกิดขนคุดได้มาก รวมถึงถ้าไม่ระวังอาจเสี่ยงต่อการเกิดบาดแผล ยิ่งถ้าใบมีดไม่สะอาดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : โกนขนแล้วคัน เกิดจากอะไร ? กี่วันหาย ? มีวิธีป้องกันอย่างไร ?
4. กำจัดขนด้วยการถอน
การกำจัดขนด้วยการถอน จะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่าแหนบ ทำการถอนขนบริเวณพื้นที่เล็ก ๆ อย่างรักแร้ คิ้ว ขนหน้า วิธีนี้ทำได้ด้วยตนเอง สะดวก ขนที่ขึ้นใหม่จะขึ้นช้ากว่าการโกน แต่การถอนจะให้ความรู้สึกเจ็บได้มากกว่าครับ
นอกจากนี้การถอนขนหากทำไม่ถูกวิธี อาจทำให้รูขุมขนอักเสบ เกิดอาการบวมแดง ผิวเกิดการระคายเคือง หรือถ้าดึงเส้นขนออกมาไม่หมด อาจเกิดปัญหาขนคุดตามมา ปล่อยไว้นานอาจทำให้เกิดเป็นตุ่มหนังไก่ ยิ่งบริเวณรักแร้จะสังเกตเห็นได้ชัดครับ อาจทำให้เสียความมั่นใจได้ เมื่อต้องโชว์วงแขน หรือใส่เสื้อแขนกุด แขนสั้น
5. กำจัดขนด้วยเครื่องถอนขนไฟฟ้า
การใช้เครื่องถอนขนไฟฟ้า (Mechanical Epilator) หาซื้อได้ง่าย มีให้เลือกหลากหลายรุ่น สามารถถอนขนได้ทีเดียวหลายเส้นด้วยการใช้หัวของเครื่องที่มีแหนบเล็กๆ หรือแผ่นโลหะดึงขนออกจากรูขุมขน คล้ายกับการถอนขนด้วยแหนบ แต่สะดวกรวดเร็วและกำจัดขนในที่บริเวณกว้างได้มากกว่า
ทั้งนี้การใช้เครื่องถอนขนก็เสี่ยงทำให้เกิดปัญหาขนคุดตามมาได้เช่นกัน จึงต้องเลือกใช้เครื่องที่ได้มาตรฐาน ซึ่งก็จะมีราคาที่สูงตามคุณภาพของเครื่องครับ
6. กำจัดขนด้วยการแว็กซ์
การแว็กซ์ขน เป็นวิธีกำจัดขนแบบชั่วคราวที่ได้รับความนิยมมากในไทย มีให้เลือก 2 แบบ ทั้งแบบแว็กซ์เย็น (Cold Wax) และแว็กซ์ร้อน (Hot Wax) โดยมีวิธีการใช้ที่ต่างกัน ดังนี้ครับ
- แว็กซ์เย็น : ส่วนมากอยู่ในรูปแบบของแผ่นแว็กซ์ (Wax Strips) สะดวกต่อการใช้แว็กซ์ขนเองที่บ้าน ไม่ต้องละลายหรืออุ่นก่อนใช้เหมือนกับแว็กซ์ร้อน
- แว็กซ์ร้อน : การแว็กซ์ด้วยการนำขี้ผึ้งอุ่นร้อนทาทิ้งไว้บริเวณที่ต้องการกำจัดขนแล้วรอให้แห้ง และใช้ผ้าดึงออกอย่างรวดเร็ว
การแว็กซ์ เป็นวิธีที่สามารถกำจัดขนได้ถึงโคน ขนจะขึ้นช้ากว่าการโกนครับ แต่รู้สึกเจ็บมากกว่า ควรทำกับผู้ที่มีความชำนาญ เพราะหากดึงไม่ถูกวิธี อาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ระคายเคือง หรือผิวช้ำ หากทำบ่อย ๆ เสี่ยงต่อการเกิดรูขุมขนอักเสบ บวมแดง และขนคุดตามมาได้ครับ
7. กำจัดขนด้วยการใช้ครีมกำจัดขน
การใช้ครีมกำจัดขน คือ การกำจัดขนแบบชั่วคราวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่ฤทธิ์เป็นด่างสูง สามารถละลายโปรตีนเคราตินที่อยู่ในเส้นขน
เมื่อทาทิ้งไว้และถูออก จะทำให้ขนหลุดร่วงไปได้เอง โดยนิยมใช้ที่ขนแขน หรือขนขา ส่วนบริเวณอื่นที่ผิวบอบบาง เช่น ขนน้องสาว ขนหนวด ไม่แนะนำให้ใช้ครับ
ข้อดีของวิธีนี้คือ ราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่ายและไม่รู้สึกเจ็บเลยครับ แต่ครีมกำจัดขนส่วนใหญ่มักมีกลิ่นฉุนจากสารเคมี และมีข้อควรระวังคือ อาจทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง โดยเฉพาะในคนที่ผิวบาง ผิวแพ้ง่าย แนะนำให้ลองทดสอบบนผิวของตัวเองว่ามีอาการแพ้หรืออาการระคายเคืองก่อนใช้จริง เพื่อความปลอดภัย
8. ที่ขัดผิวกำจัดขน
