หน้าแก่ก่อนวัย
“หน้าแก่ก่อนวัย” เป็นปัญหาผิวที่หลายคนเริ่มพบเจอ แม้อายุยังน้อย แต่กลับมีริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย หรือใบหน้าดูอ่อนล้าเกินวัย หากปล่อยไว้โดยไม่แก้ไข อาจทำให้ผิวเสื่อมสภาพเรื่อย ๆ จนยากต่อการฟื้นฟู
ในบทความนี้ หมอจะอธิบายสาเหตุของปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย เกิดจากอะไร ? ป้องกันอย่างไร ? พร้อมแนะนำหัตถการที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติครับ
สารบัญ หน้าแก่ก่อนวัย
เช็กสัญญาณ “หน้าแก่ก่อนวัย” ผิวเป็นอย่างไร ?
ในเบื้องต้นหมออยากให้ทำความเข้าใจก่อนว่า โดยปกติแล้ว ร่างกายของเราสามารถสร้างคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ กระชับ และเรียบเนียน จากงานวิจัยพบว่าเมื่ออายุเข้าสู่ช่วง 25 ปีขึ้นไป กระบวนการผลิตคอลลาเจนจะเริ่มลดลงประมาณ 1.5% ต่อปี และเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนได้เพียง 20-30% เท่านั้น
เมื่อระดับ Collagen ในร่างกายลดลงอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลให้ผิวหน้าที่เคยดูเต่งตึงและมีความยืดหยุ่น เริ่มเกิดริ้วรอย หน้าแก่ก่อนวัย ผิวเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย และเกิดร่องลึกมากขึ้นครับ
สัญญาณของผิวหน้าแก่ก่อนวัย เมื่อคอลลาเจนในร่างกายลดลง จะส่งผลกระทบต่อผิวพรรณ ดังนี้
- มีริ้วรอย ร่องลึกบริเวณใต้ตา หน้าผาก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
- ผิวหมองคล้ำ ขาดความกระจ่างใส
- ผิวแห้ง หยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน
- จุดด่างดำ ฝ้า กระ เพิ่มขึ้น
- รูขุมขนกว้าง ผิวหย่อนคล้อย
6 จุดที่บ่งบอกว่าหน้าแก่ก่อนวัย
แม้อายุจริงจะยังไม่มาก แต่ผิวหน้าบางส่วนอาจเริ่มแสดงสัญญาณแห่งวัยเร็วกว่าที่คิด การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มักเริ่มจากจุดเล็ก ๆ หากเราสังเกตอย่างละเอียด จะช่วยให้สามารถวางแผนการดูแลผิวได้อย่างเหมาะสม โดยสามารถตรวจเช็กได้จากตำแหน่งต่าง ๆ บนใบหน้าดังต่อไปนี้
1. ใต้ตา ถุงใต้ตา
บริเวณใต้ดวงตา เป็นจุดที่แสดงถึงอายุได้ชัดเจนที่สุด หากเริ่มเห็นความหมองคล้ำ ริ้วรอย หรือความหย่อนคล้อย ก็อาจเป็นสัญญาณว่าผิวบริเวณนั้นขาดความชุ่มชื้นและเริ่มสูญเสียคอลลาเจน ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุของใบหน้าแก่ก่อนวัย ดูเหนื่อยล้าและไม่สดใส
2. ร่องแก้ม ร่องมุมปาก
เส้นลึกที่ลากจากข้างจมูกลงมาถึงมุมปาก ร่องน้ำหมาก หรือร่องบริเวณรอบปากที่เห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ มักเกิดจากการสูญเสียไขมันใต้ผิวหนังและความยืดหยุ่นที่ลดลง การเคลื่อนไหวของใบหน้าในชีวิตประจำวัน เช่น การพูดหรือการแสดงอารมณ์บ่อย ๆ ก็สามารถเร่งให้เกิดร่องลึกเร็วขึ้น
3. แก้มหย่อนคล้อย
เมื่อโครงสร้างผิวเสื่อมถอย แก้มที่เคยแน่นกระชับจะเริ่มหย่อนลงตามแรงโน้มถ่วง สาเหตุหลักมาจากการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้รูปหน้าดูเปลี่ยนไปและดูมีอายุมากขึ้น
4. ริ้วรอยระหว่างคิ้ว
การแสดงสีหน้า เช่น การขมวดคิ้วบ่อย ๆ มักกระตุ้นให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเกร็งตัวซ้ำ ๆ จนเกิดเป็นเส้นลึกถาวร ซึ่งส่งผลให้หน้าแก่ก่อนวัย ดูเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา
5. ริ้วรอยบนหน้าผาก
เส้นริ้วตามแนวนอนบริเวณหน้าผากมักเกิดจากพฤติกรรมที่เราทำเป็นประจำโดยไม่รู้ตัว เช่น การเลิกคิ้วหรือขมวดคิ้วบ่อย ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณนี้ถูกใช้งานซ้ำ ๆ จนเกิดรอยพับถาวรขึ้นมา ส่งผลต่อภาพรวมที่ดูมีอายุมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ครับ
6. รอยย่นหางตา
บริเวณหางตาเป็นจุดที่มีผิวบางและไวต่อการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง จึงมักเกิดรอยย่นได้ง่าย โดยเฉพาะเวลาที่เรายิ้ม หัวเราะ หรือแสดงความรู้สึกต่าง ๆ รอยตีนกาที่เริ่มปรากฏบริเวณนี้ ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณเริ่มต้นของวัยที่มากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของผิวตามอายุ
หน้าแก่ก่อนวัย เกิดจากสาเหตุอะไร ?
