มือสั่น สาเหตุ แนวทางรักษาป้องกัน
“ มือสั่น ” เป็นอาการที่พบได้บ่อยและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การรับประทานอาหาร หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ใครที่มีอาการมือสั่นบ่อย ๆ อย่านิ่งนอนใจครับ มาเช็ก สาเหตุ อาการ และวิธีการจัดการกับอาการมือสั่นอย่างเหมาะสม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในบทความนี้
สารบัญ มือสั่น
รู้จักภาวะอาการ “มือสั่น”
มือสั่น คือ อาการที่มือสั่นหรือกระตุกโดยไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นขณะพัก หรือขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป เช่น
- ระดับ 1: สั่นเล็กน้อย แทบสังเกตไม่เห็น
- ระดับ 2: สั่นชัดเจน แต่ยังควบคุมการทำงานได้
- ระดับ 3: สั่นมาก ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
- ระดับ 4: สั่นรุนแรง ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้
ประเภทของมือสั่น
ระดับความรุนแรงของอาการมือสั่นมักสัมพันธ์กับโรค และปัจจัยร่วมอื่น ๆ โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ คือ
- Resting Tremor หรืออาการการสั่นขณะพัก มือสั่นเมื่ออยู่เฉย ๆ พบบ่อยในโรคพาร์กินสัน สามารถสังเกตเห็นได้เมื่อมือพักนิ่ง แต่ถ้ามีการเคลื่อนไหว อาการสั่นจะลดลงและหยุดหายไปเอง
- Intention Tremor หรือ มือสั้น ขณะเคลื่อนไหวเกิดขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น หยิบจับสิ่งของ จับปากกา ตักข้าวเข้าปาก ทำให้คนไข้ใช้ชีวิตประจำวันลำบาก มักเกิดจากความผิดปกติของสมองส่วน ซีรีเบลรัม (สมองน้อย Cerebellum) หรือเลือดไปเลี้ยงก้านสมองไม่เพียงพอ
- Postural Tremor หรือมือสั่นเมื่อยกมือ หรือยกแขน โดยอาการสั่นกลุ่มนี้จะมีความแรงและความถี่น้อยมาก จนแทบจะมองไม่เห็นด้วยตาหรือถ้าไม่ทำการตรวจอาจจะไม่เห็นเลยครับ
- Physiologic Tremor หรือ มือสั่นจากสภาวะจิตใจ คล้ายกับภาวะจิตประเภทหนึ่งเจอได้คนทั่วไปปกติ มือสั่นเมื่อตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่มีภาวะกดดันเมื่อต้องตั้งใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดความกลัว ความเครียด และจะดีขึ้นเมื่อไม่ได้เจอสิ่งกระตุ้นนั้น ๆ
สาเหตุของภาวะมือสั่น เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
สาเหตุของอาการมือสั่น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งบางครั้งก็อาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่บางครั้งก็อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัดครับ
สาเหตุของอาการมือสั่นที่พบได้บ่อย ๆ ได้แก่
- มือสั่นเพราะเครียดมาก วิตกกังวลมาก ๆ : ความเครียดหรือความวิตกกังวล เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยมาก ๆ ในกลุ่มคนทั่วไป เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล ตื่นเต้น ระบบประสาทจะมีการตอบสนอง ซึ่งอาจทำให้มือสั่น หัวใจเต้นเร็วได้เช่นกัน
- มือสั่นเพราะใช้สารกระตุ้น : สารกระตุ้นที่ทำให้มือสั่น เช่น คาเฟอีนในกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลัง การใช้สารกระตุ้นอาจทำให้เกิดการสั่นของมือได้ครับ
- มือสั่นเพราะมีภาวะไทรอยด์เป็นพิษ : ภาวะนี้ส่งผลให้มีระดับฮอร์โมนไทรอยด์สูงเกินไป อาจทำให้มือสั่นได้
- มือสั่นจะเป็นลม เพราะขาดน้ำหรือระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ : การขาดน้ำหรือการรับประทานอาหารที่ไม่เพียงพออาจทำให้เกิดอาการสั่น แต่หากได้รับการดูแล ดื่มน้ำ หรือได้รับน้ำตาล อาการก็จะดีขึ้นเอง
- มือสั่นเพราะการใช้ยาบางชนิด : ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดการสั่นของมือ
- มือสั่นจากโรคพาร์กินสัน : โรคพาร์กินสัน เป็นโรคทางระบบประสาทที่ทำให้เกิดการสั่นที่มือหรือส่วนอื่นของร่างกาย
- มือสั่นจากพันธุกรรม : ในบางครั้งพบว่าอาการสั่นอาจมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมหรือประวัติครอบครัว
- มือสั่นจากภาวะทางประสาทบางชนิด : เช่น โรคสั่นไม่ทราบสาเหตุ (Essential tremor) หรือภาวะการทำงานของระบบประสาทที่ผิดปกติ
มือสั่น เพราะขาดวิตามินจริงไหม วิตามินอะไร ?