ช่วงนี้ในโซเชียลมีเดียเริ่มมีคนพูดถึงที่ขัดผิวกำจัดขน เช่น หินกำจัดขน หรือแผ่นแก้วกำจัดขน กันมากขึ้นครับ ลักษณะพื้นผิวจะคล้ายกระดาษทรายเนื้อละเอียด ใช้ขัดวนเบา ๆ บนผิวที่เปียกน้ำ เพื่อให้ขนขาดและหลุดออก พร้อมกับช่วยผลัดเซลล์ผิวไปในตัว
แม้จะใช้งานง่ายและดูเป็นอีกทางเลือกในการกำจัดขน แต่มีข้อควรระวังโดยเฉพาะในจุดที่ผิวบอบบาง เช่น รักแร้ หัวเข่า หรือขนบริเวณน้องสาว เพราะหากขัดแรงเกินไปอาจทำให้ผิวถลอกหรือระคายเคืองได้ครับ
9. กำจัดขนด้วยเส้นด้าย (หมั่งหมิง)
หมั่งหมิงเป็นวิธีดึงขนออกด้วยเส้นด้ายแบบจีนโบราณ มักใช้กับบริเวณใบหน้า เช่น หนวด แก้ม คาง หรือระหว่างคิ้ว เพราะเป็นจุดที่ขนเส้นเล็กและขึ้นถี่ ก่อนทำจะมีการทาแป้งเพื่อให้ด้ายลื่น ลดการเสียดสีกับผิว
ข้อดีคือช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น แต่ก็มีข้อควรระวังครับ จากรีวิวหลายคนรู้สึกเจ็บขณะทำ และในบางรายอาจเกิดการระคายเคือง สิวขึ้น หรือสิวเห่อได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ผิวแพ้ง่ายหรือมีสิวอยู่แล้ว
10. กำจัดขนด้วยสเปรย์
สเปรย์กำจัดขนเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้งานง่าย พัฒนามาจากรูปแบบโฟมหรือมูส ใช้พ่นบริเวณที่ต้องการ แล้วเช็ดออกพร้อมเส้นขน บางชนิดอาจมีส่วนผสมที่ช่วยชะลอการงอกของเส้นขนได้ชั่วคราว
แม้จะเห็นผลไว แต่ก็มีข้อควรระวัง โดยเฉพาะเรื่องการแพ้ ผิวลอก หรือระคายเคือง และไม่เหมาะกับบริเวณที่ผิวบอบบางครับ
11. กำจัดขนด้วยแว็กซ์น้ำตาล

การกำจัดขนด้วยน้ำตาล (Sugar Wax) เป็นหนึ่งในรูปแบบของการแว็กซ์ขน ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ด้วยจุดเด่นที่สามารถทำได้เอง โดยจะเป็นการนำน้ำตาล มะนาว และเกลือมาเคี่ยวรวมกันได้เป็นเนื้อแว็กซ์ เหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่าย และใช้กับบริเวณที่ผิวบอบบางได้ เช่น ใบหน้า และจุดซ่อนเร้น
หลักการทำงานคล้ายแว็กซ์ร้อน คือ ทาแว็กซ์อุ่นลงบนผิวแล้วใช้ผ้าดึงย้อนแนวขน ข้อดีคือช่วยให้ผิวเรียบเนียน ขนขึ้นช้าลง แต่ก็ยังมีความรู้สึกเจ็บขณะดึง และหากใช้อุณหภูมิไม่เหมาะสมหรือดึงผิดทิศทาง อาจทำให้ผิวระคายเคืองหรือเกิดขนคุดได้เช่นเดียวกับการแว็กซ์แบบอื่น ๆ
12. กำจัดขนด้วยการจี้ไฟฟ้า
การจี้ไฟฟ้า หรือจี้ด้วยคลื่นวิทยุ (Electrolysis) เป็นวิธีการกำจัดขนแบบถาวร โดยใช้เข็มขนาดเล็กสอดเข้าไปที่รูขุมขน แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าทำลายรากขนทีละเส้น จึงสามารถกำจัดขนได้ลึกถึงราก และไม่กลับมาขึ้นอีก
แม้จะได้ผลถาวร แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไรครับ เพราะใช้เวลานาน และค่อนข้างเจ็บมาก รวมถึงอาจมีความเสี่ยงต่อรอยดำหรือแผลเป็นได้ เมื่อเทียบกับการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ที่เจ็บน้อยกว่า และปลอดภัยกับผิวมากกว่าครับ
13. กำจัดขนด้วยไฟแช็ก
การใช้ไฟแช็กลนขนเป็นวิธีที่เริ่มมีการพูดถึงในบางกลุ่มออนไลน์ โดยเฉพาะในบริเวณหนวดหรือจุดซ่อนเร้น หลักการของวิธีนี้คือใช้เปลวไฟเผาขนให้ไหม้จากผิวด้านนอก แต่ไม่ได้กำจัดถึงราก หมอขอย้ำว่าการลนไฟเพื่อกำจัดขนเป็นวิธีที่ไม่ปลอดภัยและไม่ควรทำอย่างยิ่งครับ
