ร้อยไหม ยกกระชับ ปรับหน้าเรียว
การร้อยไหม คือ การใช้เข็มนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยง สอดลงในชั้นผิวหนัง ผิวก็จะถูกเงี่ยงเกี่ยวขึ้นมาตามเส้นไหมในทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไป คล้าย ๆ ตะขอเกี่ยว สามารถทำได้ทั้งการร้อยไหมปรับรูปหน้า ร้อยไหมดึงหน้า ร้อยไหมกระชับหน้า ร้อยไหมจมูก
ในบทความนี้จะกล่าวถึง ข้อดี-ข้อเสีย ขั้นตอนการร้อยไหม ประโยชน์ของการร้อยไหม ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ และการเลือกชนิดเส้นไหมให้เหมาะกับหน้าของแต่ละคน สำหรับคนที่กำลังหาว่าจะร้อยไหมที่ไหนดี แนะนำให้อ่านบทความนี้ครับ
สารบัญ ร้อยไหม
ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและรู้จักกันมานานครับ โดยสามารถช่วยได้หลายเรื่อง ได้แก่
- ร้อยไหมหน้าเรียว ปรับรูปหน้า
- ร้อยไหมยกกระชับ แก้ปัญหาแก้มหย่อน
- ร้อยไหมจมูก เสริมจมูกให้โด่งสวย
- ร้อยไหม Foxy Eye แก้ปัญหาหนังตาตก ยกหางตาเฉี่ยว
- ร้อยไหมช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว
การร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง ?
การร้อยไหม เหมาะกับคนที่อยากยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย อยากยกคิ้ว ยกหางตาตก ปรับรูปทรงจมูก โดยไม่ต้องผ่าตัด และต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วครับ
ในการร้อยไหม จะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่างและจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับดึงเข้าหากันจึงสามารถดึงแก้มที่หย่อนขึ้นได้ทันที
หลังการร้อยไหม จะทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน และทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงชั้นผิวหนังมากขึ้น ช่วยให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึงขึ้นอย่างชัดเจน
นอกจากนี้การร้อยไหม ยังสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อก หรือ Hifu โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกันครับ
ร้อยไหม อันตรายไหม ?
ร้อยไหม ไม่อันตรายครับ ถ้าหากร้อยด้วยวิธีที่ถูกต้อง และใช้ไหมละลายที่ผ่านการรับรองจาก อย. รวมไปถึงเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยครับ
โดยทั่วไปจะประคองผิวได้ประมาณ 4 เดือน ถึง 1 ปี (ขึ้นกับชนิดของไหมที่ร้อย) เมื่อเวลาผ่านไป เส้นไหมก็จะละลายไปโดยไม่เป็นอันตราย การร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็จะเกิดเป็นเส้นใยอิลาสตินช่วยประคองผิว คล้ายเส้นเอ็นที่มีอยู่ตามธรรมชาติของร่างกายครับ
ผลข้างเคียงจากการร้อยไหม ที่ควรรู้ ?
ผลข้างเคียงปกติที่เกิดขึ้นได้
- มีอาการบวม หรือเขียวช้ำ แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองใน 7-14 วัน
- ขณะทำจะรู้สึกถึงเส้นไหมที่ถูกร้อยเข้าไปบนใบหน้า
- อาจมีเลือดออกบริเวณที่แทงเข็มเข้าไป
สำหรับผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น ไหมทะลุ ไหมขาด เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ติดเชื้อ ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะเกิดจากการร้อยไหมกับหมอเถื่อน คลินิกเถื่อน ไม่ได้ใช้ไหมที่ปลอดภัย ดังนั้นก่อนตัดสินใจร้อยไหม ควรพิถีพิถันในการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและหมอที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ
ข้อห้ามในการร้อยไหม มีอะไรบ้าง ?