การขาดวิตามิน สามารถทำให้เกิดอาการมือสั่นได้เช่นกันครับ แต่เป็นลักษณะมือสั่นเล็กน้อย และสั่นชั่วคราว โดยเฉพาะในกลุ่มวิตามินบี รวมถึงวิตามินเหล่านี้
- วิตามินบี (Vitamin B) มีบทบาทสำคัญในการสร้างเส้นประสาท หากร่างกายขาดอาจนำไปสู่การสั่นของมือ โดยเฉพาะ
- B1 ช่วยระบบประสาทและเผาผลาญพลังงาน
- B6 ช่วยสนับสนุนระบบประสาทและภูมิคุ้มกัน
- B12 ช่วยบำรุงระบบประสาทและสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
- วิตามินดี (Vitamin D) ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ หากร่างกายขาดอาจส่งผลต่อการควบคุมการเคลื่อนไหว
- แมกนีเซียม (Magnesium) มีบทบาทในการส่งสัญญาณประสาท การขาดอาจทำให้เกิดอาการมือสั่นได้
- โพแทสเซียม (Potassium) ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ความไม่สมดุลอาจนำไปสู่อาการสั่น
มือสั่น เสริมวิตามินดีไหม ?
การเสริมวิตามิน เพื่อลดอาการมือสั่น สามารถทำได้ครับ แต่ในเบื้องต้นควรตรวจเช็กหาสาเหตุที่แท้จริง คัดแยกโรคที่ทำให้เกิดอาการมือสั่น เช่น
- ตรวจคัดกรองโรค ด้วยการทดสอบในห้องปฏิบัติการ แพทย์จะทำตรวจเลือดและปัสสาวะ เพื่อตรวจหาโรคหรือภาวะต่าง ๆ เช่น โรคของต่อมไทรอยด์ ความผิดปกติของระบบเผาผลาญ หรือในกรณีที่รับประทานยาบางชนิด ก็จะมีการตรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผลข้างเคียงจากการใช้ยา ระดับของสารเคมีที่อาจทำให้เกิดอาการสั่น
- การตรวจเฉพาะทางเกี่ยวกับระบบประสาทและการรับความรู้สึก แพทย์จะตรวจสอบการทำงานของระบบประสาท รวมกับการทดสอบสมรรถภาพ เพื่อประเมินอาการสั่น โดยแพทย์เป็นต้น
หากแพทย์ตรวจประเมินแล้ว อาการมือสั่น สัมพันธ์กับการที่ร่างกายขาดวิตามิน การเสริมวิตามินที่ขาด ก็จะช่วยได้ครับ ซึ่งในปัจจุบันมีการเสริมทั้งในรูปแบบการรับประทาน และการดริปวิตามินครับ
มือสั่น เพราะเครียด ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เสริมวิตามินสูตรไหนดี ?
