ฉีดเมโสแฟต ( Meso Fat )
เมโสแฟต คืออะไร ? จริง ๆ แล้ว เมโสแฟตเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดสัดส่วนต่าง ๆ บนร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ทำหน้าเรียว ฉีดลดแก้ม เหนียง ต้นแขน ต้นขา น่อง สะโพก ไขมันในบางจุดที่ถึงแม้จะออกกำลังกาย คุมอาหารแล้วก็ยังลดยาก ลดไม่ค่อยลง
ปัจจุบันเราสามารถใช้เมโสแฟตเป็นตัวช่วยเร่งลดสัดส่วนให้ไวขึ้นได้ หรือในบางคนที่ออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬา หรือยกน้ำหนัก อาจจะมีกล้ามเนื้อบางจุดที่ใหญ่ขึ้นแล้วไม่สวยเราไม่ชอบ ก็สามารถใช้โบท็อกช่วยลดได้ครับ
ถ้าเป็นไขมันก็จะใช้เมโสแฟต ถ้าเป็นกล้ามเนื้อก็ใช้โบท็อก ในแต่ละจุดก็จะมีวิธีในการเลือกใช้แตกต่างกัน ซึ่งจะอธิบายต่อไปครับ
สารบัญ เมโสแฟต
เมโสแฟต คืออะไร ?
Meso Fat คือ การฉีดตัวยาที่ช่วยสลายไขมันลงในชั้นไขมัน เป็นวิธีการลดไขมันและลดเซลลูไลท์เฉพาะจุดแบบไม่ต้องผ่าตัด เพื่อช่วยลดและกระชับสัดส่วนให้ได้รูปตามต้องการ
หลักการทำงานของการฉีดสลายไขมันเมโสแฟต คือการใช้ตัวยาช่วยให้ไขมันแตกตัว หรือสลายตัว หลังจากนั้นไขมันจะถูกขับออกทางระบบขับถ่าย ทำให้ไขมันบริเวณที่ฉีดลดลง
โดยมีสารออกฤทธิ์หลัก ๆ คือ
- Artichoke Extract (Cynara Scolymus) ทำหน้าที่กระตุ้นการสังเคราะห์ Coenzyme ในกระบวนการ Anabolism ลดเนื้อเยื่อไขมัน ลดการสังเคราะห์กรดไขมัน เหมาะกับคนที่น้ำหนักตัวเกิน ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด ฉีดลดแก้ม หรือต้องการลดเซลลูไลท์
- Mesostabyl (Polyunsaturated Phosphatidylcholine) ทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ Lipase, ลดการสร้าง Triglyceride ยับยั้งการสร้าง Cholessterol ในเนื้อเยื่อ
- L-Carnitine ทำให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น เปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน (Fat Burn)
ทั้งนี้ตัวยาเมโสแฟตแต่ละยี่ห้ออาจมีสารประกอบอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวมาครับ แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นสารสัดจากธรรมชาติ
บทบาทสำคัญของเมโสแฟตที่มี L-Carnitine จะดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงาน
แอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) เป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างได้เองครับ โดยจะสร้างที่ตับและไตจากกรดอะมิโน 2 ตัวที่มีชื่อว่า Lysine และ Methionine ซึ่งร่างกายนำไปใช้ในกระบวนการดึงไขมันเข้าไปสร้างเป็นพลังงาน
เรียกได้ว่า L-carnitine มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญไขมันโดยตรง โดยทำหน้าที่เป็น “ตัวขนส่ง” กรดไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดรีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลังงานของเซลล์ โดยสัมพันธ์กับ
- Triglyceride ช่วยเพิ่มการย่อยสลาย triglyceride
- Tyrosine เพิ่ม fat metabolism ทำให้ไขมันแตกตัวเล็กลง และถูกขับออก
- Aesculus hippocastanum (horse chestnut) ลดการบวมน้ำ
- Juglans regia (Walnut) เพิ่มการไหลเวียนของเลือด เพิ่มการเผาผลาญ ลดอาการบวมน้ำ
- Nicotiana tabacum กระตุ้น catecholamine ทำให้เกิด lipolysis
โดยสรุป เมโสแฟตที่มี L-carnitine ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยสลาย Triglyceride โดยเฉพาะเมื่อมีการรวมกับสารอื่นๆ ที่กระตุ้นกระบวนการ Lipolysis และการไหลเวียนเลือด ทำให้เกิดการลดไขมันเฉพาะที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เมโสแฟต ช่วยเรื่องอะไร ?