- ในผู้ที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะร้อยไหม
- เคยมีประวัติแพ้ส่วนประกอบของวัสดุเส้นไหม ที่วินิจฉัยว่าแพ้โดยแพทย์ หากมีอาการข้างเคียง (Side Effect) อื่น ๆ ไม่ได้ถือว่าเป็นการแพ้ (Allergy)
- มีประวัติแพ้ยาชา (หากคนไข้ไม่เคยฉีดยาชาทำฟันมาก่อน ควรแจ้งแพทย์เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยาชา)
- มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด (Bleeding Disorder) แพทย์จะพิจารณาว่าสามารถร้อยไหมได้หรือไม่ ตามดุลยพินิจ
- ห้ามร้อยไหมในผู้ที่ตั้งครรภ์
- ในกรณีให้นมบุตรควรปรึกษาสูติแพทย์ที่ดูแลก่อนร้อยไหม
ร้อยไหม มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?
| No. | ข้อดี |
|---|---|
| 1. | เงี่ยงไหมที่คล้ายตะขอจะเกี่ยวดึงผิวขึ้นได้ทันที หลังร้อยไหมเห็นผลได้ทันที |
| 2. | เส้นใยดังกล่าว ถ้าอยู่ในแนวที่ถูกต้อง และชั้นผิวที่เหมาะสม ก็จะสามารถช่วยประคองผิว กระชับผิว คล้าย ๆ เส้นเอ็นที่อยู่บนใบหน้าตามธรรมชาติ |
| 3. | ไหมละลายที่ปลอดภัยสำหรับการร้อยไหมในปัจจุบันทำจากวัสดุ 3 ชนิด1.PDO (Polydioxanone)2.PLLA (Polylactate)3.PCL (Polycaprolactone)ซึ่งวัสดุทั้ง 3 ชนิดนี้ ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยในการเย็บแผลครับ |
| 4. | ไหมละลายในปัจจุบัน ไม่มีส่วนผสมของโลหะ สามารถละลายได้หมด 100% ตามระยะเวลา โดยไม่มีสารตกค้าง จะเหลือเพียงเส้นใย elastin ที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาซึ่งช่วยประคองผิว |
| 5. | ในคนที่แก้มตอบบางเคสสามารถใช้ไหมดึงไขมันขึ้นมาเติมแก้มได้ แก้มล่างยุบและแก้มบนเต็มขึ้น(ต้องมีเนื้อแก้มส่วนล่างให้ดึงนะครับ ถ้าไม่มีเนื้อก็ต้องใช้ฟิลเลอร์) |
| 6. | หากร้อยไหมกับแพทย์ที่มีความชำนาญ และร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ก็จะลดความเสี่ยงในการบวมช้ำลงได้มาก |
| 7. | การร้อยไหมเส้นเล็ก ๆ สามารถแก้ริ้วรอยในบางจุดได้ เช่น ริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณมุมปากที่คล้าย ๆ ลักยิ้ม หรือริ้วรอยหางตา, หน้าผาก ในเคสที่ดื้อโบท็อก |
| No. | ข้อเสีย |
|---|---|
| 1. | บนเส้นไหมจะมีเงี่ยงที่ทำหน้าที่คล้ายตะขอสำหรับดึงผิวไปในทิศที่ต้องการ ถ้าร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้องหรือร้อยตื้นเกินไป จะเกิดรอยบุ๋มขึ้นตามแนวที่ร้อยไหมได้ |
