วิธียกกระชับใบหน้า
เมื่ออายุมากขึ้น หลาย ๆ คนก็เริ่มมองหาวิธียกกระชับใบหน้า ให้กลับมาผิวแน่น เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์ อีกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันมีวิธีการยกกระชับใบหน้าให้เข้ารูป หน้าเรียว มีผิวที่กระชับขึ้นมีอยู่หลายวิธีครับ โดยเฉพาะวิธีทางการแพทย์ ทั้งหัตถการงานฉีด เทคโนโลยีการยกกระชับ อย่าง Hifu Ulthera Thermage ไปจนถึงการผ่าตัด
ใครที่กำลังมองหาวิธียกกระชับใบหน้า หมอมีวิธีการยกกระชับใบหน้าทั้ง 10 วิธีที่ได้ผลจริง พร้อมข้อมูลข้อดี-ข้อจำกัด เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดครับ
สารบัญ ยกกระชับใบหน้า
ยกกระชับใบหน้า คืนความอ่อนเยาว์
การยกกระชับใบหน้าเป็นวิธีการที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ โดยการลดความหย่อนคล้อยของใบหน้าและลำคอ ทำให้รูปหน้าได้สัดส่วน ริ้วรอยลดลง ผิวตึงกระชับ และเสริมการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง เพื่อให้ผิวดูแข็งแรง อ่อนเยาว์ และมีสุขภาพดีขึ้น
การยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัยด้วยหัตถการทางการแพทย์
(พญ.วัลยรัตน์ สัจจะสกุลชัย เลข ว.47920)
*ผลจากการเข้ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
การยกกระชับใบหน้านอกจากช่วยเรื่องความสวยงามและคืนความอ่อนเยาว์แล้ว ยังมีผลต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตของเจ้าของใบหน้าด้วย เพราะเมื่อใบหน้าดูกระชับและอ่อนเยาว์ คนไข้ก็จะรู้สึกมั่นใจมากขึ้น กล้าแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีขึ้นด้วยครับ
ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร ?
ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลาย ๆ คนตัดสินใจเข้ารับการแก้ไขใบหน้าด้วยวิธีการยกกระชับใบหน้าครับ
เพื่อให้สามารถเลือกวิธีการยกกระชับใบหน้าที่ตรงจุด ต้องรู้ก่อนว่าปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยที่เป็นอยู่เกิดสาเหตุอะไร โดยสาเหตุปัญหาผิวหย่อนคล้อยเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- อายุที่มากขึ้น เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลงครับ ทำให้ผิวหน้าสูญเสียความยืดหยุ่นและความแน่น จึงเกิดการหย่อนคล้อย ตามแรงโน้มถ่วงของโลก
- แสงแดด UV เป็นปัจจัยภายนอกที่สำคัญที่สุดที่ทำลายโครงสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยก่อนวัยอันควร
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ทำให้ระดับเอสโตรเจนลดลงและส่งผลต่อความแน่นของผิว
- พันธุกรรมและการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และการขาดการออกกำลังกาย
จากสาเหตุที่กล่าวมาทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่มีความหนัก-เบาแตกต่างกันครับ ดังนั้นการเลือกวิธีแก้ไขที่เหมาะสมคุ้มค่า ก็ต้องดูลักษณะของปัญหาประกอบการพิจารณาด้วย
เลือกวิธียกกระชับใบหน้าให้ตรงกับลักษณะผิวหย่อนคล้าย
ลักษณะผิวหย่อนคล้อยแต่ละแบบ มีผลต่อแนวทางการเลือกวิธีแก้ไขยกกระชับใบหน้าครับ หมอขออธิบายลักษณะความหย่อนคล้อยของผิวหนังจาก 4 ระดับที่ทำให้ผิวหน้าสูญเสียความกระชับ ดังนี้
1. การสลายตัวของคอลลาเจนชั้นหนังแท้ (Dermis Layer)