เมโสแฟต ช่วยในการสลายไขมัน จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดสัดส่วนจุดต่าง ๆ ของร่างกาย ให้ลดลงเร็วขึ้นจากวิธีปกติ ฉีดลดแก้ม เหนียง ลดขนาดต้นแขน ต้นขา สะโพก และลดไขมันในจุดที่มีการสะสมมาก ๆ
จากภาพ แสดงให้เห็นขั้นตอนการทำงานของเมโสแฟตหลังฉีดจะช่วยให้ไขมันแตกตัวและถูกขับออกจากร่างกาย ทำให้ปริมาณไขมันส่วนเกินลดลงเร็วขึ้น
หลังฉีดเมโสแฟต ไขมันส่วนเกินที่แตกตัวหายไปไหน ?
หลังการฉีดเมโสแฟต ตัวยาจะเข้าไปจับไขมันส่วนเกินภายในร่างกาย และเริ่มกระบวนการย่อยสลายไขมัน โดยไขมันจะละลายและถูกขับออกไขมันตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย เช่น ปัสสาวะ อุจจาระ หรือเหงื่อ
เมโสแฟตกับโบท็อก ต่างกันอย่างไร ?
เมโสแฟตกับโบท็อก ต่างกันอย่างไร ? เมโสแฟตจะช่วยสลายไขมัน ส่วนโบท็อก เป็นโปรตีนที่ออกฤทธิ์ระงับการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้ใช้งานสักระยะนึง จะฝ่อหดเล็กลงชั่วคราวประมาณ 6-8 เดือน ทำให้เนื้อยุบลง
ทั้งเมโสแฟต และ โบท็อก สามารถทำให้สัดส่วนของร่างกายบริเวณนั้นมีขนาดเล็กลงได้จากทั้ง ไขมันและกล้ามเนื้อที่เล็กลง ซึ่งแพทย์ก็จะช่วยประเมินว่าในบริเวณที่เราต้องการจะลด เป็นไขมันหรือกล้ามเนื้อมากกว่ากัน ทำให้เลือกแก้ไขได้ตรงจุด แต่เราก็สามารถเลือกทำทั้ง 2 อย่างคู่กัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ไวขึ้นได้
เมโสแฟต อันตรายไหม ที่ อย.ประกาศเตือนว่าอันตรายหมายถึงอะไร ?
เมโสแฟตสูตรที่อันตรายมี 2 ชนิด คือ
- สเตียรอยด์
ปกติแพทย์ผิวหนังจะใช้ในการฉีดสิว ฉีดคีลอยด์ ใช้ในปริมาณที่น้อยจะปลอดภัย แต่ถูกนำมาใช้ผิดวิธี มักผสมสเตียรอยด์ปริมาณมากในเมโสแฟตที่ไม่ผ่าน อย. เพราะต้นทุนต่ำ เห็นผลไว แต่ เมื่อฉีดหลายๆ ครั้งจะทำให้หน้าบวมกว่าเดิม และเสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อง่ายขึ้น เนื่องจากกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย
สเตียรอยด์ที่ผสมในเมโสแฟตจะมีทั้งแบบสีขาวขุ่นและขาวใส ทางที่ดีควรขอดูยี่ห้อเมโสแฟต ก่อนฉีดทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยครับ
- ยาสลายฟิลเลอร์ ชื่อว่า Hyaluronidase
Hyaluronidase ปกติจะใช้ในการ ฉีดสลายฟิลเลอร์ได้อย่างปลอดภัย แต่บางคลินิกนำมาใช้ผิดวิธี โดยการฉีดปริมาณมาก ๆ ทำให้คอลลาเจนในผิวถูกย่อยสลายออกไป ทำให้เนื้อยุบลงอย่างรวดเร็ว จึงเป็นที่นิยมเนื่องจาก ต้นทุนต่ำ และเห็นผลไว เมื่อฉีดหลาย ๆ ครั้ง จะทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย และผิวหย่อนลงเนื่องจากคอลลาเจนเสื่อม ซึ่งเมโสแฟตที่นิยมขายตามอินเทอร์เน็ต แท้จริงแล้วคือยาสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) ที่นำมาใช้ผิดวิธี