| 2. | เส้นไหมจะกระตุ้นให้ fibroblast (เซลล์สร้างคอลลาเจน) เกิดการสร้างเส้นใย collagen และ elastin แต่ถ้าซ้อนทับกันมากเกินไป และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องก็จะเรียกว่า พังผืด (fibrosis) ถ้าอยู่ในผิวชั้นตื้นเกินไป ก็จะดึงรั้งผิวให้ผิดรูปได้ |
| 3. | ไหมละลายมีอายุ 4 เดือน-1 ปี ขึ้นกับชนิดของเส้นไหม แต่ถึงแม้ไหมจะยังละลายไม่หมด ในคนส่วนมาก เมื่อเวลาผ่านไป 6-8 เดือน ผิวก็จะหลุดออกจากเส้นไหมได้ก่อน ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่าตามที่โฆษณาและไหมละลายบางชนิดที่อยู่ได้นาน แต่ขาดความยืดหยุ่น เมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดการเคลื่อนตัวและทะลุโผล่ออกมานอกผิวหนังได้ |
| 4. | หากเป็นไหมยุคโบราณ ที่มีส่วนผสมของโลหะ เช่น ทองคำ โลหะจะดูดความร้อนจากการทำ X-ray, MRI, เครื่องสแกนต่าง ๆ และจะทำให้ผิวไหม้ได้ |
| 5. | ในทรงหน้าของบางเคสที่โหนกแก้มเด่น หากร้อยไหมจะยิ่งทำให้โหนกแก้มเด่นขึ้น และไม่สวยแนะนำให้ปรับรูปหน้าด้วยวิธีอื่นแทนเช่น ฟิลเลอร์แก้มตอบ |
| 6. | ในการร้อยไหม มีความเสี่ยงที่จะเกิดการบวมช้ำหลังทำค่อนข้างสูง ทั้งจากการฉีดยาชา และเลือดที่ออกใต้ผิวหนัง ถึงแม้หลังทำทันทีจะบวมน้อย แต่ก็อาจจะบวมมากขึ้นในช่วง 3-4 วันแรก ซึ่งส่วนมากก็จะหายได้เองภายใน 7-14 วัน |
| 7. | บางคลินิกใช้การร้อยไหมเติมแทนฟิลเลอร์ อันนี้ไม่แนะนำให้ทำครับ เพราะการเติมเต็มใต้ตาร่องแก้มต้องใช้ปริมาณเส้นไหมจำนวนมาก (เป็นร้อย ๆ เส้น) จะทำให้เกิดพังผืด และเกิดปัญหาในอนาคตครับ |
ร้อยไหมแล้วหน้าบวม 14 วัน เกิดจากอะไร ?
เกิดได้จาก 4 สาเหตุหลัก ๆ ครับ
1. เนื้อแก้มเยอะ หรือดึงเยอะเกินไป
วิธีร้อยไหมที่หน้าในคนที่มีเนื้อแก้มเยอะ หมอแนะนำให้ทำเมโสแฟตหรือใช้เครื่องยกกระชับ ให้แก้มยก มีเนื้อแก้มน้อยลงก่อนครับ จะทำให้สามารถดึงไหมได้เยอะขึ้นเพราะประโยชน์ของการร้อยไหมไม่ได้ช่วยลดไขมันบนใบหน้าครับ
ถ้าคนที่ใจร้อนก็สามารถร้อยไหมได้ แต่ก็จะดึงได้น้อยลง ถ้าดึงเยอะเนื้อแก้มก็จะไปกองด้านบน ทำให้ดูเหมือนหน้าบวมได้ครับ ซึ่งในกรณีแบบนี้จะบวมนานเกิน 1 เดือน ต้องรอให้ไหมเริ่มคลาย 2-3 เดือนถึงจะเริ่มดีขึ้น
ในบางเคสที่เนื้อแก้มเยอะ
การร้อยไหมจะช่วยให้เนื้อแก้มน้อยลงได้ครับ โดยผ่านกระบวนการ fat-reposition (การดึงไขมัน) ด้วยการร้อยไหม แต่จะต้องใช้เวลาหลายเดือน และต้องร้อยไหมหลายครั้งครับ
2. การดึงไหมผิดแนว
ถ้าร้อยไหมเพื่อดึงร่องแก้ม จะทำให้โหนกแก้มเนื้อเยอะขึ้นและทำให้หน้าดูบวมได้ครับ ปกติการร้อยไหมจะเน้นแก้ไขความหย่อนของแก้มในบริเวณใกล้ ๆ มุมปาก ร้อยไหมกรอบหน้ามากกว่าครับ
