กระ จุดด่างดำ
กระ คือหนึ่งในปัญหาจุดด่างดำบนใบหน้าที่สร้างความกังวลให้ใครหลายคน ส่งผลต่อความมั่นใจ ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ ในบทความนี้หมอจะพาไปทำความเข้าใจว่า กระตื้น กระลึกเกิดจากอะไร ? กระมีกี่ชนิด ? บริเวณที่พบบ่อย ไปจนถึงแนวทางการป้องกันและรักษากระอย่างถูกต้อง ตรงจุด
สารบัญ กระ
กระ คืออะไร ?
กระ (Freckles) คือ จุดด่างดำขนาดเล็กบนผิวที่มีสีเข้มกว่าสีผิวปกติ มีสีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนจนถึงสีน้ำตาลเข้มหรือดำ ลักษณะเป็นจุดราบ ไม่ได้นูนขึ้นมาเหนือผิวเหมือนสิวหรือไฝ โดยกระเกิดจากการทำงานของเซลล์เม็ดสีผิวหรือเมลาโนไซต์ (Melanocyte) ที่ผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) มากกว่าปกติ ส่งผลให้เม็ดสีสะสมในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) จนมองเห็นเป็นจุดกระชัดเจนบนผิวหนัง
ภาพแสดงความแตกต่างระหว่างผิวปกติและผิวที่มีกระ
กระ เกิดจากเม็ดสีเมลานินสะสมมากกว่าปกติ ทำให้เห็นเป็นจุดสีน้ำตาลบนผิว
กระ เกิดจากอะไร ?
กระ เกิดได้จากหลายสาเหตุครับ โดยปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดกระ มีหลายประการ ได้แก่
- แสงแดด : รังสีอัลตราไวโอเลต (UVA และ UVB) ในแสงแดดจะเข้าไปกระตุ้นเซลล์เมลาโนไซต์ให้ผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำลาย เมื่อผิวสัมผัสแดดบ่อย กระบนผิวจะชัดและเข้มขึ้น
- กรรมพันธุ์ : หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นกระ ก็มีแนวโน้มสูงที่จะมีกระได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนผิวขาว หรือคนในแถบยุโรป จะพบการเกิดกระได้บ่อยกว่าคนที่มีผิวคล้ำ
- ฮอร์โมน : การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายสามารถกระตุ้นการผลิตเม็ดสีให้เพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิง ในช่วงตั้งครรภ์ รับประทานยาคุมกำเนิด หรือในช่วงวัยทอง
- อายุที่เพิ่มขึ้น : เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์ผิวจะเริ่มเสื่อมสภาพ และการสัมผัสกับแสงแดดที่สะสมมาเป็นเวลานาน จะทำให้จุดด่างดำอย่างกระเห็นได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะกระแดดและกระเนื้อที่มักพบในผู้สูงอายุ
- ปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ : พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การไม่ทาครีมกันแดด การเผชิญแสงสีฟ้าจากหน้าจอ รวมถึงความเครียดสะสมและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้กระตุ้นการผลิตเมลานินผิดปกติ และเพิ่มโอกาสการเกิดกระได้ในระยะยาวครับ
กระ มีกี่ชนิด ?
กระ สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิดหลัก ๆ ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้
- กระตื้น (Ephelides) ลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ แบนราบ กระจายตัวอยู่บนผิวชั้นนอกสุด พบมากบริเวณโหนกแก้มและสันจมูก มักเกิดตั้งแต่วัยเด็กและจะเข้มขึ้นเมื่อโดนแดด
- กระแดด (Solar Lentigines) เกิดจากการสะสมเม็ดสีที่ถูกกระตุ้นด้วยรังสี UV มักมีขนาดใหญ่กว่ากระตื้น สีเข้มกว่า และพบได้ในผู้ที่มีอายุมากขึ้นหรือโดนแดดบ่อย ๆ
- กระลึก (Hori’s Nevus) หรือกระฮอริ ปานฮอริ มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำเงินเทาหรือเทาน้ำตาล ขนาดไม่ใหญ่มาก เกิดจากเม็ดสีลึกที่อยู่ในผิว มักกระจายตัวอยู่ที่โหนกแก้มและจมูก
- กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis) เป็นตุ่มหรือติ่งนูนสีน้ำตาลเข้มหรือดำ ขนาดสามารถขยายใหญ่ขึ้นได้ เกิดจากการแบ่งตัวผิดปกติของเซลล์ผิวหนัง มักพบบ่อยในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ
กระ มักพบบ่อยที่บริเวณใด ?