บทความแนะนำ
เนื่องจากเมโสแฟตกำลังเป็นที่นิยมสูงขึ้นอย่างมาก ทั้งฉีดลดแก้ม ลดเหนียงและวิธีการฉีดเมโสแฟตนั้นไม่ยาก คนไข้บางกลุ่มจึงนิยมฉีดกับหมอกระเป๋าเพราะราคาถูก
หมอกระเป๋าจะไม่สามารถซื้อยาแท้ที่ผ่าน อย. ได้ เพราะมีกฎหมายยาควบคุม ดังนั้นยาที่หมอกระเป๋าใช้จึงมักไม่ปลอดภัย เป็นยาหิ้ว ยาปลอม ที่มีส่วนผสมที่อันตราย และไม่สะอาด จึงทำให้มีการอักเสบติดเชื้อหลายเคสจากตัวยาที่ไม่ปลอดภัยและวิธีการฉีดที่ไม่สะอาด ดังที่ อย. ออกมาเตือนครับ
สำหรับคนที่กำลังมองหาว่าควรเลือกฉีดเมโสแฟตที่ไหนดี ที่คลินิกไหนดี ควรเลือกฉีดเมโสแฟตที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. อย่างถูกต้อง และฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และ ขอดูยี่ห้อเมโสแฟตก่อนฉีดทุกครั้ง
เพื่อจะได้มั่นใจว่าส่วนผสมไม่มีอันตราย และสามารถตรวจสอบแหล่งผลิต บริษัทผู้นำเข้าได้ชัดเจน ไม่เสี่ยงต่อยาหิ้วยาปลอมที่อันตรายครับ
เมโสแฟต ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?
เมโสแฟต สามารถฉีดสลายไขมันได้หลายจุดครับ ที่นิยมคือการฉีดลดไขมันหน้า ฉีดสลายไขมันแก้ม ใต้คาง เหนียง จะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น และจุดอื่นๆ ที่สามารถฉีดสลายไขมันได้เช่นกัน ได้แก่ หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา น่อง สะโพก
สามารถฉีดเมโสแฟตร่วมกับการฉีดโบท็อกได้ครับ ช่วยลดไขมันและกล้ามเนื้อ เพื่อให้ได้รูปหน้าและรูปร่างที่สวยงาม ดูกระชับมากยิ่งขึ้น
ฉีดสลายไขมันแก้มด้วยเมโสแฟต vs โบท็อกกราม vs ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม
สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า เพื่อให้มีใบหน้าและรูปทรงที่เรียวสวยมีมิติ สามารถเลือกทำหัตถการทางการแพทย์ได้หลายวิธีครับ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดสลายไขมันแก้มด้วยเมโสแฟต การฉีดโบท็อกลดกราม หรือการตัดไขมันกระพุ้งแก้ม ซึ่งแต่ละวิธีมีความเหมาะสมกับปัญหาที่แตกต่างกัน ดังนี้
ฉีดเมโสแฟต ลดแก้ม
การฉีดเมโสแฟต เป็นการฉีดลดไขมันหน้า ในจุดที่มีหมายเลข 1 ตามรูปและจุดที่ 3 ตามภาพตัวอย่างด้านล่างได้ แต่อาจจะหวังผลได้ไม่แน่นอนในแต่ละบุคคลครับ เพราะการลดลงหรือเพิ่มขึ้นของเซลล์ไขมัน จะขึ้นกับหลายปัจจัยเช่น การรับประทานของหวาน ชอบของมันของทอด ขาดออกกำลังกาย กินมื้อดึก ซึ่งจะหวังผลได้ประมาณ 60-70 %
การฉีดสลายไขมันแก้มด้วยเมโสแฟตจะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิวหนังบริเวณแก้มในปริมาณปานกลาง ต้องการลดความอูมของแก้มโดยไม่ต้องผ่าตัด ที่สำคัญการฉีดเมโสแฟตสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น
รีวิวฉีดเมโสแฟตร่วมหัตถการอื่น ๆ