จะเห็นว่าการร้อยไหมนั้นต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญในการประเมินทรงหน้าของแพทย์ด้วยครับ จึงจะทำให้ผลในการร้อยไหมออกมาสวยและเข้ารูป
3. การอักเสบติดเชื้อ
ปกติหลังร้อยไหม ในช่วง 3-4 วันแรกจะมีอาการบวม และหลังจากนั้นอาการบวมจะเริ่มยุบลงจนเข้าที่ใน 14 วัน แต่ถ้าหลังจาก 4 วันแล้วยังบวมแดงมากขึ้น ปวดมากขึ้น ต้องรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินและให้ยากินเพิ่มครับ
4. บวมเลือด, บวมน้ำ
- บวมเลือด คือ มีเลือดออกในชั้นผิว (hematoma)
- บวมน้ำ คือ มีน้ำคั่งในชั้นผิวจากการอักเสบ (edema)
ซึ่งทั้ง 2 กรณี จะยุบหายไปเองในระยะ 2-3 อาทิตย์ โดยไม่มีอันตราย
ในการร้อยไหม จะใช้เข็มเพื่อนำเส้นไหมเข้าสู่ผิว ซึ่งเข็มที่ใช้จะมีลักษณะแตกต่างกัน เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมเลือดและบวมน้ำได้ครับ
เข็มร้อยไหมแต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไร ?
A. เข็มแหลม มีโอกาสเกิดการ บวมเลือด > บวมน้ำ
จะตัดผ่านเนื้อคล้าย ๆ การใช้มีดคม ๆ ตัด จะเจ็บน้อยกว่า บวมน้ำน้อยกว่า เส้นเลือดเล็ก ๆ ที่โดนตัดผ่านจะสมานได้ไวกว่าการใช้เข็มทู่ แต่ถ้าโดนเส้นเลือดใหญ่ก็จะมีโอกาสบวมเลือดได้ครับ ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์
B. เข็มทู่ มีโอกาสเกิดการ เกิดการ บวมน้ำ > บวมเลือด
จะผ่านเนื้อโดยการฉีกออกคล้าย ๆ การใช้มีดทื่อ ๆ ตัด จะเจ็บมากกว่า บวมน้ำเยอะกว่า สามารถหลบเส้นเลือดใหญ่ ๆ ได้ แต่เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังโดนฉีกขาดอยู่ดีครับ ยังมีเลือดออกได้ ในการร้อยไหมเข็มทู่ที่ใช้จะใหญ่กว่าเข็มทู่ที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ครับ จึงบวมช้ำเยอะกว่าฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ถ้าใช้เข็มแหลม ผลที่ออกมาจะสวยกว่าเข็มทู่ครับ แต่เสี่ยงเข้าหลอดเลือด ฟิลเลอร์จึงจำเป็นต้องใช้เข็มทู่ แต่สำหรับการร้อยไหมหมอบางท่านจะถนัดเข็มแหลมมากกว่า เพราะสามารถควบคุมความแม่นยำได้ดีกว่าครับ
C. เข็มตัด เป็นกึ่งแหลมกึ่งทู่
ปลายเข็มมีลักษณะคล้ายหลอด มีความคมแต่ไม่ได้แหลมเท่าเข็มแหลม
D. เข็ม L พัฒนาต่อจากเข็มตัดอีกขั้นหนึ่ง
เข็มแต่ละประเภทไม่สามารถระบุได้ว่าชนิดไหนดีที่สุดครับ ขึ้นกับการประเมินเนื้อเยื่อของคนไข้และความถนัดของหมอแต่ละคนครับ เช่น ถ้าคนไข้เคยเป็นสิว และมีพังผืดเยอะ การใช้เข็มทู่ก็จะบวมช้ำมากกว่าเข็มแหลมครับ ที่ V Square Clinic จะมีเข็มทุกแบบ ซึ่งหมอจะประเมินและเลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคนครับ
ทำไมร้อยไหม 3-4 เดือน ก็คลายแล้ว ?
