Diode Laser VS YAG
Diode Laser VS YAG ต่างกันอย่างไร ? เครื่องเลเซอร์แบบไหนดีกว่ากัน ? แม้ว่าจะสามารถกำจัดขนได้เหมือนกันทั้งคู่ แต่ในแง่ของพลังงาน ความยาวคลื่น ตำแหน่งกำจัดขนที่เหมาะสม รวมถึงสีขน สีผิว มีความแตกต่างกันครับ
มาดูความแตกต่างระหว่าง Diode Laser VS YAG คืออะไร ? ข้อดี ข้อจำกัด ทำอันไหนเจ็บน้อยกว่า ? เห็นผลชัด กำจัดขนได้เกลี้ยงเกลา หมออธิบายในความนี้ครับ
สารบัญ Diode Laser VS YAG
Diode Laser คืออะไร ?
Diode Laser คือ เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้ในการกำจัดขนที่มีประสิทธิภาพ มีความยาวคลื่นหลากหลายตั้งแต่ 800-1,350 nm ที่นิยมใช้จะอยู่ในช่วง 800-810 nm
พลังงานที่ยิงสามารถลงลึกถึงชั้นผิวหนัง กำจัดขนได้ถึงรากขน โดยไม่ทำให้ผิวรอบข้างเกิดการระคายเคืองหรือบาดเจ็บ สามารถกำจัดขนได้ทุกสีผิว โดยเฉพาะเส้นขนขนาดใหญ่ เช่น บริเวณขนแขน ขนขา
ข้อดี Diode Laser
- มีประสิทธิภาพในการกำจัดขนบริเวณต่าง ๆ ได้ดี
- สามารถกำจัดขนได้ทุกสีผิว
- เหมาะกับเส้นขนขนาดใหญ่
- เหมาะกับบริเวณกว้าง ๆ เช่น ขนแขน ขนขา
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนทำให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส
ข้อจำกัด Diode Laser
- หากยิงเบาจะเป็นการกระตุ้นเส้นเลือดทำให้ขนเส้นหนาได้
- ต้องใช้เจลเย็นในการลดความร้อนระหว่างทำ เสี่ยงติดเชื้อได้ หากขั้นตอนไม่ Hygienic
YAG Laser คืออะไร ?
YAG Laser คือ การเลเซอร์กำจัดขนด้วยเครื่อง Yag มีความยาวคลื่น 1064 nm พลังงานที่ปล่อยออกมาและถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เข้าไปทำลายรากขน ความร้อนจากเลเซอร์จะทำให้รากขนค่อย ๆ ฝ่อลงและหลุดร่วงไปในที่สุด
ข้อดี YAG Laser
- สามารถกำจัดขนได้ดี โดยเฉพาะบริเวณจุดเล็ก ๆ หรือบริเวณที่ต้องเก็บรายละเอียด เช่น ขนบริเวณจุดซ่อนเร้น (เลเซอร์ขนจิมิ, เลเซอร์ขนน้องชาย) ขนรักแร้ ขนบริเวณใบหน้า
- พลังงานลงลึก ทำลายรากขนได้แม่นยำ ไม่ทำร้ายผิวโดยรอบ
- เหมาะกับทุกสีผิว ทุกขนาดเส้นขน
ข้อจำกัด YAG Laser
- อาจมีความรู้สึกเจ็บ จึงต้องใช้ควบคู่กับเครื่องเป่าลมเย็น
เลเซอร์ในกลุ่มเครื่อง Yag Laser มีหลายเครื่องครับ เช่น Long Pulse ND Yag, Gentle Yag, Erbium Yag Laser, Laser Q Switch ND Yag
การเลือกใช้เลเซอร์แต่ละประเภท ควรพิจารณาจากปัญหาของขน และสภาพผิวของคนไข้เอง แต่หากต้องการกำจัดขนอย่างมีประสิทธิภาพ ลดขนถาวร ไม่เสี่ยงผิวไหม้ ไม่มีขนคุด เลเซอร์ Long Pulse ND Yag 1064 เป็นทางเลือกที่ดี และเหมาะสมที่สุดครับ
เปรียบเทียบ Diode Laser VS YAG ต่างกันอย่างไร ?
