โบท็อกซ์อังกฤษ Dysport
โบท็อกซ์อังกฤษ Dysport มีข้อดี ต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร ?
ถ้าเราสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์จากอินเทอร์เน็ตหรือสื่อโฆษณาต่าง ๆ จะพบว่าโบท็อกซ์มีหลายยี่ห้อ นำเข้ามาจากหลายประเทศและราคาก็แตกต่างกันไป โบท็อกซ์ Dysport ก็เป็นโบท็อกซ์ยี่ห้อหนึ่งซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งดารานักแสดง คนดัง รวมถึงคลินิกเสริมความงามชั้นนำในประเทศไทย
ในบทความนี้ หมอจะมาแนะนำโบท็อกซ์อังกฤษ Dysport ให้รู้จักมากขึ้น คุณสมบัติเป็นอย่างไร ดีไหม แตกต่างจากโบท็อกเกาหลี โบท็อกอเมริกาอย่างไร พร้อมแนะวิธีสังเกตโบท็อกซ์อังกฤษของแท้ ทุกข้อมูลที่ควรรู้รวมไว้ในบทความนี้แล้วครับ
สารบัญ โบท็อกอังกฤษ Dysport
โบท็อกซ์อังกฤษ Dysport คืออะไร ?
เมื่อพูดถึง โบท็อกซ์ (Botox) คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าคือการเรียกรวมถึงสาร Botulinum toxin ทุกยี่ห้อ แต่ในความเป็นจริง Botox เป็นเพียงชื่อทางการค้าของสาร Botulinum toxin ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งผลิตและพัฒนาโดยบริษัท Allergan (สหรัฐอเมริกา) ครับ
ในประเทศอังกฤษ มีบริษัทที่ชื่อว่า Ipsen ได้ผลิตสาร Botulinum toxin นี้ได้เช่นกัน โดยตั้งชื่อทางการค้าว่า Dysport® คนไทยจะนิยมเรียกว่าโบท็อกอังกฤษ หรือบางคนเรียกว่าโบท็อกซ์ ABO ก็มีครับ
จุดเด่นของโบท็อกซ์อังกฤษ คือมีการกระจายตัวได้กว้าง เมื่อฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อจะไม่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ จึงเหมาะกับการฉีดยกกระชับด้วยเทคนิค dermolift และช่วยลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ โดยจะรู้สึกตึงประมาณ 50% เบาสบาย ไม่ทำให้หน้าแข็ง และด้วยคุณสมบัติที่กระจายตัวได้ดีนี้ จึงเหมาะกับการฉีดในกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ต้องการพื้นที่หวังผลกว้าง เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ลดต้นแขน ลดน่อง ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัวครับ
โบท็อกซ์อังกฤษ Dysport ต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร ?
สิ่งแรกที่คนไข้มักเกิดความสับสนคือ จำนวนยูนิตของโบท็อกอังกฤษครับ โดยโบท็อกซ์ Dysport ปริมาณ 300 ยูนิตจะเทียบเท่าได้กับ 100 ยูนิตของโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่น ๆ ซึ่งเป็นจุดที่ควรระวัง เพราะบางคลินิกจัดโปรโมชั่นโบท็อกอังกฤษ 100 ยูนิต และไม่ชี้แจงถึงประสิทธิภาพของตัวยา ทำให้ดูเหมือนว่าราคาถูก แต่จริง ๆ แล้วเทียบประสิทธิภาพเท่ากับโบท็อกอเมริกาแค่ 40 ยูนิตครับ
ในกระบวนการผลิตโบท็อก Dysport ได้มีการพัฒนาให้โมเลกุลมีขนาดเล็กลง โดยใช้วิธีลดขนาด Accessory protein ทำให้ตัวยาเกิดการกระจายตัวได้ดี โบท็อกแพร่ไปยังปลายเส้นประสาทได้เร็วขึ้น โอกาสดื้อโบท็อกน้อยลง และพัฒนาในส่วน Heavy chain เพื่อให้โบท็อกเข้าเซลล์ประสาทได้ดีขึ้น และออกฤทธิ์ไวขึ้นครับ
จากภาพ เป็นการเปรียบเทียบคุณสมบัติการกระจายตัวของโบท็อก Allergan (ฉีดบนหน้าผากด้านซ้าย) และ Dysport (ฉีดบนหน้าผากด้านขวา) จะเห็นว่าหน้าผากด้านขวาที่ฉีดด้วย Dysport มีการออกฤทธิ์เป็นวงที่กว้างกว่า เนื่องจากเกิดการกระจายตัวได้ดีกว่านั่นเองครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี อเมริกา / เกาหลี / อังกฤษ / เยอรมัน ต่างกันอย่างไร ?