การที่ไหมจะดึงผิวไว้ได้ มี 3 ปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้ครับ
1. Elastin ในเนื้อของคนไข้
เมื่อร้อยไหมยกกระชับหน้า จะใช้เส้นไหมที่มีเงี่ยงใช้เกี่ยวเนื้อคล้าย ๆ ตะขอ แต่หากเนื้อเยื่อที่เกี่ยว เกิดความเสื่อมสภาพ เงี่ยงก็จะไม่สามารถเกาะอยู่ได้นานครับ เนื้อจะหลุดออกจากเส้นไหม ก่อนที่ไหมจะละลายเสียอีก โดยเฉลี่ยอายุของ elastin ในผิวคือ 6 เดือนครับ
การร้อยไหมในคนอายุเยอะ ผลที่ได้จะอยู่ได้สั้นลงครับ เพราะในผิวขาด elastin แต่เมื่อร้อยเพิ่มหลาย ๆ ครั้งจะอยู่ได้นานขึ้นเพราะการร้อยไหมจะช่วยกระตุ้นการสร้าง elastin ครับ
2. การสร้าง elastin
แม้เส้นไหมจะละลายไป แต่หากเนื้อเยื่อมีการสร้าง elastin ขึ้นมาเยอะ (คล้าย ๆ แปะกาว) ความกระชับก็ยังคงอยู่ได้ครับ
3. อายุของเส้นไหม
วัสดุที่ใช้ร้อยไหมได้ปลอดภัยมี 3 ชนิดคือ PCL / PLLA / PDO เรียงในรูปตามลำดับ
- PCL (Polycaprolactone) ละลายหมดภายใน 12 เดือน เส้นสีขาวขุ่น มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด เส้นใหญ่ที่สุด
- PLLA (Polylactate) ละลายหมดภายใน 12 เดือน เส้นสีขาวใส ขาดความยืดหยุ่น อาจจะพบปัญหา ไหมขาด ไหมทะลุได้บ่อย
- PDO (Polydioxanone) จะละลายหมดภายใน 4-8 เดือน เส้นสีน้ำเงิน มีความยืดหยุ่นสูง เป็นที่นิยมมากที่สุด
ร้อยไหมอะไรดีที่สุด ?
ในการร้อยไหมดึงหน้า ร้อยไหมยกกระชับหน้า คลินิกต่าง ๆ จะมีชื่อเรียกไหมแต่ละชนิดมากมาย เช่น ไหมกุหลาบ, ไหมปิรันย่า, ไหมทับทิม, ไหมทอนาโด ฯลฯ เป็นชื่อที่ไม่เป็นสากลครับ คลินิกต่าง ๆ ตั้งชื่อกันขึ้นมาเองเพื่อให้คนไข้ไม่สามารถเช็กราคาร้อยไหมเทียบกับคลินิกอื่น ๆ ได้ครับ
*เราสามารถสอบถามทางคลินิกเพิ่มเติมได้ครับว่าร้อยไหมชนิดไหน โดยดูตามลักษณะเส้นไหมด้านล่างนี้ครับ
- ตามชนิดวัสดุ PDO, PLLA, PCL
- ตามลักษณะเส้นไหม
ในรูปนี้คือวัสดุ PDO จะเป็นสีน้ำเงินครับ ถ้า PLLA จะเป็นสีขาวใส, PCL จะสีขาวขุ่น ซึ่งจากประสบการณ์พบว่าไหมที่ดึงหน้าได้ดีที่สุดคือไหมเงี่ยงใหญ่ครับ เป็นที่นิยมใช้ในทุกคลินิก แล้วแต่ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไร และตั้งราคาร้อยไหม ต่างกันเท่านั้นเอง
ข้อปฏิบัติตัว ก่อน-หลัง ร้อยไหม เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
ก่อนร้อยไหม
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินโครงสร้างใบหน้าและปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อวางแผนการรักษา
- เมื่อปรึกษาแพทย์เรียบร้อยแล้ว ถ้าพร้อมก็สามารถร้อยไหมได้เลยครับ ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา วิตามินและยาที่ทานประจำ (ก่อนร้อยไหมควรงดยาและวิตามิน เช่น แอสไพริน, NSAIDs, ginseng และ Vitamin E)
- 24 ชั่วโมงก่อนร้อยไหม ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
- ทางคลินิกจะมีการฉีดยาชาให้ก่อนร้อยไหม
การดูแลตัวเอง หลังร้อยไหม
- หลังร้อยเสร็จทันที อาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ ในจุดที่ร้อยไหมได้เป็นปกติ หายไปเองใน 2-3 วัน ห้ามแกะ เกา หรือกดนวด
