วี สแควร์

รักษาสิว ทำอย่างไร รู้สาเหตุการเกิดสิว แก้ไขสิวอย่างตรงจุด

Reading Time: 4 minutes

รักษาสิว

รวมวิธีรักษาสิว

รวมวิธีรักษาสิว เป็นสิวไม่หายทำอย่างไรดี ?

ปัญหาผิวที่พบได้มากที่สุดทั้งในเพศหญิง เพศชาย โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น คือ “ปัญหาสิว” ครับ ทั้งสิวอุดตัน สิวผด สิวอักเสบ หรืออย่างรุนแรงคือสิวหัวช้าง สิวซีสต์ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาตั้งแต่ระยะแรก ๆ อาจทำให้สิวรุนแรงขึ้นและทิ้งรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวถาวรได้ 

ในบทความนี้ หมอจะอธิบายเกี่ยวกับการรักษาสิวให้ถูกวิธี ทำได้อย่างไรบ้าง วิธีไหนเห็นผลเร็ว การเลือกใช้วิธีรักษาสิว รู้ถึงสาเหตุของการเกิดสิว รวมถึงการรักษารอยดำ รอยแดง หลุมสิว และการดูแลผิวไม่ให้กลับมาเป็นสิวซ้ำอีก หมอได้รวบรวมไว้ในบทความนี้แล้วครับ

สารบัญ วิธีรักษาสิว


สาเหตุการเกิดสิว

สิวเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามปกติของร่างกาย สภาวะแวดล้อม พฤติกรรมการใช้ชีวิต รวมถึงสุขอนามัยของแต่ละบุคคล ทำให้เกิดสิวในลักษณะต่าง ๆ ตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายได้แตกต่างกัน หมอสรุปสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิวได้ดังนี้ครับ

  1. สิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

ทุกคนเมื่อก้าวเข้าสู่ช่วยวัยรุ่น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน Androgen เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในเพศชาย ซึ่งฮอร์โมนนี้ จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้น ผลิตไขมันออกมามากขึ้น ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน จนเกิดเป็นสิวอุดตันได้ และถ้าไม่ได้รับการดูแลที่ถูกวิธี อาจจะทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบตามมาได้ครับ

ในเพศหญิง ร่างกายจะผลิตฮอร์โมน Progesterone เพิ่มสูงขึ้นตามรอบเดือนครับ ทำให้มีสิวเห่อช่วงก่อนมีประจำเดือนหรือขณะมีประจำเดือน เกิดจากฮอร์โมนกระตุ้นให้รูขุมขนบวมจากการคั่งของน้ำในร่างกาย รูขุมขนอุดตันมากขึ้น มีการสะสมของไขมันในรูขุมขุน เกิดเป็นสิวอุดตันได้ในที่สุดครับ

  1. การใช้เครื่องสำอาง การใช้ครีม โลชั่นทาผิว

ครีม แป้ง เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ทาลงผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้า หรือผิวลำตัว มีโอกาสเข้าไปอุดตันรูขุมขนและเกิดสิวตามมาได้ครับ ในผู้ที่มีปัญหาสิวบ่อย ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือถ้าจำเป็นต้องใช้ ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และมีน้ำเป็นส่วนประกอบ (oil-free, water-based) และควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ประเภท noncomedogenic และ non-acnegenic ครับ

  1. การรับประทานอาหาร

ในความเป็นจริงแล้ว ยังไม่มีงานวิจัยใดที่รองรับว่าอาหารเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวครับ หมอแนะนำว่าหากรับประทานชนิดใดบ่อย ๆ แล้วสังเกตเห็นสิวเพิ่มมากขึ้น ให้หลีกเลี่ยงหรือหยุดรับประทานอาหารชนิดนั้น ๆ โดยเฉพาะอาหารรสหวาน มัน ของทอด ที่มีแป้งหรือน้ำตาลมากเกินไป เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดสิวอักเสบครับ

  1. พฤติกรรมการใช้ชีวิต

บางคนอาจสังเกตได้ว่าเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียด สูบบุหรี่ หรือไม่ทำความสะอาดร่างกายให้ดี จะพบสิวขึ้นได้ง่ายกว่าในช่วงปกติ ซึ่งเกิดจากฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมการใช้ชีวิต และจุลชีพบนผิวเจริญได้มากขึ้น จึงเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบครับ

  1. มลภาวะและสิ่งแวดล้อม

ฝุ่นละออง ควัน  มลพิษทางอากาศ จะมีอนุภาคขนาดเล็กที่สามารถเกาะติดและอุดตันรูขุมขนได้ ทำให้เกิดสิวได้ในที่สุด โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายอาจจะไวต่อการเกิดสิวได้มากขึ้น และการสวมหน้ากากอนามัย ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เนื่องจากผิวจะเกิดการเสียดสีและหน้ากากอับชื้นจากลมหายใจ แบคทีเรียที่ผิวจะเจริญที่รูขุมขนได้มากขึ้น บางคนเรียกว่าการแพ้หน้ากากอนามัยครับ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้หลีกเลี่ยงได้ยาก จึงต้องทำความสะอาดและดูแลผิวหน้าให้มากขึ้นครับ

  1. ภาวะแอนโดรเจนเกิน (Hyperandrogenism/Hyperandrogenemia)

ภาวะแอนโดรเจนเกินเป็นภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมน Androgen มามากเกินไป เกิดได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย โดยเฉพาะในเพศหญิงวัยเจริญพันธุ์ ทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมาเป็นจำนวนมาก มักจะทำให้เกิดสิวระยะรุนแรงและเกิดขึ้นรวดเร็ว ร่วมกับมีขนขึ้นตามร่างกายมากกว่าปกติ ผมร่วง ศีรษะล้าน ประจำเดือนมาไม่ปกติ โรคที่ทำให้เกิดภาวะนี้ได้แก่ PCOS, CAH, Adrenal neoplasia และ Ovarian neoplasms

สิวอักเสบ

รวมวิธีรักษาสิว

การรักษาสิว วิธีทำให้หน้าใสไร้สิว มีหลายวิธีมากครับ ขึ้นกับลักษณะของสิวที่เกิดขึ้นว่าเป็นสิวประเภทไหน ความรุนแรงของสิว รวมไปถึงบริเวณที่เกิดสิว เช่น สิวบนใบหน้า สิวที่หลัง เป็นต้น ซึ่งการรักษาสิวที่ถูกวิธี จะเน้นไปที่การลดรอยสิวเดิมและป้องกันการเกิดสิวใหม่เป็นหลักครับ

การรักษาสิวโดยใช้ยาทาเฉพาะที่

การรักษาสิวโดยใช้ยาทาบริเวณที่เกิดสิว สามารถรักษาได้ทั้งสิวที่เกิดขึ้นบนใบหน้า สิวที่หน้าอก สิวที่หลัง โดยเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวไม่รุนแรง เช่น สิวผด สิวไม่มีหัว กลุ่มยาทาที่ใช้รักษาสิว ได้แก่

  • กลุ่มยาปฏิชีวนะ ใช้ทาเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นตัวการทำให้เกิดสิวอักเสบ
  • benzoyl peroxide ช่วยลดการระคายเคืองของผิว
  • Retinoid หรืออนุพันธ์วิตามิน A มีคุณสมบัติ ช่วยกระตุ้นเกิดการผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดการอุดตันรูขุมขน และเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว

นอกจากนี้ ยาทารักษาสิวยังมีส่วนผสมของยากลุ่มอื่น ๆ ที่ทำให้การรักษาสิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น Salicylic acid, Azelaic acid และ sulfur เป็นต้นครับ

ในการทายารักษาสิว แพทย์จะแนะนำให้ทาทิ้งไว้ 5-10 นาที ทำต่อเนื่อง 6-8 สัปดาห์ครับ วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่ต้องเจ็บตัว ทำได้ง่าย แต่มีข้อควรระวังคือจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย อาจทำให้เกิดรอยแดง แห้งหรือลอกได้ จึงควรทาบาง ๆ และเริ่มที่ปริมาณน้อย ๆ และการใช้ยาปฏิชีวนะเพียงอย่างเดียวต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้ครับ

การรักษาสิวโดยการทานยา

การรักษาสิวโดยใช้การทานยา เหมาะกับผู้ที่สิวอักเสบปานกลางถึงระยะรุนแรง ที่ไม่สามารถรักษาสิวด้วยการทายาอย่างเดียวได้ โดยยาที่แพทย์จ่ายเพื่อรักษาสิว ได้แก่

  • ยาปฏิชีวนะ เช่น Tetracyclin, Macrolides และ Amoxycilin เป็นต้น เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบ
  • ยาปรับฮอร์โมน ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (Oral Contraceptives) และยากลุ่ม Gonadotropin-Releasing Hormone Agonists (GnRH Agonists) เช่น Spironolactone เพื่อลดระดับฮอร์โมน ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการสร้าง testosterone และ block androgen receptors ที่ทำให้เกิดสิว
  • ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามิน A (Isotretinoin) จะใช้ในรายที่มีสิวอาการรุนแรง ดื้อยาปฏิชีวนะ หรือสิวที่มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดแผลเป็น โดยยามีฤทธิ์กดการทำงานของต่อมไขมันทำให้ผลิตไขมันลดลง ลดปริมาณเชื้อ P. acnes ลดการอักเสบของสิว และยับยั้งการสร้างคอมีโดน (comedone)