ฉีดโบท็อกซ์อังกฤษ Dysport ตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
โบท็อกซ์ Dysport สามารถนำไปฉีดในตำแหน่งต่าง ๆ ได้เหมือนโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นครับ ได้แก่
- การฉีดบริเวณใบหน้าเพื่อลดริ้วรอย
- ฉีดลดกราม ปรับหน้าเรียว
- ฉีดลดขนาดน่อง
- ลดขนาดกล้ามแขน
- ลดเหงื่อรักแร้ ลดเหงื่อฝ่ามือ ฝ่าเท้า
โบท็อกซ์อังกฤษ Dysport ทำงานอย่างไร ?
ในกระบวนการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ Dysport จะใช้ส่วนของโมเลกุล 2 ส่วนหลัก คือ ส่วน Heavy chain จะทำหน้าที่จับและนำโมเลกุลโบท็อกเข้าสู่เซลล์ประสาท และส่วน Light chain ที่ทำหน้าที่จับกับ SNARE proteins เพื่อยับยั้งการหลั่ง Acetylcholine ที่ปลายประสาท จึงทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ เมื่อกล้ามเนื้อทำงานได้น้อยลง จึงมีขนาดเล็กลงหรือเกิดการคลายตัวมากขึ้นนั่นเองครับ
และยังมีโมเลกุลโบท็อกอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ถูกดูดซึมเข้าในเซลล์ประสาท ส่วนนี้จะปลิวไปตามกระแสเลือดในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชม. หลังฉีด และถูกขับออกไปโดยไม่ส่งผลต่อเซลล์อื่นในร่างกายครับ
เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง โบท็อกจะค่อย ๆ สลายได้เองตามกระบวนการทางธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดผลเสียระยะยาวครับ
กลไกการออกฤทธิ์ของสาร Botulinum toxin
โบท็อกซ์อังกฤษ Dysport เหมาะกับใคร ?
- โบท็อกซ์ Dysport เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงแข็งเกินไป เบาสบายผิว
- โบท็อกซ์ Dysport เหมาะกับผู้ที่ต้องการลิฟท์กรอบหน้า ยกกระชับหน้าด้วยเทคนิค Dermolift และต้องการเห็นผลเร็ว
- โบท็อกซ์ Dysport เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อต้นแขน น่อง โบท็อกมีคุณสมบัติกระจายตัวกว้าง ลดขนาดกล้ามเนื้อมัดใหญ่ได้ดี
- โบท็อกซ์ Dysport เหมาะกับผู้ที่ต้องการ ลดกลิ่นเหงื่อ รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า จะกระจายตัวครอบคลุมต่อมเหงื่อได้ดี เหงื่อแห้งสนิทมากกว่ายี่ห้ออื่น
โบท็อกซ์อังกฤษ Dysport ราคาเท่าไหร่ ?
โปรโบท็อก อังกฤษ Dysport
- ลดกราม ปรับหน้าเรียว 300 ยู ราคา 16,999 บาท
- ลดกรามและลดริ้วรอยทั่วหน้า ลิฟท์กรอบหน้าเทคนิค Dermolift 300 ยู ราคา 18,999 บาท
- ลดต้นแขน ลดน่อง ลดเหงื่อ 300 ยู 18,999 บาท
- ลดต้นแขน ลดน่อง ลดเหงื่อ 600 ยู ราคา 34,000 บาท
รีวิวฉีดโบท็อกซ์อังกฤษ Dysport
ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก Dysport ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา และที่สำคัญคือควรดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในแต่ละคลินิกจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น Pantip, wongnai และ Facebook review เพราะเป็นเว็บที่คลินิกไม่สามารถเข้าไปลบได้ นอกจากนี้ควรขอดูภาพรีวิวก่อน-หลังการทำหัตถการเพื่อช่วยในการตัดสินใจอีกครั้งครับ
รีวิวการฉีดโบท็อกที่ V square clinic
รีวิวฉีดโบท็อกลดริ้วรอยทั่วหน้าด้วยโบท็อกยี่ห้อ Dysport 300 U ที่ V square clinic
รีวิวโบท็อก Dysport
รีวิวการฉีดโบท็อกที่ V square clinic
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดโบท็อกซ์อังกฤษ Dysport
หลังฉีดโบท็อกอังกฤษ Dysport อาจมีอาการตึง บวมเล็กน้อยในบริเวณรอยเข็มที่ฉีดได้ ซึ่งเป็นอาการปกติ ไม่ถือว่าเป็นผลข้างเคียงที่อันตราย รอยเข็มเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน ส่วนในรายที่มีอาการแพ้โบท็อก จะมีเพียงผดเล็ก ๆ ที่สามารถหายได้เองหรือทานยาแก้แพ้ได้ แต่โอกาสที่จะแพ้โบท็อกมีน้อยมากครับ
และเนื่องจากโบท็อกอังกฤษ Dysport เป็นโบท็อกที่มีการกระจายตัวได้ดี การฉีดริ้วรอยในจุดต่าง ๆ บนใบหน้าต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพราะหากฉีดด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง ตัวยามีโอกาสจะกระจายตัวไปยังบริเวณข้างเคียงได้ ส่งผลให้ปากเบี้ยว คิ้วตก ตาตก ยิ้มไม่สุดได้
โบท็อกอังกฤษ Dysport ของแท้ ผ่านการรับรอง FDA และอย.ในประเทศไทย มีความปลอดภัยสูง แต่ทั้งนี้ต้องตรวจสอบโบท็อกของแท้ก่อนฉีดทุกครั้ง และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ
วิธีสังเกตโบท็อกเยอรมัน Dysport ของแท้
วิธีดูโบท็อกซ์แท้ Dysport
- เปิดกล่องด้านหน้า
- มีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทย
- เลข Lot. ตรงกัน 2 จุด คือ เลข Lot. ที่กล่อง และเลข Lot. ที่ขวด
- เป็นผลึกยาอยู่ที่ก้นขวด ไม่มีน้ำ ต้องใส่น้ำเกลือแล้วดูดยาออกมา
- สามารถโทรเช็กเลข Lot. กับบริษัทนำเข้า บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) โทร. 02-023-1800 ต่อ 402
อ่านบทความเพิ่มเติม : ข้อควรรู้! ก่อนฉีดโบท็อก จากคำแนะนำของทีมแพทย์ V Square Clinic
หลังฉีดโบท็อกซ์อังกฤษ Dysport ดูแลอย่างไร ?