- ทางคลินิกจะมีการจ่ายยาแก้ปวด ลดบวมให้
- ช่วง 3 วันแรก ไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ อาจทำให้ไหมเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้
- งดยิงเลเซอร์ร้อน และหัตถการอื่น ๆ ที่ใช้ความร้อน เป็นเวลา 2 เดือน
ในการดูแลตัวเองหลังร้อยไหม เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น ข้อสำคัญคือควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดครับ โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เกี่ยวกับความร้อนและควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสัมผัสใบหน้า
เปรียบเทียบ ร้อยไหม กับ Ulthera/Hifu/ Thermage/Volnewmer ควรทำอะไรดี ?
หลายคนลังเลระหว่างร้อยไหมกับเครื่องยกกระชับว่าควรเลือกทำอะไรดี ? จริง ๆ แล้วทั้งสองวิธีให้ผลลัพธ์ที่ดีในคนละแบบครับ
ร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับเฉพาะจุดและเห็นผลทันทีหลังทำ ส่วนเครื่องยกกระชับอย่าง Ulthera, Thermage, Hifu หรือ Volnewmer จะเน้นกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ผิวจะแน่นขึ้น ค่อย ๆ ยกกระชับขึ้น ซึ่งมีข้อดีคือเสี่ยงบวมช้ำน้อยกว่า หมอจะมาเปรียบเทียบความต่างให้เห็นกันชัด ๆ ดังนี้ครับ
Ulthera SPT / Ulthera Prime
Ulthera SPT / Ulthera Prime คือเครื่องยกกระชับที่ใช้คลื่นเสียง Focused Ultrasound ส่งพลังงานลึกถึงชั้น SMAS โดยคลื่นเสียงนี้จะเปลี่ยนเป็นจุดความร้อน 60-70°C ทำให้ผิวหดตัวทันที พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ต่อเนื่องโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ทำได้ทั้งใบหน้าและร่างกาย เห็นผลหลังทำทันทีประมาณ 30% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
- จุดเด่น : ช่วยยกกระชับ ลดริ้วรอย กรอบหน้าชัด ยกหางตา ลดเหนียง ได้ผลใกล้เคียงการผ่าตัด
- อยู่ได้นาน : 1-1.5 ปี
- เหมาะกับ : ผู้ที่ต้องการปรับหน้าเรียว มีกรอบหน้าชัด ลดเหนียง ผิวหย่อนคล้อยปากลาง มีริ้วรอยบนใบหน้า
Ultraformer MPT / Ultraformer III
Ultraformer MPT / Ultraformer III หรือ Hifu คือเครื่องยกกระชับที่ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์เหมือน Ulthera ครับ แต่มีขนาดจุดโฟกัสพลังงานที่เล็กกว่า เจ็บน้อยกว่า ส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS โดยสามารถยิงพลังงานทั้งแบบ Micro & Macro เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีครับ เห็นผลหลังทำทันทีประมาณ 20% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
- จุดเด่น : ผิวยกกระชับผิว กรอบหน้าชัด เหนียงลดลง ราคาย่อมเยา เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น
- อยู่ได้นาน : ประมาณ 5-6 เดือน
- เหมาะกับ : ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย มีริ้วรอยเล็ก ๆ ต้องการยกกระชับผิว
Thermage FLX