หน้าเหี่ยว หน้าแก่ก่อนวัย มักเกิดจากการเสื่อมของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ร่วมกับพฤติกรรมหรือปัจจัยต่าง ๆ ที่เร่งให้ผิวเสื่อมเร็วขึ้น โดยมีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
1. แสงแดด (รังสี UV)
รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดถือเป็นศัตรูตัวร้ายของผิว เพราะสามารถทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวหนัง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ การเผชิญแสงแดดโดยไม่ป้องกันเป็นประจำ จะเร่งให้ผิวหน้าแก่ก่อนวัยอย่างเห็นได้ชัดครับ
2. พฤติกรรมการใช้ชีวิต
การนอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเครียดสะสม จะส่งผลต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้กระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิวลดลง นอกจากนี้การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ยังทำลายเส้นเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงผิว ทำให้ผิวขาดออกซิเจนและสารอาหาร ผิวจึงดูหมองคล้ำ เหี่ยวย่น และแก่เร็วกว่าคนที่ดูแลตัวเองดี
3. อาหารการกิน
การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันทรานส์ หรืออาหารแปรรูปมากเกินไป อาจทำให้เกิดกระบวนการ Glycation ซึ่งจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนในผิว และหากร่างกายขาดวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ เช่น วิตามิน C, วิตามิน E, Zinc และ Omega-3 ก็จะทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ผิวโทรม หน้าแก่ก่อนวัย
4. การไม่ดูแลผิว
การละเลยการทาครีมกันแดด หรือไม่บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผิวขาดเกราะป้องกันจากแสงแดดและมลภาวะ ส่งผลให้ผิวอ่อนแอและเกิดริ้วรอยได้ง่าย การล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่แรงเกินไป หรือขัดถูผิวบ่อย ก็อาจทำลายผิวชั้นนอกและเร่งให้ผิวเสื่อมเร็วขึ้นได้เช่นกันครับ
5. มลภาวะและสิ่งแวดล้อม
ฝุ่น ควันพิษ และมลภาวะในอากาศล้วนเป็นแหล่งของอนุมูลอิสระ ซึ่งจะเข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบ ผิวหมองคล้ำ ยิ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษบ่อย ๆ โดยไม่มีการปกป้องผิว ผิวหน้าก็จะยิ่งแก่ก่อนวัยได้ง่าย
6. พันธุกรรม
พันธุกรรมถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญครับ หากคนในครอบครัวมีแนวโน้มผิวแก่เร็ว หรือมีปัญหาผิวบางประเภทที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ โอกาสที่จะเผชิญภาวะหน้าแก่ก่อนวัยก็สูงขึ้น
7. การอักเสบในร่างกาย
การอักเสบในร่างกาย แม้จะเป็นกลไกป้องกันตามธรรมชาติ แต่หากเกิดขึ้นเรื้อรังจะส่งผลเสียต่อผิวพรรณในระยะยาว สามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ย่อยสลายโครงสร้างผิว ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย และสูญเสียความยืดหยุ่นเร็วกว่าปกติ
ข้อควรรู้ : ผู้หญิงมีแนวโน้มหน้าแก่เร็วกว่าผู้ชาย เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ช่วยรักษาความยืดหยุ่นของผิวจะลดลงอย่างรวดเร็วหลังอายุ 30-35 ปี
รวม 5 หัตถการแก้ไขหน้าแก่ก่อนวัย ให้ดูเด็กลง
ปัจจุบันมีหัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูเด็กลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หมอแนะนำ 5 หัตถการยอดนิยมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับผิว และแก้ไขปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยได้อย่างเห็นผลชัดเจน ดังนี้ครับ
1. โบท็อก
โบท็อก หรือ Botulinum toxin A มีคุณสมบัติออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ สามารถช่วยลดริ้วรอย และรอยย่นบนใบหน้า เช่น รอยย่นบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว หางตา รอยตีนกา ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าได้อย่างตรงจุดและเห็นผล นอกจากจะช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึง เรียบเนียน โบท็อกยังช่วยป้องกันริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วยครับ
หลังฉีดโบลดริ้วรอย โบท็อกจะเริ่มออกฤทธิ์หลังฉีด 3-4 วัน คนไข้จะเริ่มรู้สึกตึง ๆ ซึ่งโบท็อกแท้จะเริ่มตึง เห็นผลเต็มที่ประมาณ 14 วัน และคงอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือนครับ
2. ฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ที่มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้น ลงในชั้นผิวหนังที่ยุบตัวลงตามวัย ทำให้ใบหน้าดูเต็มขึ้น ผิวเรียบเนียนและเต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และผิวหย่อนคล้อย ช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้ยกกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