| เครื่องเลเซอร์ขน | Diode YAGLaser | YAG 1064 |
|---|---|---|
| ความลึกของค่าพลังงาน | 800-1350 nm | 1064 nm |
| เหมาะกับเส้นขนแบบไหน | สามารถกำจัดขนได้ทุกสีผิว เหมาะกับเส้นขนขนาดใหญ่ | สามารถกำจัดขนได้ทุกสีผิว ทุกขนาดเส้นขน |
| จุดเด่น | เหมาะกับการกำจัดขนในบริเวณกว้าง ๆ เช่น ขนแขน ขนขา | มีค่าพลังงานในการกำจัดจนได้ลงลึกที่สุด ทำลายรากขนได้แม่นยำ โดยไม่ทำร้ายผิวโดยรอบ |
| ข้อคำนึง | หากยิงเบาไป จะเป็นการกระตุ้นให้ขนหนาขึ้นได้ | อาจมีความรู้สึกเจ็บ จึงต้องใช้ควบคู่ไปกับเครื่องพ่นลมเย็น |
Diode Laser VS YAG ราคาเท่าไหร่ ? ต่างกันมากไหม ?
ราคาของ Diode Laser VS YAG จะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก คือ ยี่ห้อเครื่องที่ใช้ บริเวณที่ทำ และมาตรฐานการบริการ
โดยทั่วไป Diode Laser มักจะมีราคาเริ่มต้นที่ย่อมเยากว่า เห็นได้จากหลายคลินิกเลเซอร์ขนทำโปรโมชันราคาถูกมาก ๆ เนื่องจากต้นทุนเครื่องไม่สูงเท่ากลุ่มเครื่อง Yag ประสิทธิภาพเครื่องต่ำกว่า และมาตรฐานการบริการอาจไม่พรีเมียมมากนัก
ส่วน Long Pulse ND Yag Laser ราคาจะสูงกว่าครับ แต่ในแง่ความคุ้มค่าของราคากับผลลัพธ์ที่ได้ รากขนหลุดจริง ไม่เลี้ยงไข้ จบคอร์สได้ไวกว่า ก็ช่วยประหยัดงบในกระเป๋าได้มากกว่าในระยะยาว ดีกว่าทำราคาถูกแต่ต้องทำซ้ำ ๆ ไม่จบสิ้น อีกทั้งราคาที่สูงกว่ายังรวมถึงมาตรฐานการบริการที่พรีเมียมกว่าครับ
Diode Laser VS YAG แบบไหนเจ็บกว่ากัน
ความเจ็บเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลครับ ถ้าทำ Diode Laser ระหว่างทำจำเป็นต้องทาเจลเย็น เพื่อเป็นสื่อนำแสงและลดความร้อนที่ผิว ความรู้สึกจะเหมือนโดนถูวน ๆ อุ่น ๆ สบายผิว แต่ความเย็นของเจลอาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะบ้างหลังทำ
ขณะที่ Yag Laser สมัยก่อนหลายคนกลัว Yag เพราะขึ้นชื่อเรื่องความเจ็บ เหมือนหนังยางดีดแรง ๆ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาไปมากครับ มีระบบเป่าลมเย็นที่อุณหภูมิติดลบ เป่าไปพร้อม ๆ กับจังหวะยิงเลเซอร์ ช่วยให้สบายผิวขณะทำมากขึ้น จนแทบไม่รู้สึกเจ็บ ไม่ต้องแปะยาชา และไม่ต้องทาเจลเย็นครับ
Diode Laser VS YAG กี่ครั้งเห็นผล ?