Thermage FLX คือเครื่องยกกระชับที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency: RF) ยิงลงไปในชั้นผิวหนังลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ รวมถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ พร้อมทั้งสลายไขมันสะสมส่วนเกินบริเวณใบหน้า ทำให้ผิวแน่น กระชับ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น หลังทำเห็นผลทันที 20 % และค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นใน 2-3 เดือน
- จุดเด่น : ยกกระชับ ปรับ Texture ผิวให้เรียบเนียน แน่นเฟิร์มขึ้น ลดไขมันเฉพาะจุด ลดเหนียง กรอบหน้าชัด
- อยู่ได้นาน : 1-2 ปี
- เหมาะกับ : คนที่มีไขมันแก้มเยอะ ผิวหย่อนคล้อยชัด มีแก้มห้อย หรืออายุ 30 ปีขึ้นไป
Volnewmer
Volnewmer คือเครื่องยกกระชับผิวที่ใช้คลื่น Monopolar RF ที่ความถี่ 6.78MHz ลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ส่วนบนและล่าง (The Upper and Lower Dermis) เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน 40-60°C ช่วยสลายไขมัน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวค่อย ๆ ยกกระชับขึ้น เห็นผลทันทีประมาณ 20-30% และจะค่อย ๆ เห็นผลชัดเจนใน 2-3 เดือน
- จุดเด่น : ช่วยยกกระชับ สลายไขมัน ลดผิวเปลือกส้ม ปรับคุณภาพผิว
- อยู่ได้นาน : 6-8 เดือน
- เหมาะกับ : คนที่มีไขมันใบใบหน้า มีแก้ม ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ผิวขาดความกระชับ
สรุป เลือกร้อยไหมหรือเครื่องยกกระชับอะไรดีกว่ากัน ? จริง ๆ แล้ว ทั้งสองวิธีให้ผลดีแต่ต่างวัตถุประสงค์ครับ
- ถ้าต้องการเห็นผลยกกระชับทันที เน้นแก้ไขเฉพาะจุด เช่น มุมปากตก แก้มคล้อย หรือยกกรอบหน้าแบบเร่งด่วน ร้อยไหม จะตอบโจทย์มากกว่า
- แต่หากต้องการยกกระชับทั่วหน้า ฟื้นฟูคุณภาพผิวระยะยาว ช้ำน้อย บวมน้อย ไม่ต้องพักฟื้น Ulthera, Hifu, Thermage, หรือ Volnewmer จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานกว่าครับ
หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นาน หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนผสมผสานการรักษา (Combination Treatment) เช่น ทำเครื่องยกกระชับก่อน แล้วตามด้วยร้อยไหมในจุดที่ต้องการยกเพิ่มเติม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ
ร้อยไหมแต่ละชนิด ราคาเท่าไหร่ ?
การร้อยไหม ราคาจะแตกต่างกันไปตามชนิดของไหม วัสดุ และจำนวนเส้นไหมที่ใช้ครับ สำหรับที่ V Square Clinic ร้อยไหม ราคาเริ่มต้นประมาณ 8,900.- ใช้เส้นไหม PCL และ PDO ที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยครับ

ร้อยไหมทั้งหน้าต้องใช้ไหมกี่เส้น ?
จำนวนเส้นไหมที่นำมาใช้เพื่อร้อยไหมทั้งใบหน้า หมอจะประเมินใบหน้าของคนไข้ก่อนครับ แต่ละเคสอาจใช้จำนวนเส้นไหมที่แตกต่างกันได้ โดยปกติแล้วผิวหน้าหย่อนคล้อย ร้อยไหมจะใช้ข้างละ 3-10 เส้น โดยพิจารณาจาก 3 ส่วนหลัก ๆ คือ ขนาดเนื้อแก้มของคนไข้ ความหนาแน่นของผิว และคนไข้ต้องดึงในจุดไหนบ้างครับ
ร้อยไหม 10 เส้น กับ 20 เส้น ต่างกันไหม ?