การรักษาสิวโดยการรับประทานยา ไม่ควรซื้อยาทานเองโดยเด็ดขาด ต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะยาที่ใช้ในการรักษา อาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น ริมฝีปากแห้ง ผิวแห้ง ตาแห้ง ซึ่งต้องระมัดระวังในผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ เพราะอาจทำให้มีการระคายเคือง ส่งผลต่อการทำงานของตับ กล้ามเนื้อ ไขมันในร่างกาย และไม่ควรทานยาขณะตั้งครรภ์ เพราะจะส่งผลให้ทารกเกิดความพิการได้ครับ

การรักษาสิวโดยวิธีทางกายภาพ

  • การกดสิว 

การรักษาสิวด้วยการกดสิว เป็นวิธีที่นิยมทำเพื่อรักษาสิวอุดตัน มีจุดประสงค์เพื่อนำหัวสิวอุดตันที่อยู่ใต้ผิวหนังออกได้เร็วขึ้น ลดโอกาสเกิดสิวอักเสบ คนส่วนใหญ่มักกจะบีบสิว กดสิวออกด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นวิธีทีไม่ถูกต้องครับ เพราะอาจจะทิ้งรอยดำ รอยแดง หลุมสิว ที่ยากต่อการแก้ไขได้ หมอแนะนำให้กดสิวกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและเครื่องมือสะอาดปลอดเชื้อเท่านั้นครับ

  • การฉีดยาใต้หัวสิว, การฉีดสิว

การรักษาสิวโดยการฉีดยา การฉีดสิว ใช้เพื่อรักษาสิวอักเสบแบบตุ่ม สิวหนอง และสิวอักเสบลึก สิวซีสต์ สิวหัวช้าง โดยใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ฉีดเข้าไปใต้หัวสิว (Intralesional corticosteroid injections) เป็นวิธีที่เห็นผลเร็ว 

แต่การฉีดสิวอาจพบผลข้างเคียงคือเกิดรอยบุ๋มรอบจุดที่ฉีดหลังผ่านไปประมาณ 2-3 สัปดาห์  มีอาการช้ำจากการฉีด ผิวหนังอักเสบ และกลายเป็นรอยแผลเป็นถาวรได้ ควรฉีดสิวกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น และผู้ที่มีโรคประจำตัวบางโรค เช่น โรคเบาหวานชนิดควบคุมอาการไม่ได้ หัวใจวาย ความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรง โรคสะเก็ดเงิน และผู้มีประวัติแพ้ยาไตรแอมซิโนโลน ควรหลีกเลี่ยงการฉีดสิวครับ

  • วิธี Chemical peeling

การรักษาสิวด้วยวิธี Chemical peeling หรือการผลัดเซลล์ผิวโดยใช้สารเคมี คือการนำสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น AHA, BHA หรือ TCA ทาลงไปที่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังชั้นนอกเกิดการหลุดลอกออกและร่างกายจะสร้างผิวชั้นบนขึ้นมาใหม่ เกิดการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นผิวมากขึ้น ผิวจึงนุ่ม เรียบเนียนและช่วยลดการอุดตันของสิว ลดการเกิดสิวได้ครับ

สารเคมีแต่ละตัวที่จะนำมาใช้ มีความสามารถในการซึมผ่านชั้นผิวที่ความลึกแตกต่างกัน และความเข้มข้นที่ใช้ก็ส่งผลต่อผลการรักษา ดังนั้นควรเข้ารับการรักษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้นครับ 

การรักษาเสริม  adjunctive therapy

  • การใช้สกินแคร์เพื่อรักษาสิว

การทาครีม ทาสกินแคร์ เพื่อรักษาสิวเป็นวิธีที่ง่าย ไม่ต้องเจ็บตัว เหมาะกับคนที่มีสิวไม่มาก อยู่ในระยะไม่รุนแรงจนถึงระยะปานกลาง ผลการรักษาขึ้นอยู่กับการเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวครับ 

ในการลดปัญหาสิวควรเลือกใช้สกินแคร์สูตรอ่อนโยน มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์, AHA และ BHA เป็นต้น และควรเป็นสกินแคร์ประเภท Water-based หรือ silicone-based (cyclomethicone, dimethicone) หลีกเลี่ยงสกินแคร์ประเภท  oil-based หรือผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบบกันน้ำ (Waterproof)  