เส้นขนของเราไม่ได้งอกพร้อมกันทั้งหมดครับ แต่จะแบ่งวงจรออกเป็นระยะเติบโต (Anagen) ระยะหยุดเติบโต (Catagen) ระยะหลุดร่วง (Telogen) และระยะขึ้นใหม่ (Exogen) ซึ่งเลเซอร์จะทำลายเฉพาะขนในระยะเติบโตเท่านั้น
- ครั้งที่ 1-3 : จะเริ่มสังเกตว่าเส้นขนบางลง สีอ่อนลง และขึ้นช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
- ครั้งที่ 5-8 : เป็นจำนวนครั้งที่แนะนำ เลเซอร์ขนกี่ครั้งหายถาวร ถ้าทำต่อเนื่อง 5-8 ครั้ง จะสามารถกำจัดขนได้ประมาณ 80-90% ผิวเรียบเนียนครับ
กำจัดขนด้วย Yag Laser มักจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนกว่า Diode Laser ในจำนวนครั้งที่เท่ากัน โดยเฉพาะในคนขนเส้นใหญ่และรากลึกครับ เพราะพลังงานลงไปจัดการที่ต้นตอ ลงลึกถึงรากขนได้ดีกว่าครับ
Diode Laser VS YAG เลือกแบบไหนดี ?
เครื่องเลเซอร์แต่ละแบบมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และมีความลึกของพลังงานที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละเครื่องจะเหมาะสมกับแต่ละปัญหาเส้นขนที่ไม่เหมือนกันครับ ตามที่หมออธิบายในตารางเปรียบเทียบข้างต้น
แนะนำโปรแกรม Cool Yag 1064 ลงลึกถึงรากขน เจ็บน้อย ขนหลุดไว
เลเซอร์ขนโปรแกรม Cool Yag 1064 ที่ V Square Clinic จะใช้เครื่อง Yag Laser ยี่ห้อ Light B Evo-Long Pulse Nd: YAG 1064 nm เป็นเครื่องที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งอเมริกา ยุโรป ไทย
ข้อดี Cool Yag 1064
- สามารถทำลายรากขนได้ลงลึกกว่า YAG Laser ทั่วไป
- กำจัดขนได้อย่างตรงจุด
- ไม่เป็นขนคุด ตุ่มหนังไก่
- ไม่เสี่ยงผิวไหม้ ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังบริเวณใกล้เคียง
- เหมาะกับทุกสีผิว และทุกขนาดเส้นขน (ยกเว้นขนหงอก)
- ทำอย่างต่อเนื่อง (5-8 ครั้ง) ขนบางลง กำจัดขนได้ถาวร
Cool Yag 1064 ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
Cool Yag 1064 สามารถกำจัดขนได้ทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น
- เลเซอร์รักแร้
- เลเซอร์หนวด
- เลเซอร์ขนหน้า
- เลเซอร์บราซิลเลี่ยน
- เลเซอร์บิกินี่
- เลเซอร์ขนจิมิ
- เลเซอร์แคม
- เลเซอร์ขนน้องสาว
- เลเซอร์ขนน้องชาย
- เลเซอร์ขนแขน
- เลเซอร์ขนขา
- เลเซอร์ขนทั้งตัว
- เลเซอร์นหน้าอก
- เลเซอร์ขนหน้าท้อง
- เลเซอร์ขนหลัง
- เลเซอร์ไรผม
การทำเลเซอร์ขนในแต่ละจุด จะใช้ค่าพลังงานที่ต่างกันแนะนำให้ทำกับแพทย์ หรือนักกายภาพ ซึ่งเป็น Laser Specialist ที่เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์โดยเฉพาะ มั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัย
ดูแลและยิงเลเซอร์โดยนักกายภาพ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Diode Laser VS YAG
เครื่อง YAG กับ ND YAG มีความแตกต่างกันในการเลือกใช้อย่างไร ?
ถ้าพูดถึง YAG ทั่วไปจะไม่ได้มีเครื่องเป่าลมเย็นแยก ปรับความเย็นไม่ได้ เจ็บขณะทำ ต้องทาเจลเย็น แต่ ND YAG คือเครื่อง Cool Yag Laser แตกต่างกันที่มีเครื่องเป่าลมเย็น เจ็บน้อยลง ขนหลุดไว
คนผิวคล้ำหรือผิวสองสี ควรเลือกทำ Diode หรือ YAG ดีกว่ากัน ?