กระสามารถเกิดขึ้นได้แทบทุกส่วนของร่างกายครับ แต่โดยส่วนใหญ่มักจะปรากฏในบริเวณที่ผิวหนังสัมผัสกับแสงแดดบ่อยครั้ง ตำแหน่งที่พบบ่อย ได้แก่
- กระที่หน้า บริเวณโหนกแก้ม สันจมูก หน้าผาก และรอบ ๆ ใบหน้า เป็นตำแหน่งที่พบกระได้ชัดที่สุด เนื่องจากผิวหน้าโดนแดดโดยตรงเกือบทุกวัน
- กระที่ลำคอและหน้าอก เป็นบริเวณที่มักสัมผัสแดดเมื่อใส่เสื้อคอกว้างหรือไม่ปกปิดผิว
- กระที่แขนและมือ มักพบในผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งหรือออกแดดบ่อย
- กระที่ขา โดยเฉพาะในผู้ที่ใส่กางเกงสั้นหรือกระโปรง ทำให้ผิวได้รับแสงแดดโดยตรง
กระ รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง ?
การรักษา กระ สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิด ความลึก และความรุนแรงของกระ โดยแนวทางการรักษากระ สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
การรักษากระด้วยวิธีธรรมชาติ
รักษากระด้วยวิธีธรรมชาติ เป็นแนวทางที่เน้นความอ่อนโยนและความปลอดภัยต่อผิว สามารถทำได้เองที่บ้าน เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือผู้ที่มีจุดกระไม่เข้มมาก จำเป็นต้องอาศัยความสม่ำเสมอและใช้ระยะเวลานานในการดูแล จึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เหมาะสำหรับการเสริมการดูแลผิวร่วมกับวิธีอื่น ๆ
ตัวอย่างวัตถุดิบธรรมชาติที่ช่วยลดเลือนกระ
- มะนาว : ช่วยผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดซิตริกตามธรรมชาติ
- ขมิ้นชัน : ลดการอักเสบและการสร้างเม็ดสีเมลานิน
- ว่านหางจระเข้ : ปลอบประโลมผิวและลดการสร้างเม็ดสี
- น้ำผึ้ง + โยเกิร์ต : บำรุงและช่วยผลัดผิวอย่างอ่อนโยน
- แตงกวา : เพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง
ข้อควรรู้ : การรักษากระด้วยการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติบางชนิด เช่น มะนาว หรือกรดจากผลไม้ อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง และเพิ่มความไวต่อแสงแดดได้ จึงแนะนำให้ใช้ในช่วงเวลากลางคืน และควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอทุกวัน เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายเพิ่มเติมครับ
การรักษากระด้วยเวชสำอาง
การรักษากระด้วยเวชสำอาง เป็นการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skincare) ที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ (Active Ingredients) ซึ่งถูกวิจัยและพัฒนามาเพื่อจัดการกับปัญหาเม็ดสีผิวโดยเฉพาะ เป็นวิธีที่เห็นผลชัดเจนกว่าวิธีธรรมชาติ แต่ยังคงต้องใช้ความต่อเนื่องและความสม่ำเสมอในการดูแลผิวจึงจะเห็นผลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยส่วนผสมสำคัญที่ควรมองหาในสกินแคร์ ได้แก่
- เรตินอล (Retinol) ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ กระ และฝ้า ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- กรดผลไม้ (AHA, BHA, LHA, PHA) ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน ปรับผิวให้เรียบเนียนและกระจ่างใส เหมาะสำหรับผู้ที่มีกระตื้นและรอยด่างดำ
- วิตามินซี (Vitamin C) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี ลดรอยกระ รอยดำ พร้อมปรับผิวให้กระจ่างใส
- อาร์บูติน (Arbutin) ช่วยยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดสี จึงช่วยลดการเกิดกระและจุดด่างดำ