อ่านบทความเพิ่มเติม : รีวิว เมโสแฟตแก้ม หลังฉีดแฟตสลายไขมัน ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยเข้ารูป เพิ่มความมั่นใจ
โบท็อกกราม
กรณีในเคสที่ต้องการลดแก้ม ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งหมายเลข 1 แต่หากมีกล้ามเนื้อกราม (ลองจับแก้มแล้วกัดฟัน,กรามจะเด้ง) หมอก็จะแนะนำให้ทำโบท็อกกราม เนื่องจากโบท็อกหวังผลได้เกือบ 100% และในการทำให้กล้ามเนื้อกรามในจุดที่ 2 ยุบลง ก็จะทำให้เนื้อแก้มในจุดที่ 1 ยุบลงด้วยเพราะ เนื้อแก้มในจุดที่ 1 กับ 2 เบียดกันอยู่ครับ ทั้งนี้การฉีดโบท็อกกราม สามารถทำร่วมกับการฉีดเมโสแฟตได้เช่นกันครับ
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
เคสนี้คนไข้มีปัญหาที่กรามและแก้ม รวมรูปคางที่สั้น สามารถปรับรูปหน้าให้เรียวโดยการฉีดเมโสแฟตสลายไขมันแก้ม ควบคู่กับการฉีดโบท็อกลดกราม และการเติมฟิลเลอร์คางจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเข้ารูปอย่างเป็นธรรมชาติครับ
การตัดไขมันกระพุ้งแก้ม
การตัดไขมันกระพุ้งแก้ม จะเป็นการผ่าตัดเอาไขมัน (Buccal Fat Pad) ที่มีหมายเลข 3 ออก หวังผลได้เกือบ 100% แต่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์สูง เพราะถ้าประเมินไม่ดี ตัดออกมากเกินไป จะยุบลามไปถึงขมับ และทำให้แก้มตอบและหน้าห้อยได้
การตัดไขมันกระพุ้งแก้ม จะไม่สามารถตัดไขมันในส่วนที่ 1 (superficial fat pad) ซึ่งเป็นจุดที่คนไข้ส่วนใหญ่ต้องการลดได้ เพราะเป็นไขมันที่อยู่ตื้นติดกับชั้นผิวหนัง อาจจะใช้การดูดไขมันแทนแต่การดูดไขมันในส่วนที่ 1 ไม่ควรทำเพราะเสี่ยงต่อการโดนเส้นประสาททำให้ปากเบี้ยวได้มาก
ดังนั้นการลดไขมันในบริเวณหมายเลข 1 จึงแนะนำโบท็อกและเมโสแฟตเป็นหลักครับ เนื่องจากปลอดภัยและตรงจุดมากกว่า
ทั้งนี้ การตัดสินใจเลือกวิธีการใดขึ้น หรือควรทำหัตถการใดควบคู่กันเพื่อผลลัพธ์ที่ดี จะขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะของแต่ละบุคคล และความคาดหวังต่อผลลัพธ์ที่ต้องการ รวมถึงงบประมาณและระยะเวลาพักฟื้นที่สามารถรับได้ด้วยครับ
เมโสแฟต vs โบท็อกลิฟ vs Hifu vs ดูดไขมันเหนียง
ในเคสที่มีปัญหาคาง 2 ชั้น มีเหนียง หรือมีไขมันใต้คอเยอะ ๆ จนทำให้ใบหน้าโดยรวมดูใหญ่ ไม่เข้ารูปปัจจุบันสามารถทำหัตถการทางการแพทยเพื่อลดแก้ม และลดเหนียงไปพร้อม ๆ กันได้ครับ เพื่อช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูเรียว มีมิติรับกันสวยงามขึ้น โดยสามารถเลือกทำหัตถการได้ดังนี้
ฉีดเมโสแฟตเหนียง
เหนียงเกิดจากการสะสมของไขมันที่อยู่ใต้คาง และการหย่อนคล้อยของผิวเมื่ออายุมากขึ้นครับ หากไม่ดูแลตัวเอง ขาดการออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีไขมันมากๆ จึงทำให้เกิดไขมันสะสมได้ง่าย