สำหรับคนที่มีผิวสองสีหรือผิวคล้ำแนะนำ YAG (Long Pulse Nd: Yag) เพราะความยาวคลื่น 1064 nm ของ YAG สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังกำพร้าลงไปได้ลึก ลดความเสี่ยงเรื่องผิวไหม้ หรือรอยด่างขาวหลังทำ
เคยทำ Diode มาแล้วแต่ขนยังไม่หมด เปลี่ยนมาทำ YAG ต่อได้ไหม ?
หลายคนเริ่มต้นด้วย Diode เพราะราคาเข้าถึงง่ายในช่วงแรก แต่พอทำไปสักพักอาจเจอภาวะขนดื้อ หรือเหลือขนเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ที่เครื่อง Diode จับไม่ค่อยติด การเปลี่ยนมาใช้ YAG ที่มีความเข้มข้นของแสงสูงและลงลึกกว่า จะช่วยเก็บรายละเอียดเส้นขนที่เหลืออยู่ให้เกลี้ยงเกลาได้ดียิ่งขึ้นครับ
ขนคุดและตุ่มหนังไก่ เครื่องไหนเอาอยู่กว่ากัน ?
ปัญหาขนคุดเกิดจากอะไร ? ขนคุดและตุ่มหนังไก่มักเกิดจากเส้นขนใหม่ที่งอกขึ้นมาไม่พ้นผิว หรือม้วนตัวอยู่ใต้ผิวจนทำให้ผิวเป็นตุ่ม ๆ แข็ง ๆ ซึ่ง YAG Laser จะจัดการได้ดีกว่าครับ เพราะพลังงานของคลื่น 1064 nm ลงลึกถึงตำแหน่งที่รากขนเริ่มงอก ทำให้รากขนอ่อนแรงลง ขนใหม่จึงไม่ทิ่มย้อนเข้าใต้ผิวเหมือนเดิม อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนรอบรูขุมขน ทำให้ผิวที่เป็นตุ่มหนังไก่เรียบเนียนเร็วกว่า Diode อย่างชัดเจนครับ
ถ้ามีขนหงอก เลเซอร์ตัวไหนกำจัดได้ ?
ทั้ง Diode และ YAG ไม่สามารถกำจัดขนหงอกหรือขนสีขาวได้ครับ เพราะหลักการของเลเซอร์คือการตรวจจับเม็ดสี (Melanin) ที่รากขน หากขนเป็นสีขาวคือไม่มีเม็ดสี เลเซอร์จะมองไม่เห็นครับ ดังนั้นใครที่เริ่มมีขนหงอกแซม หมอแนะนำให้รีบมาทำเลเซอร์กำจัดขน ตั้งแต่ตอนที่ขนยังเป็นสีดำอยู่ จะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ
สรุป Diode Laser VS YAG กำจัดขนต้อง Cool Yag 1064
Diode Laser VS YAG ในการเลือกใช้ควรประเมินตามสภาพผิว ปัญหาเส้นขน และผลลัพธ์ที่ได้ แม้ทั้งสองเครื่องจะกำจัดขนได้เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันชัดเจนในเรื่องความยาวคลื่น พลังงานที่ลงลึก และความเหมาะสมตามสีผิว ชนิดเส้นขน
สำหรับ YAG หรือโปรแกรม Cool Yag 1064 ที่ V Square Clinic พลังงานจะลงลึกกว่า ทำให้กำจัดขนได้เกลี้ยงกว่า เหมาะกับทุกสีผิว และใช้ได้แทบทุกตำแหน่งในร่างกาย จึงเห็นผลชัดเจนกว่าในจำนวนครั้งที่เท่ากัน ผลลัพธ์คุ้มค่าในระยะยาวครับ