ชั้นหนังแท้เป็นชั้นที่มีคอลลาเจนและอีลาสตินเป็นองค์ประกอบหลัก เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนลดลงประมาณ 1-1.5% ต่อปี เริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปี คอลลาเจนที่เสื่อมสภาพจะทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ความแน่น และความสามารถในการกลับสู่รูปเดิม ผิวจึงเริ่มเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ และหย่อนคล้อยในระดับเริ่มต้น
วิธีแก้ไขเพื่อยกกระชับใบหน้าให้กลับมาแน่นกระชับ จะต้องกระตุ้นคอลลาเจนในชั้น Dermis ซึ่งสามารถทำได้โดยด้วยการทำ Sculptra, Radiesse รวมถึงการใช้เครื่องยกกระชับอย่าง Thermage ที่มีคุณสมบัติเด่นทำให้ผิวฟู แน่น และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
2. การเสื่อมของชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System)
ชั้น SMAS เป็นชั้นที่อยู่ใต้ผิวหนัง ประกอบด้วยกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเชื่อมต่อที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อใบหน้า เป็นโครงสร้างที่สำคัญในการยึดโยงและยกพยุงใบหน้า
เมื่อชั้น SMAS เสื่อมสภาพ กล้ามเนื้อใบหน้าจะอ่อนแรงลง การยึดโยงระหว่างผิวหนังกับโครงสร้างใต้ผิวจะหลวม ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยในระดับลึก โดยเฉพาะบริเวณแก้ม และคอ โดยเครื่องมือที่สามารถยกกระชับได้ถึงชั้น SMAS คือ Ulthera และ Hifu Ultraformer
3. การสูญเสียไขมันใต้ผิว (Volume Loss)
ไขมันใต้ผิวหน้าทำหน้าที่เป็นเหมือนหมอน ที่ช่วยให้ใบหน้าดูอิ่ม ละมุน และเป็นธรรมชาติ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ไขมันในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้าจะค่อย ๆ สลายตัวลดน้อยลง โดยเฉพาะบริเวณแก้ม ขมับ และใต้ตา
การสูญเสียไขมันบริเวณนี้ทำให้ใบหน้าดูยุบตัว ผิวหนังที่เคยตึงเพราะมีไขมันพยุงจะเริ่มหย่อนลงมา เกิดเป็นร่องลึก และทำให้ดูแก่กว่าวัย
ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยการเติมฟิลเลอร์ หรือสาร Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปเติมเต็มและการฉีดกระตุ้นกลุ่ม Biostimulator เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของตัวคนไข้เอง ทำให้ผิวแน่น กระชับขึ้น ผิวแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ครับ
4. การเสื่อมสภาพของโครงสร้างกระดูก (Bone Resorption)
โครงสร้างกระดูกบนใบหน้าทำหน้าที่เป็นเหมือนเสาหลักที่พยุงผิวหนังและเนื้อเยื่อใบหน้า แต่เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกจะค่อย ๆ สูญเสียความหนาแน่นไปครับ นานวันก็จะมีการยุบตัว โดยเฉพาะกระดูกเบ้าตา กระดูกแก้ม และกระดูกขากรรไกร
การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างกระดูกนี้ทำให้ผิวหนังขาดจุดยึด ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยมากขึ้น และเปลี่ยนรูปหน้าไปจากเดิม เกิดเป็นปัญหาความหย่อนคล้าย หน้าตก ดูโทรม ดูแก่
การแก้ไขทำได้โดยการเติมฟิลเลอร์ (HA) เข้าไปเสริมที่ชั้นกระดูกที่เสียไป จึงช่วยยกพยุงผิว ลดความหย่อนคล้อยได้เป็นธรรมชาติ
เจาะลึก 10 วิธียกกระชับใบหน้าที่เห็นผลจริง
1.Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับใบหน้าและฟื้นฟูผิว
Sculptra เป็นการฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนธรรมชาติของผิว (Collagen Biostimulator) ที่มีส่วนประกอบหลักคือสาร Poly-L-lactic Acid (PLLA) มีความปลอดภัยสูง สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผิวกระชับ อิ่มฟู คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับเบาถึงปานกลาง อายุ 25 ปีขึ้นไป และต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