หากรู้สึกอ่อนเพลียทั้งที่ก็คิดว่าพักผ่อนเพียงพอ หรือทำงานหนัก มีความเครียด ปวดหัวไมเกรนบ่อยครั้ง จนทำให้มือสั่น รู้สึกไม่สดชื่นสดใส การเสริมวิตามินบำรุงสมอง Brain V Booster เป็นอีกตัวเลือกที่ช่วยได้รับ
ประโยชน์ สูตรดริปวิตามินบำรุงสมอง (Brain V Booster)
สูตรวิตามินบำรุงสมอง Brain V Booster จะประกอบด้วยวิตามินและตัวยาสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสามารถของสมอง เช่น
- วิตามินบีรวม (B Complex) ที่มีวิตามินบีหลายชนิดประกอบเข้าด้วยกัน เช่น
B1 : ช่วยระบบประสาทและเผาผลาญพลังงาน
B2 : ต้านอนุมูลอิสระและสนับสนุนการผลิตพลังงาน
B3 : ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและการไหลเวียนเลือด
B5 : ช่วยสร้างฮอร์โมนและเผาผลาญไขมัน
B6 : สนับสนุนระบบประสาทและภูมิคุ้มกัน
B7 : เสริมสร้างเส้นผม ผิวหนัง และเล็บ
B9 : สำคัญต่อการพัฒนาของเซลล์
B12 : บำรุงระบบประสาทและสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
วิตามินบีเหล่านี้จะทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนกระบวนการทางชีวเคมีและสุขภาพของร่างกาย บำรุงการทำงานของสมอง ความจำ และซ่อมแซมเส้นประสาทครับ
- กลูต้าไธโอน (Glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยล้างพิษและปกป้องเซลล์สมอง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง และเบาหวาน
นอกจากนี้ Glutathione ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยขับสารพิษออกจากตับ กำจัดโลหะหนักและสารพิษที่สะสมในร่างกาย สามารถลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น ช่วยในกระบวนการเมแทบอลิซึม ช่วยเผาผลาญโปรตีนและสารอาหารต่าง ๆ ในร่างกาย และช่วยปกป้องเซลล์สมองจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับระบบประสาทได้อีกด้วย - เปปไทด์ ( เช่น Cerebrolysin) ช่วยเพิ่มความสามารถของสมองในการซ่อมแซมตัวเองโดยการกระตุ้นการฟื้นฟูของระบบประสาท สามารถกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเซลล์สมอง (neuroregeneration) โดยช่วยเพิ่มการสร้างเซลล์ประสาทและการงอกใหม่ของเส้นใยประสาท ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อสมองที่เสียหายจากการบาดเจ็บ, โรคหลอดเลือดสมอง, หรือภาวะสมองเสื่อม และ ช่วยปรับปรุงการทำงานของสมองในด้านการเรียนรู้ ความจำ และสมาธิ
ดริปวิตามินสูตร Brain V Booster ที่ V Square Wellness Center
ที่ V Square Wellness Center มีให้บริการ ดริปวิตามินบำรุงสมอง Brain V Booster ราคา 3,900.-/ 1 ครั้ง สามารถให้ได้ทุก 2-4 สัปดาห์ ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ครับ
นอกจาก การดริปวิตามินสูตร Brain V Booster ที่ V Square Wellness Center ยังมีบริการให้คำปรึกษาโดยแพทย์ ไม่มีค่าใช้จ่าย และมีวิตามินหลายสูตรให้เลือก ทั้งวิตามินในกลุ่ม V Healthy Booster และมี V Bright Booster สำหรับคนที่ต้องการเน้นงานผิวโดยเฉพาะ
อาการมือสั่น เสี่ยงเกิดโรคอะไรได้บ้าง?
- โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease) มีลักษณะอาการมือสั่นเป็นอาการหลัก เกิดจากการเสื่อมของเซลล์สมอง ซึ่งโดยส่วนใหญ่ในระยะเริ่มต้นของโรคจะมีอาการ มือสั่น เท้าสั่น หรือนิ้วมือมักจะมีอาการสั่นให้เห็น
- โรคเส้นประสาทสั่น (Essential Tremor) มีลักษณะมือสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน มักพบในวัยกลางคนถึงสูงอายุ
- โรคไทรอยด์ (Thyroid Disorders) หรือ ภาวะไทรอยด์ทำงานเกิน สามารถส่งผลต่อระบบประสาทและการเคลื่อนไหว
- โรคปลอกประสาทเสื่อม (Multiple Sclerosis) สามารถทำลายเยื่อหุ้มเส้นประสาท จึงส่งผลต่อการควบคุมการเคลื่อนไหว
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เกิดความเสียหายของเนื้อสมอง จึงอาจทำให้เกิดอาการสั่นถาวรได้
ในกรณีที่พบว่าตัวคนไข้ หรือ คนรอบข้างมีอาการมือสั่นบ่อย ๆ และมีอาการแสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมครับ
มือสั่น รุนแรงแค่ไหน ต้องรับพบแพทย์
ผู้ที่มีอาการมือสั่นไม่รุนแรง และไม่กระทบกับชีวิตประจำวันมากนัก ยังสามารถ เขียนหนังสือได้ดี จับแก้วและยกดื่มน้ำได้ไม่หก หรือใช้มือจับช้อนตักข้าวทานได้ดี อาจดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ เช่น ลดความเครียด พักผ่อนให้เพียง รับประทานอาหารที่ประโยชน์ เพื่อให้อาการเบาลง หรือหายได้เอง แต่หากอาการมือสั่นกระทบกับการใช้ชีวิต แนะนำรีบพบแพทย์ครับ
สรุป มีอาการมือสั่นอย่านิ่งนอนใจ
เมื่อมีอาการ มือสั่น ควรสังเกตตัวเอง และดูแลตนเองในเบื้องต้น หากพบอาการต้องสงสัย ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับอาการมือสั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในกรณีที่ต้องการเสริมวิตามิน เพื่อบำรุงสมอง เพิ่มประสิทธิภาพระบบประสาทและสมอง ลดความเครียดสะสม ฟื้นฟูภาวะความจำเสื่อม Brain V Booster หรือสูตรอื่น ๆ สามารถปรึกษาแพทย์ได้ฟรี ที่ V Square Wellness Center ครับ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ ที่ควรรู้ เพื่อคงผลลัพธ์ให้อยู่นานขึ้น แต่ละจุดดูแลอย่างไร ?