การฉีดเมโสแฟตลดเหนียงสามารถลดเซลล์ไขมันลงประมาณ 10-15% ตั้งแต่ครั้งแรก โดยช่วยลดเหนียงได้บางส่วนครับ แนะนำให้ทำควบคู่กับโบท็อกลิฟ จะทำให้เหนียงยุบลงและกระชับขึ้นด้วย
อ่านบทความเพิ่มเติม : วิธีลดเหนียง ไขมันใต้คางเยอะ หายภายใน 1 สัปดาห์
Hifu Ultraformer III ลดเหนียง
การใช้เครื่องมือยกกระชับสามารถช่วยลดเหนียงได้ผลดีเช่นกัน และยังช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูยกกระชับขึ้น
Hifu Ultraformer III เป็นการใช้พลังงานจากคลื่นอัลตร้าซาวด์กระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ช่วยลดเหนียง ลดกระเปาะแก้ม เน้นยกกระชับผิว กรอบหน้าชัดขึ้น Hifu ราคาอาจสูงกว่าการฉีดเมโสแฟต แต่อยู่ได้นานครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : 9 ข้อ ที่ต้องระวัง ! และควรรู้ในการทำ Hifu | โดยทีมแพทย์ V Square Clinic
ดูดไขมันเหนียง
การดูดไขมันบริเวณลำคอ ลดเหนียงจะบวมช้ำค่อนข้างมาก เพราะเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดเยอะ และหากมีเลือดออกมากจะเสี่ยงต่อการกดทับหลอดลมได้ หากต้องการทำ แนะนำให้ควรทำใน รพ.เท่านั้นครับ
ฉีดเมโสแฟตลดหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา น่อง ดีไหม ?
ฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง
ฉีดลดไขมันหน้าท้อง ด้วยเมโสแฟต จะช่วยลดไขมันส่วนเกินและลดสัดส่วนบริเวณหน้าท้อง แต่การฉีดเมโสแฟตต้องทำควบคู่กับการดูแลสุขภาพครับ ทั้งเรื่องของอาหารและการออกกำลังกาย เพื่อป้องกันไม่ให้ไขมันกลับมาสะสมได้ใหม่
รีวิวฉีดเมโสแฟต Lipo VSQ
หากต้องการเห็นผลแน่นอนและคงผลลัพธ์ได้นาน แนะนำให้ทำ CoolSculpting ซึ่งเป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น เซลล์ไขมันจะตายและลดจำนวนลงแบบถาวรครับ แต่จะมีราคาสูงกว่าเมโสแฟต
อ่านบทความเพิ่มเติม : CoolSculpting สลายไขมัน ไม่ฉีด ไม่ผ่าตัด กำจัดเซลล์ไขมันถาวรด้วยความเย็น
ฉีดเมโสแฟต ต้นแขน ต้นขา
ในการลดต้นแขน ต้นขา ต้องดูว่าจุดที่คนไข้ต้องการลดเป็นกล้ามเนื้อหรือไขมันครับ สามารถใช้ได้ทั้งโบท็อกและเมโสแฟต สำหรับต้นแขนหากเป็นไขมันก็แนะนำให้ใช้เมโสแฟตครับ ถ้าเป็นกล้ามเนื้อแนะนำใช้โบท็อกเพื่อลดกล้ามเนื้อ
ในการฉีดโบท็อกลดต้นแขน จะช่วยให้ขนาดตัวดูเหมือนเล็กลงได้ด้วยครับ เพราะช่วยลดความกว้างของบ่า ส่วนบริเวณต้นขาจะเป็นไขมัน หากมีไขมันสะสมเยอะมากๆ ไม่คุ้มกับการฉีดเมโสแฟตครับ หมอจะแนะนำการดูดไขมัน หรือทำ CoolSculpting (สำหรับคนที่ไม่อยากผ่าตัด) ช่วยสลายไขมันบริเวณต้นแขน ต้นขา ทำให้สัดส่วนเล็กลงได้ครับ
ฉีดเมโสแฟตน่อง
สำหรับน่องไม่แนะนำให้ทำเมโสแฟตครับ แนะนำโบท็อกจะเห็นผลชัดเจนกว่า เพราะบริเวณน่องของเคสส่วนมากจะเป็นกล้ามเนื้อครับ มีไขมันน้อยมาก พบในคนที่ชอบปั่นจักรยาน วิ่ง ชอบใส่ส้นสูง และเดินเยอะ สามารถใช้โบท็อกลดน่องได้ครับ