ข้อดี
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนธรรมชาติ
- ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- คงผลลัพธ์ยาวนานถึงประมาณ 2 ปี
- ไม่มีการผ่าตัด
ข้อจำกัด
- ต้องทำต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง ห่างกันเดือนละครั้ง
- เห็นผลแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มเห็นผลที่สัปดาห์ที่ 3 และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 3 เดือน
2.Radiesse เติมเต็มริ้วรอย ยกกระชับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
Radiesse เป็นนวัตกรรมฟื้นฟูสุขภาพและโครงสร้างผิว ที่ประกอบด้วย Calcium Hydroxylapatite microsphere(CaHA) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและให้ผลทันที ช่วยทำให้ผิวเฟิร์ม แน่นกระชับ อิ่มฟูเด้ง ริ้วรอยลดลง ผิวยกกระชับขึ้น จึงดูเด็กลงอีกครั้ง เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลทันทีและยาวนาน มีผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลาง ต้องยกกระชับใบหน้าและการปรับรูปหน้า
ข้อดี
- เห็นผลทันทีและนานขึ้นเรื่อย ๆ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
- เหมาะสำหรับยกกระชับและเติมเต็ม
- อยู่ได้นานถึง 2 ปี
ข้อจำกัด
- ต้องทำต่อเนื่องติดต่อกัน 1-3 ครั้ง ห่างกันเดือนละครั้ง
- อาจมีอาการบวมได้เล็กน้อยหลังฉีด หายภายใน 2-3 วัน
3.Thermage ยกกระชับใบหน้า ปรับหน้าเรียว
Thermage เป็นเทคโนโลยียกกระชับใบหน้าด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency) สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ จึงช่วยยกกระชับใบหน้าแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ดี หลังทำผิวแน่นขึ้น หน้าเรียวขึ้นและริ้วรอยลดลง เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับเบาถึงปานกลาง มีไขมันเยอะและไม่ต้องการผ่าตัด
ข้อดี
- ไม่ต้องผ่าตัด
- เห็นผลทันที 20% และดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 2-3 เดือน
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
- เป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก US-FDA และ อย.ไทย
- ใช้เวลาไม่นาน และไม่ต้องพักฟื้น
ข้อจำกัด
- ขณะทำอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
- เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมบนใบหน้า (ไขมันน้อย หน้าตอบ แนะนำให้ทำเครื่องในกลุ่ม Ulthera)
4. Ulthera ยกกระชับใบหน้า กรอบหน้าชัด ผิวแน่น
Ulthera เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยเทคโนโลยี High-Intensity Focused Ultrasound (HIFU) แบบ Original ที่ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ปลอดภัย ตอบโจทย์การแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้อย่างตรงจุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า ลดริ้วรอย ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด
ปัจจุบัน Ulthera มีให้เลือกใช้ 2 รุ่น คือ Ulthera SPT และ Ulthera Prime ซึ่งมีประสิทธิภาพในการทำงานไม่ต่างกัน เพียงแต่ Ulthera Prime มีการปรับปรุงดีไซน์เครื่อง มีหน้าจอแสดงผลคมชัดขึ้น ระบบประมวลผลเร็วขึ้น ทำให้ยิงพลังงานไวขึ้น เจ็บน้อยลง
ข้อดี
- ยกกระชับใบหน้าได้อย่างแม่นยำลงลึกถึงชั้น SMAS
- ปลอดภัยผ่านการรับรองจาก US-FDA และ อย.ไทย
- คงผลลัพธ์ได้นานถึง 1 ปี
- เห็นผลทันทีประมาณ 30%
- ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อจำกัด
- ขณะทำอาจรู้เจ็บหรือจี๊ด ๆ ผิวบริเวณที่ทำ
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และให้ผลคุ้มค่า ทำเพียงปีละ 1 ครั้งก็เพียงพอ
5. HIFU-Ultraformer ไฮฟูยกกระชับใบหน้า
HIFU-Ultraformer เครื่องมือยกกระชับผิว ทำงานโดยใช้การยิงคลื่นอัลตราซาวด์เข้าไปยังชั้นใต้ผิวหนังให้เกิดความร้อน ทำให้เนื้อเยื่อมีการหดตัวและทำให้ผิวชั้นบนยกกระชับขึ้น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย ทำให้ผิวเต่งตึง สามารถยกกระชับใบหน้าให้เข้ารูป มีสัดส่วนที่สวยงามได้
ปัจจุบัน HIFU-Ultraformer มีให้เลือกใช้ 2 รุ่น คือ Ultraformer III และ Ultraformer MPT โดยมีคุณสมบัติในการช่วยยกกระชับใบหน้าคล้ายกัน ต่างกันที่ Ultraformer MPT เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดจาก Ultraformer III โดยมีหัวยิงและรูปแบบพลังงานที่หลากหลายกว่า ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้ครอบคลุมกว่า เหมาะกับมีผิวหย่อนคล้อยระดับเบาถึงปานกลาง ต้องการความคุ้มค่า
ข้อดี
- สามารถยิงพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS สามารถยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้ดี
- ราคาประหยัดกว่า Ulthera
- ยกกระชับผิวได้หลายจุด เช่น ใบหน้า หน้าท้อง ลำคอ
- หลังทำไม่ต้องพักฟื้น
ข้อจำกัด
- คงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 เดือน (น้อยกว่า Ulthera)
- ควรทำซ้ำได้ทุก 3-6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์ได้นานขึ้น
สำหรับใครที่อยากอ่านข้อมูลเพิ่มเติม หมอเคยเขียนบทความ Ulthera vs Hifu ยี่ห้อต่าง ๆ กับ Thermage เลือกทำอะไรดี ? หากยังไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรดี แนะนำให้ลองอ่านรายละเอียดเปรียบเทียบอื่น ๆ เพิ่มครับ
6. Volnewmer ยกกระชับใบหน้า ช่วยผิวเฟิร์ม
Volnewmer เป็นเทคโนโลยีใหม่จากประเทศเกาหลีใต้ ที่มีการนำเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) มาใช้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูผิว ยกกระชับผิวหน้า ลำคอ และบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย โดยไม่ต้องผ่าตัด
โวลนิวเมอร์ สามารถกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใหม่ ผิวอิ่มฟู ยกกระชับผิว ให้แน่นขึ้น ดูเต่งตึง ยกกระชับใบหน้าให้ได้สัดส่วน พร้อมกับปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียนขึ้นได้ครับ
ข้อดี
- สามารถกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่น เฟิร์ม กระชับ
- ยกกระชับได้ทันทีประมาณ 20-30% และจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น
- คงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- ไม่เจ็บมาก มี Hydro Cooling System ระบบทำความเย็นช่วย
- ปลอดภัยผ่านการรับรองจาก U.S. FDA, KFDA และ อย.ไทย
ข้อจำกัด
- หลังทำอาจมีรอยแดง อาการบวมเล็กน้อย สามารถหายได้เอง
7. Botox (โบท็อก) ยกกระชับใบหน้า ปรับหน้าเรียว
การฉีดโบท็อกเป็นอีกวิธีที่ช่วยยกกระชับใบหน้าได้ครับ เป็นวิธีที่ง่าย ราคาไม่แพงและได้รับความนิยม โดยใช้เทคนิคที่ฉีดลิฟต์กรอบหน้า เพื่อยกกระชับใบหน้าให้ดูมีมิติขึ้น ทำให้เกิดการยกกระชับผิว โดยสามารถเห็นผลได้หลังฉีดชัดเจนประมาณ 2 สัปดาห์ มีด้วยกัน 2 เทคนิค คือ
- Dermolift จะฉีดบริเวณแนวกรอบหน้าขึ้นไปด้านบนให้ผิวกระชับขึ้น ควรทำเฉพาะเวลาที่ต้องการผลเร่งด่วน ไม่ควรทำบ่อย ๆ เพราะจะเพิ่มโอกาสในการดื้อโบท็อกครับ