เมื่อใช้จำนวนเส้นไหมมากขึ้น ย่อมทำให้ความแข็งแรงในการดึงมากขึ้นและคงระยะเวลาการดึงในนานมากขึ้นครับ
ถ้าคนไข้แก้มหย่อนเยอะ การยกแก้มให้ตึง ดึงหน้าให้อยู่ได้นาน จำเป็นต้องใช้เส้นไหมที่แข็งแรง และใช้จำนวนหลายเส้น การร้อยไหม PDO 10 เส้น กับ 20 เส้น จึงให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน การจะตัดสินใจว่าควรใช้ไหมกี่เส้นดีที่สุด หมอจะเป็นผู้ตรวจประเมินและพิจารณาครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ร้อยไหมยกกระชับหน้า
ร้อยไหม กี่วันเห็นผล ?
การร้อยไหมยกกระชับใบหน้า จะเห็นผลทันทีหลังทำ และเห็นผลชัดเจน สวยเข้ารูปใน 1 เดือน ครับ หากมีอาการบวม จะหายไปเองใน 14 วัน
ร้อยไหม เจ็บไหม ?
หลายคนถามหมอว่าร้อยไหม เจ็บไหม ? ระหว่างร้อยไหม คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บครับ เพราะก่อนทำจะมีการฉีดยาชาให้ก่อน อาจจะรู้สึกตอนที่หมอกำลังร้อยไหมเข้าไป เป็นเรื่องปกติครับ
ร้อยไหม ต้องใช้ยาชาหรือไม่ ?
การร้อยไหมต้องฉีดยาชาทุกครั้ง โดยที่คลินิกจะมีการทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะร้อยไหมให้ก่อนครับ
ร้อยไหม ใช้เวลานานหรือไม่ ?
การร้อยไหมใช้เวลา 45-60 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนไหมที่ใช้ร้อย และเทคนิคของแพทย์ด้วยครับ
ถ้าไม่ร้อยไหมซ้ำ ทำให้หน้าเหี่ยวจริงไหม ?
ไม่จริงครับ เมื่อไหมละลายไปแล้วก็ยังเหลือเส้นใย elastin ที่จะช่วยประคองผิวไว้ ถ้าร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจะทำให้ผิวกระชับกว่าก่อนร้อยแน่นอนครับ
ปัญหาหน้าไม่เท่ากัน ร้อยไหมช่วยได้ไหม ?
ช่วยได้ครับ ในเคสที่หน้าไม่เท่ากันจากการที่แก้มย้อยหรือแก้มหย่อน สองข้างไม่เท่ากัน โดยหมอจะใช้แรงดึงไหมทั้งสองข้างตามปัญหา ข้างที่แก้มหย่อนกว่าก็จะใช้แรงมากกว่า เพื่อให้ใบหน้าทั้งสองข้างเท่ากันครับ
สรุป ร้อยไหม ยกหน้าเรียว ปลอดภัย เห็นผลทันที
การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์รวดเร็วครับ ช่วยแก้ปัญหาแก้มหย่อน แก้มย้อย ผิว กรอบหน้าไม่กระชับ คิ้วตก หนังตาตก เสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด
ที่ V Square Clinic หมอมีประสบการณ์สูงด้านการปรับรูปหน้า ผ่านการฝึกอบรม อาทิ Thread Lift Training, Advanced Thread Lifting, Hand-on Barbed Thread Lift Rejuvenation จากทั้งในต่างประเทศและต่างประเทศ ประเมินใบหน้าอย่างละเอียดทุกเคส เลือกชนิดเส้นไหมและจำนวนไหมที่เหมาะสม มั่นใจได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยครับ
เอกสารอ้างอิง
- Cosmetic Surgery Today, Threadlift, 2012. (Access October 30, 2012, at http://www.cosmeticsurgerytoday.com/threadlift /)
- American academy of aesthetic medicine: hands-on Korean thread lifting master course. http://cbbmed.com/newsview.php?title=Different_PDO_Threads_in_Thread_Lifting&id=19