ตัวอย่างรีวิวฉีดโบท็อกลดน่อง
ปกติโบท็อกน่องถ้าจะให้ยุบลงหมด จะใช้ยาเยอะมากครับ ข้างละ 300-400 ยูนิต แต่ร่างกายเรารับได้แค่ 300 ยู ในระยะ 3 เดือนครับ และถ้าฉีดครั้งเดียวเยอะเกินไปจะยืนไม่ได้ครับ แนะนำทยอยฉีดครั้งละ 200 ยู
โดยทางคลินิกจะแกะกล่อง เปิดขวดใหม่ ดูดยาต่อหน้าจนหมด เอากล่องและขวดกลับบ้านได้ครับ เพื่อความมั่นใจว่าของแท้และได้ยูนิตตามราคาที่จ่ายครับ
เมโสแฟต ข้อดี
- หลังฉีดไม่ต้องพักฟื้น
- บวมช้ำน้อย (อาจบวมเป็นปริมาณยาได้ ใน 3 – 4 ชั่วโมงแรก)
- ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน
- เห็นผลเร็ว
- ปลอดภัยสูง
- ราคาไม่แพง
ข้อดี ของการฉีด Meso fat คือ ช่วยขจัดไขมันส่วนเกิน ทั้งบริเวณใบหน้าและอวัยวะอื่นๆ ให้ได้สัดส่วนที่ต้องการอย่างรวดเร็ว เหมาะกับคนที่ไม่อยากผ่าตัดและไม่มีเวลาพักฟื้น
เมโสแฟต ข้อเสีย
ข้อเสีย ของการฉีด Meso fat คือ ไม่สามารถเห็นผลได้ทันทีเหมือนการดูดไขมันครับ ต้องอาศัยระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลลัพธ์ของตัวยาที่ฉีดเข้าไป
และเมโสแฟตไม่เหมาะกับคนที่มีปริมาณไขมันมากๆ อาจต้องฉีดประมาณ 4-5 ครั้ง จึงจะเห็นผลที่ชัดเจน ทั้งนี้ควรให้แพทย์ประเมินว่าปริมาณไขมันในจุดนั้นเหมาะกับการฉีดเมโสแฟตหรือไม่
นอกจากนี้ตัวยา Meso fat หลายตัวยังไม่ได้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาในประเทศไทย และยังไม่มีผลวิจัยใดๆ รับรองว่าสารเหล่านั้นจะสามารถสลายไขมันให้ร่างกายได้จริง เพื่อความปลอดภัยควรเลือกคลินิกฉีดเมโสแฟตที่ได้มาตรฐาน ใช้ตัวยาที่ผ่านการรับรองจากอย.แล้วเท่านั้นครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดเมโสแฟต ที่ไหนดี เลือกคลินิกแบบไหนถึงปลอดภัย ! ที่นี่มีคำตอบ
เมโสแฟต vs ดูดไขมัน จุดที่เหมาะกับการทำและข้อควรระวัง
ในจุดที่มีเส้นเลือดเส้นประสาทที่สำคัญเยอะ เช่นใบหน้า ลำคอ ไม่แนะนำให้ดูดไขมันครับ เพราะมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงมาก แนะนำให้ทำเมโสแฟตหรือเครื่องมือยกกระชับอื่นๆ จะเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า และปลอดภัยกว่าครับ
ในบริเวณแก้มและลำคอมีเส้นเลือดเส้นประสาทที่สำคัญอยู่มาก การทำเมโสแฟตจึงปลอดภัยกว่าการดูดไขมันครับ
แต่ในบริเวณที่มีไขมันปริมาณมากๆ เช่น ต้นขา หน้าท้อง การทำเมโสแฟตจะต้องใช้ยาปริมาณมาก และราคาสูง แนะนำการดูดไขมันจะคุ้มกว่า แต่ก็จะบวมช้ำค่อนข้างเยอะ และต้องพักฟื้นครับ
อาการหลังฉีดเมโสแฟต
หลังฉีดเมโสแฟตสลายไขมันจะมีอาการบวมจากปริมาณตัวยาที่ฉีดเข้าไป ซึ่งตัวยาจะซึมยุบไปเองประมาณ 3-4 ชั่วโมง ไม่ต้องกังวลครับ ไม่ปวด ไม่อักเสบ อาจจะมีอาการบวมเข็มได้เล็กน้อยเป็นปกติครับ