- Nefertiti lift จะฉีดโบท็อกไปที่กล้ามเนื้อ Platysma บริเวณลำคอซึ่งเป็นกล้ามเนื้อส่วนที่ดึงผิวลง ทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย เมื่อฉีดโบท็อกแล้วจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่ดึงผิวขึ้น มีแรงมากกว่าและทำให้หน้ายกกระชับ
ข้อดี
- เห็นผลเร็วภายใน 3-4 วัน
- ใช้เวลาในการทำไม่นาน
- ราคาไม่แพงมาก
ข้อจำกัด
- ผลลัพธ์ไม่ถาวรอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน
8. Filler (ฟิลเลอร์) ยกกระชับใบหน้า แก้ปัญหาหน้าตก ผิวหย่อนคล้อย
Filler (ฟิลเลอร์) เป็นการฉีดสารเติมเต็มเพื่อเพิ่มปริมาตรและยกกระชับใบหน้า โดยใช้สาร Hyaluronic Acid (HA) เป็นหลัก ร่วมกับเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ยกหน้าที่ถูกต้อง สามารถช่วยปรับรูปหน้าให้ยกกระชับ และสร้างมิติให้แก่ใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ข้อดี
- เห็นผลทันที กรอบหน้าคมชัดและมีมิติ
- ปรับแต่งได้ตามต้องการ ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- หลังทำไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ข้อจำกัด
- ผลลัพธ์ชั่วคราว ฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ อยู่ได้นานเฉลี่ย 6-24 เดือน
9. ร้อยไหมยกกระชับใบหน้า (Thread Lifting)
การร้อยไหมถือเป็นหัตถการที่หลายคนสนใจใช้ในการยกกระชับใบหน้าครับ เพราะหลังร้อยไหมสามารถเห็นผลได้ทันที โดยจะใช้ไหมก้างปลายกพยุง ทำหน้าที่คล้ายสลิงช่วยพยุงให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ไม่กลัวเข็มแล้วก็อยากเห็นผลลัพธ์เร็ว
การร้อยไหมก้างปลาจะเห็นผลทันทีหลังทำ แต่ก็ควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ หากแพทย์ใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้องหรือวิเคราะห์รูปหน้า ประเมินปัญหาไม่ดี ก็อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่หวังไว้ครับ
ข้อดี
- เห็นผลทันที เหมาะกับผู้ที่อยากเห็นผลลัพธ์เร็ว
- สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น
- ราคาไม่สูงมาก
- สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดี
ข้อจำกัด
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 4-12 เดือน แล้วแต่ประเภทไหมที่ใช้
- อาจเกิดการอักเสบ บวมช้ำ หลังทำ
- ทักษะแพทย์มีผลต่อผลลัพธ์ที่สวยงาม และความเป็นธรรมชาติ
สำหรับการร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้า สามารถศึกษาบทความ ร้อยไหม คืออะไร อันตรายหรือไม่ ? ทำไมถึงหน้าเรียว ? และมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ? ที่หมอเคยเขียนเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียไว้อย่างละเอียดครับ
10. ผ่าตัดดึงหน้า (Facelift) ยกกระชับใบหน้าระยะยาว
การผ่าตัดดึงหน้า เป็นวิธีการรักษาที่ให้ผลมากที่สุดสำหรับผิวหย่อนคล้อยรุนแรง เหมาะสำหรับคนที่ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวการผ่าตัด มีเวลาในการพักฟื้น มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยรุนแรง อายุ 50 ปีขึ้นไป และต้องการยกกระชับใบหน้าแบบเห็นผลลัพธ์ถาวร
ข้อดี
- ผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนาน
- แก้ไขปัญหาได้ครอบคลุม
ข้อจำกัด
- การผ่าตัดมีความเสี่ยง
- ค่าใช้จ่ายสูง
- ใช้เวลาพักฟื้นนาน
- อาจเหลือแผลเป็น
- ผลลัพธ์ที่สวยงามขึ้นอยู่กับฝีมือแพทย์
ยกกระชับใบหน้าด้วยวิธีธรรมชาติได้ไหม ?