หลังฉีดฟิลเลอร์จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีประมาณ 70-80% อาจมีอาการบวมเล็กน้อยในช่วงแรก ซึ่งมักจะยุบลงได้เองภายในไม่กี่วัน เป็นหัตถการที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นครับ
3. Sculptra
Sculptra คือ สารกระตุ้นคอลลาเจนที่สกัดจาก PLLA ( Poly-L-Lactic acid) ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าสามารถกระตุ้นคอลลาเจน Type 1 ตามกระบวนการธรรมชาติ ได้ถึง 66.5% ช่วยทดแทนคอลลาเจนที่เสียไปเมื่ออายุมากขึ้น เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว Sculptra จะเข้าไปฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างชั้นลึก ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ ยืดหยุ่น อิ่มฟู ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น
หลังฉีด Sculptra ประมาณ 5 วัน กระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวจะเริ่มทำงานครับ เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ หมอแนะนำว่าให้ทำติดต่อกัน 2-3 ครั้ง ห่างกัน 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้กระตุ้นคอลลาเจนได้ต่อเนื่องและคงผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี
4. Ulthera
Ulthera เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยอาศัยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (High Intensity Focused Ultrasound) ส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ใช้ในการศัลยกรรมดึงหน้า ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว ส่งผลให้ผิวหน้าแน่นขึ้น ริ้วรอยดูจางลง และยังสามารถช่วยปรับรูปหน้าเรียว เพิ่มความชัดเจนของกรอบหน้า ลดความหย่อนคล้อยของผิวหน้าแก่ก่อนวัยได้ครับ
หลังทำ Ulthera คนไข้สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงว่าผิวยกกระชับขึ้นประมาณ 30% ตั้งแต่ครั้งแรกครับ โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่าผิวกระชับขึ้นใน ช่วง 1-2 เดือน และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดในช่วง 3 เดือน
5. Thermage
Thermage คือ เครื่องยกกระชับผิวที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบ Monopolar RF ส่งพลังงานลงลึกตั้งแต่ผิวชั้นบนจนถึงชั้นไขมันใต้ผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และสัญญาณผิวโทรมที่ทำให้ใบหน้าแก่ก่อนวัย พร้อมฟื้นฟูคุณภาพผิว (Skin Quality) ให้แน่นเฟิร์ม เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด
หลังทำ Thermage เห็นผลทันที 20% คนไข้สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ผิวจะยกกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง เห็นผลชัดเจนเต็มที่ใน 2-3 เดือน ซึ่งการทำ Thermage ผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ เพราะคอลลาเจนใต้ผิวถูกกระตุ้น จนถึงเดือนที่ 6 คงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
วิธีดูแลผิว ป้องกันไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัย
การดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและชะลอปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย ช่วยรักษาคอลลาเจนและความชุ่มชื้น พร้อมลดผลกระทบจากปัจจัยที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หมอแนะนำข้อควรปฏิบัติ ดังนี้ครับ
- หมั่นทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีที่ทำลายคอลลาเจนและเร่งการเกิดริ้วรอย
- ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกโดยไม่ทำร้ายผิว
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับสภาพผิวและลดเลือนริ้วรอย
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นฟูเซลล์ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
- รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ และถั่ว ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ผิวขาดน้ำและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่งผลให้ผิวแห้งกร้านและเกิดริ้วรอย หน้าแก่ก่อนวัย
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยเร็วขึ้น และผิวดูหมองคล้ำ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวได้พักฟื้นและซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่
- หลีกเลี่ยงความเครียด เพราะความเครียดจะทำให้ผิวหน้าโทรม หน้าแก่เร็วขึ้น
- ออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ผิวดูสุขภาพดี
สรุป หน้าแก่ก่อนวัย แก้ไขอย่างไรให้ดูอ่อนเยาว์ ?
หน้าแก่ก่อนวัย แก้ได้ด้วยการดูแลผิวอย่างถูกวิธี ควบคู่กับการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิว หากปัญหาชัดเจนขึ้น สามารถฟื้นฟูด้วยหัตถการทางการแพทย์ เช่น โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์, Sculptra หรือการใช้เครื่องยกกระชับผิว เพื่อให้ใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติครับ
อ้างอิง