ข้อปฏิบัติและข้อห้ามหลังฉีดเมโสแฟตแก้ม/เหนียง
- หลังทำแฟตแก้มไม่ควรกดหรือนวดในบริเวณที่ฉีด ตัวยาจะค่อยๆซึมยุบไปเอง
- ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร การดื่มน้ำจะช่วยให้ไขมันถูกขับออกจากร่างกายได้มากขึ้น
- เปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร เพื่อไม่ให้ไขมันกลับมาอีก
- หลังทำแฟตแก้มควรหลีกเลี่ยงการอบซาวหน้า นวดหน้า หรือทำเลเซอร์อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลังจากทำแฟตแก้มควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
อ่านบทความเพิ่มเติม : หลังฉีดแฟตแก้ม ข้อห้าม และข้อปฏิบัติ ที่คนอยากหน้าเรียวทันใจ ไม่ควรพลาด
ฉีดเมโสแฟตลดเหนียง บวมกี่วัน ?
อาการบวมหลังฉีดเมโสแฟตจะยุบลงได้เองในระยะเวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง บางเคสที่เคยฉีดแก้มอาจจะบอกว่ารู้สึกหน้าบวมมาก บวมเหมือนอมลูกอมหลายๆ เม็ดพร้อมกัน เป็นเรื่องปกติ ไม่อันตรายและสามารถยุบหายไปได้เอง เนื่องจากทำงานของตัวยา Meso fat จะทำปฏิกิริยาให้ไขมันแตกตัว
เมโสแฟต ต้องฉีดกี่ครั้ง ?
ฉีดเมโสแฟตในครั้งแรก จะเห็นผลว่าบริเวณที่ฉีดเริ่มยุบลงภายใน 5-7 วัน ครับ หลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ครับ
สามารถกลับมาฉีดเมโสแฟตซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์ หากคนไข้ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเคสที่มีไขมันมาก อาจฉีด 4-5 ครั้ง และการฉีดต่อเนื่องจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
เมโสแฟตอยู่ได้นานกี่เดือน ?
meso fat อยู่ได้นานแค่ไหน จะขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวัน การรับประทานอาหารด้วยเช่นกันครับ แต่ปกติแล้วจะสามารถรักษาผลลัพธ์ได้นาน 2-3 เดือน ถ้าดูแลตัวเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลีกเลี่ยงของทอด ของมัน ไม่เพิ่มไขมันให้ตัวเองก็จะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
ฉีดเมโสแฟตยี่ห้อไหนดี ?
ตัวยาเมโสแฟตมีหลายยี่ห้อครับ ฉีดสลายไขมันบนใบหน้า เลือกเมโสแฟต ยี่ห้อไหนดีที่สุด ? กรณีนี้หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ โดยปกติหมอจะประเมินปัญหาและความต้องการของคนไข้ก่อน จากนั้นถึงจะแนะนำยี่ห้อเมโสแฟตที่เหมาะสมให้ เพื่อผลลัพธ์ดีที่สุด เนื่องจากแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและความเหมาะสมที่แตกต่างกันครับ
ฉีดเมโสแฟต ราคาโปรโมชัน ที่ V Square Clinic
อ่านบทความเพิ่มเติม : เมโสแฟต ราคาเท่าไหร่ ? ฉีดลดเหนียง ลดแก้มแตกต่างกันไหม ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล ?