การยกกระชับใบหน้าด้วยวิธีธรรมชาติสามารถทำได้ครับ ถือเป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัยและประหยัด แม้จะให้ผลช้าและไม่ชัดเจนเท่าการรักษาทางการแพทย์ แต่สามารถช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิวและเป็นการดูแลผิวเบื้องต้นได้ครับ
1.ยกกระชับใบหน้าด้วยเทคนิคโยคะหน้ากระชับผิว
โยคะหน้า เพื่อยกกระชับใบหน้า เป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้าง อย่างท่าโยคะกระชับหน้าที่นิยมเลย คือ ท่า The Satchmo ที่เป็นการทำให้แก้มพองตัวด้วยอากาศ โดยทำสลับไปมาระหว่างแก้มซ้ายกับแก้มขวา ทำซ้ำ 3 ครั้ง เป่าลมเข้าออกเพื่อกระชับกล้ามเนื้อแก้มก็จะทำให้ใบหน้ากระชับขึ้นครับ
2.นวดยกกระชับใบหน้า กระตุ้นการไหลเวียนเลือด

นวดยกกระชับใบหน้า เป็นการนวดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด โดยการนวดกดจุดโดยการใช้นิ้วมือนวดไปทีละจุด โดยเริ่มที่บริเวณหน้าแก้ม, ร่องมุมปาก และร่องแก้ม จุดละ 4-5 ครั้ง แล้วหมุนวน 3-4 รอบ และใช้ฝ่ามือนวดจากบริเวณคางไปถึงหลังหูมาจนถึงลำคอ ทำแบบนี้ซ้ำไป 4-5 ครั้ง หรือสำหรับคนที่ไม่สะดวกทำเองก็สามารถซื้อเป็นคอร์สยกกระชับใบหน้าที่คลินิกที่ทำโดยผู้เชี่ยวชาญก็จะเห็นผลกว่าครับ
3. กัวซา (Gua Sha) ยกกระชับใบหน้าฉบับแพทย์แผนจีน
กัวซา (Gua Sha) เป็นวิธียกกระชับใบหน้าตามหัตถการศาสตร์แพทย์แผนจีนที่ใช้หินหรือแผ่นกัวซาขูดเบา ๆ บนใบหน้าตามแนวเส้นลมปราณ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ขับสารพิษ ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส เต่งตึง และยกกระชับขึ้น
ข้อควรระวังคือ การทำกัวซายกกระชับหน้าคืออาจทำให้ผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าเดิมหากทำไม่ถูกวิธี โดยเฉพาะบริเวณเปลือกตาที่อาจทำให้หนังตาตกได้
4.ใช้ครีมยกกระชับใบหน้า เติมความชุ่มชื้น
การใช้ครีมยกกระชับใบหน้า ลดริ้วรอย เช่น Retinol, Vitamin C, Peptides และ Hyaluronic Acid ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้น เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป เช่น ครีมซองเซเว่น อย่างครีมยกกระชับหน้า วัย 50, ครีมยกกระชับหน้า วัย 40
ทั้งนี้การใช้ครีมบำรุงจะต้องใช้ระยะเวลากว่าจะเห็นผล และต้องใช้ต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 3-4 เดือนขึ้นไปถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน และก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าจะเห็นผลจริง เพราะสาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อยจะเกิดจากการทรุดตัวของกระดูก ซึ่งครีมบำรุงไม่สามารถช่วยในส่วนนี้ได้ครับ
5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ชะลอความหย่อนคล้อย
การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ลดริ้วรอย แม้การดื่มน้ำจะไม่ได้ช่วยยกกระชับใบหน้าได้โดยตรง แต่สามารถช่วยชะลอความหย่อนคล้อยได้ครับ
แนะนำดื่มให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวหน้าสุขภาพดี นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
6. พักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยซ่อมผิว ลดความหย่อนคล้อย
การดูแลผิวหน้าให้กระชับและชะลอความหย่อนคล้อย ด้วยการพักผ่อนให้เพียงเป็นวิธีง่ายที่สุดครับ เพราะเมื่อร่างกายเราได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ก็จะช่วยให้ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมนที่ซ่อมแซมเซลล์ผิว ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และผิวหย่อนคล้อยได้ แนะนำ พักผ่อนอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง
ยกกระชับใบหน้าเลือกวิธีไหน เห็นผลเร็วสุด ?