มีข้ออฏิบัติหลังฉีดโบท็อก เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ดีและอยู่ได้นาน ที่สามารถปฏิบัติตามได้ง่าย ๆ ดังนี้
- หลังฉีดโบท็อกควรขยับกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง และควรบริหารกล้ามเนื้อทั้งหมดที่ฉีดเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด
- งดนอนราบ 3 ชั่วโมงและงดการก้มหน้าต่ำกว่าระดับหัวใจ
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น เข้าซาวน่า ตากแดด ทำเลเซอร์ร้อน เป็นเวลา 14 วัน
- ถ้าอยากรักษาผลของโบท็อกไว้สามารถมาฉีดเพิ่มได้แต่ควรเว้นระยะอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อป้องกันการดื้อยาครับ
วิธีปฏิบัติก่อนและหลังการฉีดโบท็อก
อ่านบทความเพิ่มเติม : [ข้อห้าม] หลังฉีดโบท็อก เพื่อให้โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกติ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ
เรตินอล คืออะไร อันตรายไหม ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
Reading Time: 2 minutes - เรตินอล คืออะไร มีกี่แบบ - เรตินอล ทำงานอย่างไร - การใช้เรตินอลช่วยอะไรได้บ้าง - ข้อควรระวังการใช้เรตินอล - ถ้าไม่ใช้เรตินอล มีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยบำรุงผิว
เลเซอร์ขนขาครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง ข้อดี-ข้อควรระวัง เครื่...
Reading Time: 4 minutes - วิธีการกำจัดขนขา - หลักการทำงานของ Laser ขนขา - ข้อดี - ข้อควรระวังของการ Laser ขนขา - เลเซอร์ขนขาครั้งแรกควรเตรียมตัวอย่างไร ? - ข้อควรรู้ก่อนเลเซอร์ขนขา
เลเซอร์บิกินี่ คืออะไร ? มีกี่แบบ ? ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล...
Reading Time: 4 minutes - เลเซอร์บิกินี่ คืออะไร ? - เลเซอร์บิกินี่ กับ บราซิลเลี่ยน ต่างกันยังไง ? - เลเซอร์บิกินี่อันตรายไหม ? - ความเสี่ยง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น- หลังทำเลเซอร์บิกินี่
เลเซอร์ขนจิมิ กำจัดขนน้องสาวครั้งแรก เตรียมตัวอย่างไร ? เ...
Reading Time: 3 minutes - เลเซอร์ขนจิมิ คืออะไร ? - เลเซอร์ขนจิมิมีกี่แบบ ? แบบไหนเหมาะกับเรา ? - เลเซอร์ขนจิมิอันตรายไหม ? - เลเซอร์ขนจิมิช่วยอะไรได้บ้าง ? - ข้อดี ข้อเสียเลเซอร์ขนจิมิ มีอะไรบ้าง ?
collagen คืออะไร ? มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ?
Reading Time: 4 minutes - collagen คือ - คุณสมบัติของ collagen - ประโยชน์ของ collagen ช่วยอะไรได้บ้าง ? - collagen นำไปใช้ทำอะไรบ้าง ? - collagen มีกี่ประเภท ?
Skin Booster คืออะไร ? ดีอย่างไร ? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? เ...
Reading Time: 5 minutes Skin Booster คืออะไร มีความอันตรายหรือไม่ และเหมาะสำหรับใครบ้าง ? บทความนี้หมอจะพาไปค้นหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ ว่าสกินบูสเตอร์แต่ละตัวช่วยอะไรได้บ้าง สามารถฉีดได้ที่ตำแหน่งใดบ้าง ราคาเท่าไหร่ ฉีดอย่างไรให้คุ้มค่า ?