นอกจากจะไม่สามารถหยุดการงอกของขนได้จริงแล้ว ยังเสี่ยงต่อการไหม้ผิวหนังโดยตรง เกิดแผลพุพอง รอยแผลเป็น และอาจนำไปสู่การติดเชื้อได้ โดยเฉพาะถ้าผิวเกิดบาดแผลหรือมีความชื้น
กำจัดขนแล้วคันเกิดจากอะไร ?
หลังกำจัดขนแล้วเกิดอาการคัน เป็นผลข้างเคียงที่อาจพบได้ครับ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
- ผิวหนังระคายเคือง : การโกน การแว็กซ์สามารถทำให้ผิวหนังระคายเคือง และในบางรายอาจมีผื่นแดงขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคันครับ
- ผิวแห้ง : การกำจัดขนบางวิธี เช่น การใช้ครีมกำจัดขนหรือการแว็กซ์ อาจทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น เป็นผลให้ผิวแห้งและเกิดอาการคัน ก่อนและหลังกำจัดขน แนะนำให้บำรุงผิวด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์ให้ผิวมีความชุ่มชื้นมาก ๆ จะช่วยลดอาการคันไปได้ครับ
- เกิดอาการแพ้ : ส่วนใหญ่มักเกิดจากการใช้ครีมและสเปรย์กำจัดขน แล้วเกิดอาการแพ้สารเคมีที่เป็นส่วนประกอบครีม จนทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคืองผิว
กำจัดขนด้วยตัวเองอันตรายไหม ?
โดยทั่วไปการกำจัดขนด้วยตนเอง ไม่อันตราย แต่ถ้าทำไม่ถูกวิธี ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงต่อไปนี้ครับ
- ผิวระคายเคือง หรือเกิดการอักเสบ การโกน การใช้ด้าย หรือครีมกำจัดขน อาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองหรืออักเสบ โดยเฉพาะหากเป็นผิวที่ไวต่อการระคายเคือง หรือเกิดบาดแผลเล็กๆ หากใบมีดที่ใช้ไม่คมหรือใช้ใบมีดโกนไม่ถูกวิธี
- เกิดขนขุดหรือขนขึ้นผิดทิศทาง การโกนขน การแว็กซ์ การถอนที่ผิดวิธี อาจทำให้ขนงอกกลับเข้าหาผิวหนังและเกิดเป็นขนคุด ดูไม่สวยงาม และอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อได้
- อ่านบทความเพิ่มเติม : ขนคุด คืออะไร ? อันตรายไหม ? รู้สาเหตุ พร้อมแนะวิธีรักษาขนคุดที่เห็นผล
- ผิวอักเสบติดเชื้อ : การโกน การถอนขน หรือหินขัด อาจทำให้เกิดบาดแผลเล็ก ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวครับ หากอุปกรณ์กำจัดขนที่ใช้มีความสะอาดไม่มากพอ อาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้
- ผิวหนังแห้งเสีย การใช้ครีมและสเปรย์กำจัดขนที่มีสารเคมี หรือการแว็กซ์ขนบ่อยครั้งอาจทำให้ผิวหนังเสียหายในระยะยาว โดยเฉพาะหากไม่ทำการบำรุงรักษาผิวให้ดี
หากใครที่ใช้วิธีการกำจัดขนด้วยตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ ควรเลือกใช้อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทของผิวและเส้นขน รวมถึงหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ และศึกษาวิธีดูแลผิวหลังการกำจัดขนเพื่อช่วยลดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้หลังทำ
แต่ถ้าใครไม่ต้องการกังวลเรื่องการเตรียมเครื่องมือหรือผลข้างเคียงหลังทำ อาจเลือกใช้บริการกำจัดขนกับทางสถานพยาบาลหรือคลินิกที่น่าเชื่อถือ และได้มาตรฐาน อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการทำเองที่บ้าน แต่จะช่วยในเรื่องความสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัยครับ
กำจัดขนวิธีไหนดีที่สุด ?