การเลือกวิธียกกระชับใบหน้าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่
- ระดับความรุนแรงของปัญหา หากเป็นริ้วรอยเล็กน้อย สามารถใช้วิธีธรรมชาติ การฉีด Botox ลดริ้วรอย ลิฟต์กรอบหน้า เพื่อให้ใบหน้าดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น หากผิวหย่อนคล้อยปานกลาง ควรใช้ HIFU, Ulthera หรือ ทำ Sculptra เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนจากภายใน หากรุนแรงมาก ๆ ต้องการผลลัพธ์ถาวร อาจต้องผ่าตัดดึงหน้า
- งบประมาณที่มี วิธีธรรมชาติราคาถูกที่สุดครับ แต่ก็ไม่สามารถคาดหวังผลลัพธ์ได้ หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน สามารถเริ่มดูแลตัวเองด้วยการฉีด Botox ฉีด Filler หรือใช้เครื่อง HIFU ยกกระชับ หากมีงบไม่จำกัด มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก สามารถเลือกทำ Sculptra และตามด้วยเครื่องยกกระชับผิวอย่าง Ulthera ได้ครับ
- เวลาที่ต้องการเห็นผล หากต้องการผลทันที สามารถเลือกฉีด Filler ยกกระชับใบหน้า หรือการร้อยไหมดึงหน้า
- ความปลอดภัย วิธีธรรมชาติปลอดภัยที่สุด ตามด้วยการฉีด การใช้เครื่อง และการผ่าตัดมีความเสี่ยงสูงสุด
- ระยะเวลาการผลลัพธ์ในการยกกระชับใบหน้า ทำ Sculptra เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ตามด้วยเครื่องยกกระชับ HIFU, Ulthera, Volnewmer, Thermage และงานฉีด Filler และ Botox ตามลำดับ
เพื่อผลลัพธ์ที่ดี มีประสิทธิภาพ ความปลอดภัยและคุ้มค่ามากที่สุด แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว แจ้งความต้องการ และงบประมาณ เพื่อให้ช่วยแนะนำหัตถการยกกระชับใบหน้าที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลครับ
รีวิวยกกระชับใบหน้า ที่ V Square Clinic
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการยกกระชับใบหน้า
เครื่องยกกระชับใบหน้า HIFU, Ulthera หรือ Thermage แบบไหนเจ็บที่สุด?
- HIFU ให้ความรู้สึกอุ่น ๆ ใต้ผิวขณะทำ ไม่มีความเจ็บมาก
- Ulthera เจ็บมากกว่าตัวอื่น เนื่องจากพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS
- Thermage อาจรู้สึกเหมือนถูกดีดผิวจากความร้อน แต่ไม่เจ็บมาก
ทั้ง 3 เครื่องยกกกระชับ ก่อนทำมีการแปะยาชาเพื่อลดความเจ็บลง สามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บครับ
ผู้หญิง-ผู้ชาย ยกกระชับใบหน้าด้วยหัตถการต่างกันได้ไหม ?
ผู้หญิงและผู้ชายสามารถทำหัตถการ ตามที่หมออธิบายในบทความนี้ได้ทั้งหมดครับ โดยจะแตกต่างกันที่เทคนิคยกกระชับหน้าเพื่อให้เหมาะกับทุกเพศ ผู้หญิงจะเน้นความละมุน ส่วนผู้ชายส่วนใหญ่มักต้องการคมเข้ม มีกรอบหน้า ลดเหนียง และปรับโครงหน้าให้ชัดขึ้น
สรุปยกกระชับใบหน้าทำได้หลายวิธี ตามระดับความรุนแรงของผิว
หากใครกำลังหาวิธียกกระชับใบหน้า ก่อนอื่นควรสำรวจความต้องการของตัวเองก่อนครับว่าอยากได้แบบไหน อยากเห็นผลเร็วไหม จากนั้นให้ปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ วิเคราะห์ปัญหาและสภาพผิว เพื่อเลือกวิธียกกระชับหน้าให้เหมาะสม ตรงจุดที่สุดครับ
ทั้งนี้หากต้องการผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน รวดเร็ว และไม่ต้องพักฟื้น หมอแนะนำยกกระชับใบหน้าด้วย HIFU, Thermage, Ulthera, Botox, ฟิลเลอร์ หรือร้อยไหม จะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่าครับ