Q&A : ถามตอบเกี่ยวกับการฉีดเมโสแฟต
Q : ฉีดเมโสแฟตเจ็บไหม ?
A : การฉีดเมโสแฟตอาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยตอนฉีดยาหรือตอนกำลังเดินยาเท่านั้นครับ ซึ่งก็จะมีการประคบน้ำแข็งช่วย หรือแปะยาชาสำหรับคนที่กลัวเจ็บมากๆ สำหรับคนที่กลัวว่าการฉีดเมโสแฟตจะเจ็บก็ไม่ต้องกังวลครับ
Q : เมโสแฟต กี่วันเห็นผล ?
A : หลังจากฉีดแฟต สามารถเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก ไขมันเริ่มสลายตัว 10-15% และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ประมาณ 1-3 สัปดาห์ ทั้งนี้หลังฉีดเมโสแฟต กี่วันเห็นผลนั้นผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละบุคคล รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วย หากอยากเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ควรกลับมาฉีดซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ที่ประเมินใบหน้าของแต่ละบุคคลครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดเมโสแฟต กี่วันเห็นผล ลดเหนียง ลดแก้ม เพื่อหน้าเรียวสวยเป็นธรรมชาติ
Q : เมโสแฟต 1 ขวดกี่ CC ?
A : เมโสแฟต 1 ขวด มี 10 CC ครับ ซึ่งปริมาณที่แนะนำให้ฉีดในแต่ละครั้ง หมอจะเป็นผู้ประเมินตามความเหมาะสมของคนไข้แต่ละคน
Q :ฉีดสลายไขมันหน้าท้องเจ็บไหม ?
A : จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะฉีดยาหรือเดินยา การดูดไขมันหน้าท้องเจ็บกว่ามากครับ ระหว่างฉีดเมโสแฟต จะมีการใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดอาการเจ็บให้
Q : ซื้อเมโสแฟต ฉีดเองได้ไหม ?
A : ไม่แนะนำให้ซื้อตัวยาเมโสแฟตมาฉีดเอง เพราะตัวยาที่ขายตามอินเทอร์เน็ต อาจเป็นเมโสแฟตปลอม ปกติแล้วตัวยาเมโสแฟตที่ได้มาตรฐาน ผ่าน อย. จะมีเฉพาะแพทย์เท่านั้นที่สามารถสั่งซื้อได้ครับ
นอกจากนี้การฉีดเมโสแฟต ผู้ฉีดต้องมีความรู้ด้านกายวิภาคโครงสร้างใบหน้า และร่างกาย ความตื้นลึกก็มีส่วนสำคัญในการฉีดเมโสแฟต ซึ่งเป็นเรื่องของเทคนิคเฉพาะตัวและความละเอียดอ่อนในการวิเคราะห์ครับ เพราะคนไข้แต่ละคนมีกล้ามเนื้อและไขมันมากน้อยไม่เหมือนกัน
Q : ฉีดเมโสแฟต แล้วเป็นก้อน ?
A : ถ้าฉีดด้วยเมโสแฟตคุณภาพสูง ใช้เทคนิคกระจายตัวยาที่ถูกต้อง หลังฉีดจะไม่เป็นก้อนครับ ตัวยาถูกดูดซึมได้เอง
Q : คนท้องฉีดเมโสแฟตได้ไหม ?
A : ไม่แนะนำให้ฉีดครับ ควรรอคลอดก่อนครับ
สรุป เมโสแฟตดีไหม ?
เมโสแฟตเป็นวิธีลดไขมันเฉพาะจุดที่ช่วยสลายไขมันได้รวดเร็ว แต่การจะฉีดเมโสแฟตให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ต้องใช้เมโสแฟตของแท้ ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และมีการคำนวณปริมาณตัวยาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละเคสครับ
สำหรับใครที่ต้องการฉีดเมโสแฟต หมออยากให้คำนึกถึงความปลอดภัยเป็นหลัก โดยเลือกฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือครับ
สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