เลือกกำจัดขนวิธีไหนดี ? หมอขอเปรียบเทียบแต่ละวิธีในด้านต่าง ๆ ดังนี้ครับ
- ด้านวิธีการกำจัดขน
- กำจัดขนบริเวณเหนือผิวหนัง (Depilation) เส้นขนใหม่งอกขึ้นเร็ว : การโกน, ครีมและสเปรย์กำจัดขน, และที่ขัดผิวกำจัดขน
- กำจัดขนใต้ชั้นผิวหนัง (Epilation) ถอนเส้นขนออกทั้งราก เส้นขนใหม่งอกขึ้นช้า : การถอน, การแว็กซ์, การใช้แว็กซ์น้ำตาล, หมั่งหมิง, เลเซอร์ขน, IPL และจี้ไฟฟ้า
- ด้านผลลัพธ์
- เห็นผลลัพธ์ชั่วคราว : การโกน, การถอน, การแว็กซ์, ครีมและสเปรย์กำจัดขน, IPL, หมั่งหมิง, และที่ขัดผิวกำจัดขน
- เห็นผลลัพธ์ถาวร (หากทำอย่างต่อเนื่อง) : เลเซอร์ขน และจี้ไฟฟ้า
- ด้านราคา
- ราคาประหยัด : การโกน, การถอน, การแว็กซ์, ครีมและสเปรย์กำจัดขน, ที่ขัดผิวกำจัดขน, หมั่งหมิง
- ราคาสูง : เลเซอร์ขน, IPL, จี้ไฟฟ้า
- ด้านความเจ็บ
- ไม่รู้สึกเจ็บ : การโกน, ครีมและสเปรย์กำจัดขน, ที่ขัดผิวกำจัดขน
- รู้สึกเจ็บ : การถอน, การแว็กซ์, เลเซอร์ขน, IPL, จี้ไฟฟ้า, หมั่งหมิง
*ระดับความเจ็บขึ้นอยู่กับความไวต่อความรู้สึก รวมไปถึงลักษณะเส้นขนและปริมาณเส้นขนของแต่ละคนครับ
กำจัดขนด้วยวิธีไหนดีที่สุด ? คำตอบไม่ตายตัวครับ ขึ้นอยู่กับประเภทของผิว ความหนาแน่นของขน งบประมาณของคนไข้เป็นหลัก
แต่ถ้าให้มองในแง่ผลลัพธ์และความคุ้มค่า หมอมองว่าการทำเลเซอร์ขน เป็นวิธีกำจัดขนที่มีประสิทธิภาพที่สุดในตอนนี้ สามารถช่วยกำจัดขนได้อย่างถาวร ทำได้หลายตำแหน่ง และผลข้างเคียงน้อย
ทั้งยังช่วยลดปัญหาขนคุดที่มักเกิดจากการที่เรากำจัดขนผิดวิธีแล้วไม่ได้เอาเส้นขนออกมาทั้งหมด ทำให้ขนที่ขึ้นใหม่ไม่ขึ้นตามแนวรูขุมขนอย่างที่ควร กลับขึ้นที่ใต้ผิวหนัง กลายเป็นขนคุด การทำเลเซอร์ที่สามารถกำจัดขนได้ถึงรากขน จะไม่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ครับ
รีวิวการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ขนที่ V Square Clinic


ดูรีวิวความประทับใจจากผู้ใช้บริการจริง คลิก!
สรุปเกี่ยวกับวิธีกำจัดขน
การกำจัดขน มีให้เลือกหลายวิธี ควรพิจารณาถึงประเภทของผิว ความหนาแน่นของขน และงบประมาณ เพื่อให้ได้วิธีการที่เหมาะสมและปลอดภัย และเพื่อไม่เป็นการทำร้ายผิวของเราในอนาคต ควรเลือกวิธีกำจัดขนที่ถนอมผิวของเรา มีความอ่อนโยนครับ
สำหรับใครที่ต้องการกำจัดขนอย่างถาวร ผิวเรียบเนียน เกลี้ยงเกลา ไม่เสี่ยงต่อการเกิดขนคุด ตุ่มหนังไก่ การทำเลเซอร์อาจเป็นวิธีที่ตอบโจทย์มากที่สุด
ก่อนตัดสินใจทำแนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกเครื่องที่เหมาะสมกับสภาพผิว เส้นขน และความต้องการของคนไข้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าคุ้มราคา