- Niacinamide หรือวิตามินบี 3 ช่วยลดความหมองคล้ำ ปรับสมดุลสีผิวให้สม่ำเสมอ อีกทั้งยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
- Licorice Extract ช่วยลดการอักเสบ ยับยั้งเม็ดสีเมลานิน และมีส่วนช่วยปรับสีผิวอย่างอ่อนโยน
- N-Acetyl Glucosamine (NAG) มีคุณสมบัติเป็น Whitening ลดเลือนกระ จุดด่างดำ และช่วยกระตุ้นการสร้าง Hyaluronic Acid
การรักษากระด้วยหัตถการทางการแพทย์
การรักษากระด้วยหัตถการทางการแพทย์ เป็นวิธีการรักษาที่เห็นผลลัพธ์รวดเร็วและชัดเจนที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากระจำนวนมาก มีสีเข้ม หรือเป็นกระลึก ซึ่งการดูแลทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยแพทย์จะประเมินสภาพผิวและเลือกเทคนิคที่เหมาะสมครับ
- เลเซอร์กระ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยแพทย์จะใช้พลังงานแสงเลเซอร์ยิงเข้าไปทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติให้แตกตัวออก แล้วร่างกายจะกำจัดออกไปเองตามธรรมชาติ เหมาะกับกระตื้น กระแดด และกระลึกบางกรณี
- IPL (Intense Pulsed Light) เป็นการใช้พลังงานแสงความเข้มข้นสูงหลายช่วงคลื่น เพื่อทำลายเม็ดสี เหมาะสำหรับรักษากระตื้นและกระแดด ช่วยให้หน้าโดยรวมดูกระจ่างใสขึ้น
- การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peeling) แพทย์จะใช้กรดที่มีความเข้มข้นสูงกว่าในสกินแคร์ทั่วไป ทาลงบนผิวเพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิวในระดับที่ลึกขึ้น ช่วยกำจัดกระตื้นและรอยดำต่าง ๆ
- การจี้ด้วยความเย็น (Cryosurgery) เป็นการใช้ไนโตรเจนเหลวที่มีอุณหภูมิต่ำมากจี้ลงไปบนจุดกระ เพื่อทำลายเซลล์ที่สร้างเม็ดสีผิดปกติ มักใช้กับกระเนื้อหรือกระแดดบางชนิด
- เมโสหน้าใส (Meso Therapy) เป็นหัตถการที่ช่วยลดเลือนและชะลอการกระจายตัวของกระ ด้วยการฉีดสารบำรุงต่าง ๆ เข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง เข้าไปยับยั้งการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี ส่งผลให้รอยฝ้า กระ และจุดด่างดำดูจางลง พร้อมฟื้นฟูให้ผิวโดยรวมดูกระจ่างใส เรียบเนียน
สำหรับโปรแกรม เมโสหน้าใส ที่ V Square Clinic มีให้เลือกหลายสูตร หลายยี่ห้อ เช่น Tensonez ปรับผิวขาวใส, Neoclear ยับยั้งการสร้างเม็ดสี สลายกระ จุดด่างดำ, Filorga ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ, Neo-Glutanex Glow ลดกระ เติมความชุ่มชื้น และ Alpha Arbutin ที่เน้นลดฝ้ากระโดยตรง โดยทุกเคสแพทย์จะตรวจประเมินผิวก่อนเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้จะได้สูตรเมโสที่เหมาะกับสภาพผิวมากที่สุด
รักษากระอย่างตรงจุด ด้วยเลเซอร์
ปัจจุบันเทคโนโลยีเลเซอร์มีการพัฒนาอย่างก้าวหน้า ทำให้การรักษากระ จุดด่างดำ มีความแม่นยำ ปลอดภัย และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง โดยเลเซอร์แต่ละชนิดถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาเม็ดสีในชั้นผิวที่แตกต่างกัน สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะของกระแต่ละประเภทได้ ดังนี้
Pico Laser รักษากระตื้น กระแดด กระลึก
Pico Laser หรือ Picosecond Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวที่เกี่ยวข้องกับเม็ดสีโดยเฉพาะ สามารถปล่อยพลังงานเลเซอร์ด้วยความเร็วระดับพิโควินาที (1 ในล้านล้านวินาที) ทำให้เม็ดสีแตกละเอียดเป็นอนุภาคเล็กมาก คล้ายฝุ่นผงขนาดเล็กที่ร่างกายสามารถกำจัดออกได้อย่างรวดเร็ว จึงเห็นผลการรักษาได้ไว โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง
จุดเด่น : ลดเลือนเม็ดสีผิดปกติบนผิว รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมหลายปัญหาผิวในเครื่องเดียว ไม่ทำให้เกิดสะเก็ดใหญ่ ผิวฟื้นตัวไว
เหมาะกับ : กระตื้น, กระลึก, กระแดด ที่หน้า, ฝ้า, รอยดำ, รอยแดง และ หลุมสิวตื้น ๆ
Fotona Laser รักษากระเนื้อ กรอผิวใส กำจัดไฝ ขี้แมลงวัน
Fotona Laser คือเทคโนโลยีเลเซอร์แบบ Duo Wavelength ที่รวมพลังงานของเลเซอร์ 2 ชนิดไว้ในเครื่องเดียว ได้แก่ Er:YAG 2940 nm และ Nd:YAG 1064 nm
สำหรับการรักษากระชนิดที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน เช่น กระเนื้อ ไฝ หรือขี้แมลงวัน จะใช้พลังงานเลเซอร์ชนิด Er:YAG เป็นหลัก ซึ่งจะทำหน้าที่กำจัดติ่งเนื้อส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกไปอย่างอ่อนโยนและแม่นยำโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียน
จุดเด่น : สามารถกำจัดกระเนื้อได้อย่างแม่นยำ ทำให้ขอบแผลเรียบเนียนสวย ไม่มีเลือดออกหลังทำ และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิว เพื่อฟื้นฟูผิวบริเวณนั้นให้แข็งแรงขึ้น
เหมาะกับ : กระเนื้อ, ไฝ, ขี้แมลงวัน หรือต้องการกรอผิวเพื่อให้ใบหน้าดูเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้น
โปรแกรมเลเซอร์รักษากระ ที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?
เลเซอร์กระ ที่ V Square Clinic ดูแลโดยแพทย์มากประสบการณ์ด้านการทำเลเซอร์ผิวใส ใส่ใจทุกขั้นตอน ก่อนทำมีการตรวจประเมินสภาพผิว เริ่มตั้งแต่การสแกนใบหน้า วิเคราะห์อย่างละเอียด วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล และมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คนไข้มั่นใจได้ว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ทั้งระดับเม็ดสี ความหนาแน่นของรูขุมขน และสภาพความสมดุลของผิว
(นพ.สุรนาถ ดีสุวรรณ์ เลข ว.46313)
ที่สำคัญ ที่ V Square Clinic ใช้เครื่องเลเซอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน มีเครื่องเลเซอร์หลายประเภทไม่ว่าจะเป็น Picosure Pro, Pico Plus, Fotona Laser, Bellalux Lite และ Sylfirm สามารถปรับหรือผสมผสานการรักษา ออกแบบให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล ช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้ครอบคลุม ทั้ง ฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยสิว ครบจบในที่เดียว
รีวิวเลเซอร์กระ ที่ V Square Clinic
เลเซอร์กระ ราคาโปรโมชัน 2025
วิธีป้องกันไม่ให้หน้าเป็นกระ
การดูแลผิวอย่างถูกวิธีในชีวิตประจำวันถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยง ป้องกันไม่ให้สีกระเข้มขึ้น หรือเกิดกระใหม่เพิ่มขึ้น โดยคนไข้สามารถดูแลตัวเองได้ง่าย ๆ ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดช่วงเวลา 10.00-16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่รังสี UV เข้มข้นที่สุด
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และ PA+++ หรือมากกว่า ควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง หากอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