Reading Time: 5 minutesเพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพ เห็นผลได้อย่างเต็มที่ การดูแลตัวเองหลังฉีด Filler นับว่ามีส่วนสำคัญมาก ๆ ครับ อะไรที่ต้องระวัง ? หลังฉีดฟิลเลอร์มีข้อปฏิบัติอะไรบ้าง ? หลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไร ? หลังฉีดเสร็จทันทีเป็นอย่างไร ? ใน 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดูแลตัวเองอย่างไร ?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ? สวีเดน อเมริกา ต่างกันอย่าง...
Reading Time: 4 minutesปัญหาใต้ตาหลาย ๆ แบบสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาครับ เช่น ร่องน้ำตา ตาลึก ตาโหล ใต้ตาคล้ำ มีถุงใต้ตา แต่จะเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ? ที่จะแก้ปัญหาใต้ตาได้ตรงจุด หมอมีแนวทางการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะกับบริเวณใต้ตามาแนะนำครับ
โบท็อก BOTULAX สัญชาติเกาหลี ดีอย่างไร ราคาแพงแค่ไหน ?
Reading Time: 5 minutesโบท็อกในปัจจุบันมีอยู่หลายยี่ห้อครับ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติเด่นที่แตกต่างกัน Botox Botulax เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความสนใจ และนิยมนำมาใช้เป็นอันดับต้น ๆ ในบทความนี้หมอจะอธิบายว่า Botulax ดีไหม ดีอย่างไร? ทำไม Botox Botulax ถึงได้รับความนิยม Botulax 100 U, Botulax 200 U แตกต่างกันอย่างไร?
Botox Allergan คืออะไร ? ดีอย่างไร ? allergan botox 50 – ...
Reading Time: 6 minutes Allergan คืออะไร ? ราคาเท่าไร ? ต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร ? เนื้อหาในบทความนี้ หมอมีข้อมูลเกี่ยวกับ โบท็อกยี่ห้อ Allergan มาแนะนำครับ พร้อมบอกข้อดี ข้อเสีย เปรียบเทียบแบบต่าง ๆ ที่ควรรู้ และโบท็อก Allergan ของแท้ดูอย่างไร ? สามารถติดตามอ่านได้ในบทความนี้ครับ
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม บวมกี่วัน ? หลังฉีดมีข้อปฏิบัติตัวอย่...
Reading Time: 5 minutesหลายคนที่มีร่องแก้มลึก มักเลือกแก้ปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่กังวลคือ หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม บวมกี่วัน ? เพราะกลัวว่าฉีดแล้วจะบวมเกินจนกลายเป็นก้อน ทำให้ต้องพักหน้าหลายวัน ใครที่กังวล หมอจะอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุดในบทความนี้ครับ ตั้งแต่ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม บวมกี่วัน ?
ก่อนฉีดโบท็อก ต้องอ่าน! 5 สิ่งที่หมออยากให้รู้ เพื่อผลลัพ...
Reading Time: 3 minutesก่อนฉีดโบท็อก สิ่งที่หมออยากให้รู้คือ “การเตรียมตัวก่อนฉีด” ส่งผลอย่างมากต่อผลลัพธ์ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นธรรมชาติ ความปลอดภัย หรือความคงทนของตัวยา บทความนี้เป็นสรุป 5 สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนฉีดโบท็อก แบบเข้าใจง่ายที่หมอรวบรวมมาแชร์ เพื่อใช้เป็นคู่มือในการฉีดโบท็อก และรวบรวมคำถามหรือข้อสงสัยต่าง ๆ ของคนไข้ มาตอบให้ครับ