- ใส่หมวกหรือกางร่มเมื่อต้องออกแดด ช่วยป้องกันแสงแดดโดยตรงบนใบหน้า ลดการกระตุ้นการสร้างเม็ดสี
- สวมแว่นกันแดดที่มี UV Protection เพื่อป้องกันบริเวณรอบดวงตา ซึ่งเป็นจุดที่บางและไวต่อแสง
- หลีกเลี่ยงแสงจากหน้าจอ (Blue Light) แสงสีฟ้าจากมือถือและคอมพิวเตอร์อาจกระตุ้นการสร้างเม็ดสีได้ ควรใช้โหมดถนอมสายตา และพักสายตาทุก 20 นาที
- ดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี หรือไนอะซินาไมด์ เพื่อช่วยลดการเกิดเม็ดสีและปกป้องผิวจากมลภาวะ
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว เพราะผิวที่อักเสบหรือระคายเคืองง่าย จะมีโอกาสเกิดเม็ดสีผิดปกติได้มากขึ้น
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด เพราะการพักผ่อนน้อยและความเครียดสามารถกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกระ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ กระ และจุดด่างดำ
กระ อันตรายไหม ?
โดยทั่วไป กระ ไม่ใช่โรคผิวหนังที่อันตรายครับ เป็นเพียงความผิดปกติของเม็ดสีที่ทำให้เกิดจุดด่างดำบนผิวเท่านั้น แต่หากจุดดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ เช่น มีสีเข้มขึ้น ขอบไม่เรียบ ขยายขนาดเร็ว หรือมีเลือดออก ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์ผิวหนัง เพื่อแยกโรคผิวหนังอื่น ๆ ที่อาจมีความรุนแรงกว่า
กระ หายเองได้ไหม ?
กระบางชนิด เช่น กระแดด กระตื้น อาจจางลงได้เองหากหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดอย่างต่อเนื่อง และดูแลผิวอย่างเหมาะสม แต่ในหลายกรณี โดยเฉพาะกระที่มีลักษณะลึกหรือเกิดจากพันธุกรรม จะไม่หายไปเองอย่างถาวรครับ และจำเป็นต้องใช้การรักษา เช่น การเลเซอร์กระ หรือเวชสำอางร่วมด้วย
กระ กับ ฝ้า ต่างกันอย่างไร ?
กระและฝ้า เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากเม็ดสีผิดปกติคล้ายกัน แต่มีลักษณะต่างกันดังนี้
- กระ เป็นจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ กระจายตัวบนผิวหนัง มักเกิดจากกรรมพันธุ์หรือการสัมผัสแสงแดด พบได้ตั้งแต่วัยเด็ก และมีสีเข้มขึ้นเมื่อโดนแดด
- ฝ้า เป็นปื้นสีน้ำตาลหรือน้ำตาลเทา ขนาดใหญ่กว่ากระ มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนร่วมกับการโดนแดด พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทำงานหรือสตรีตั้งครรภ์
สรุป “กระ” จุดเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม
กระ เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยจากแสงแดด พันธุกรรม หรือฮอร์โมน แม้จะไม่อันตราย แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจลุกลามหรือฝังลึกจนรักษายากขึ้น การป้องกันด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำ หลีกเลี่ยงแสง UV และเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม เช่น การเลเซอร์รักษากระ จะช่วยให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน กระจ่างใสได้อย่างปลอดภัยและเห็นผลครับ
อ้างอิง
- https://aesla.com/picosure-pro-755nm-picosecond-laser-th/
- https://www.cynosurelutronicemea.com/product/picosure-pro/
- https://www.fotona.com/en/products/2027/sp-dynamis/
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32410249/
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/28979660/