แต่การใช้สกินแคร์จะต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ต้องทำต่อเนื่องนานหลายเดือน ไม่เหมาะกับผู้ที่มีสิวเป็นจำนวนมาก หรือต้องการเห็นผลเร่งด่วนครับ

  • การฉีดเมโสหน้าใส ฉีดวิตามินผิว

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นการรักษาสิวที่บำรุงผิวหน้าจากผิวชั้นในโดยตรง โดยจะฉีดตัวยาที่เป็นสารสกัดที่มีประโยชน์ต่อผิว รวมถึงวิตามินเข้าสู่ชั้นผิว เทียบได้กับการนำส่วนผสมที่มีอยู่ในครีมต่าง ๆ เข้าสู่ผิวโดยตรง โดยเฉพาะสารที่ดูดซึมยาก ทำให้เห็นผลได้ไวกว่าการทาครีมครับ

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นการฉีดเพื่อป้องกันการเกิดสิวใหม่เป็นหลัก โดยจะช่วยบำรุง ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและแก้ปัญหาต่าง ๆ บนผิวหน้า ทำให้ผิวชุ่มชื้น ขาวกระจ่างใส ลดการอักเสบ ช่วยขับสารพิษที่สะสมและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้ แก้ไขปัญหาหน้าโทรม นอกจากนี้ยังช่วยลดรอยดำ รอยแดงจากสิวให้ดูจางลง ลดรูขุมขนกว้างได้ครับ

การฉีดเมโสหน้าใสจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ตั้งแต่ช่วง 3 วันแรก ผิวจะดูชุ่มชื้น ตึงใสขึ้น แนะนำให้ทำต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้งในช่วง 1 เดือนแรกและทิ้งระยะห่างเป็น 2-3 ครั้งต่อเดือนในเดือนถัดไปเพื่อให้คงสภาพผิวที่แข็งแรง ดูสุขภาพดีไว้ รอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิวจะจางลง สิวอุดตันน้อยลงได้ครับ

ตัวยาสำหรับการฉีดเมโสหน้าใสมีหลายยี่ห้อ โดยแต่ละสูตรจะช่วยบำรุงผิวในด้านที่แตกต่างกัน สูตรที่นิยมคือ การฉีดมาเด้คอลลาเจน การฉีด REVs, Tensonez และ Neo glutanex เป็นต้น

ฉีดมาเด้ หมอเอก

เมโสหน้าใสคือการฉีดวิตามิน คอลลาเจน และสารที่มีประโยชน์เข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง จะเห็นผลลัพธ์ได้เร็วกว่าการทาครีม

อ่านเพิ่มเติม : ฉีดเมโสหน้าใสคืออะไร? อันตรายหรือไม่ ? ข้อควรรู้ก่อนทำเมโสหน้าใส

  • การทำเลเซอร์ Laser / Light therapy

การทำเลเซอร์รักษาสิว เป็นวิธีที่เรามักได้ยินบ่อย ๆ ในปัจจุบันเครื่องยิงเลเซอร์มีหลากหลายประเภทมากครับ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาสิวหรือปัญหาผิวหน้าที่เกิดจากสิวได้แตกต่างกัน ยกตัวอย่าง ได้ดังนี้

  • เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ CO2 

เลเซอร์ CO2 ใช้ในการแก้ไขปัญหาสิวอุดตัน โดยเลเซอร์จะเข้าไปช่วยเปิดช่องทางออกของต่อมไขมัน ให้เกิดการอุดตันน้อยลง และช่วยรักษารอยแดง รอยแดงจากสิว

  • Omnilux นวัตกรรมแสงบำบัด (Light therapy) 

การบำบัดรักษาสิวด้วยแสง จะใช้แสงสีน้ำเงิน (Omnilux Blue) และสีแดง (Omnilux Revive2) ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวอักเสบ ลดการอักเสบแดง ควบคุมความมันบนชั้นผิว

  • เลเซอร์วีบีม (V beam Pulse dye laser)

เครื่องเลเซอร์แบบ V beam จะเด่นในเรื่องลดรอยแดงจากสิว โดยการส่งความร้อนลงไปยังชั้นผิวหนัง ทำให้เส้นเลือดที่ผิดปกติใต้ผิวหนังถูกทำลาย เกิดการจัดเรียงตัวของเส้นเลือดใต้ผิวหนังใหม่ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน  รอยแดงจึงดูลดลงได้ครับ

  • พิโคเลเซอร์ (Picosecond Laser)

เครื่องเลเซอร์แบบ Picosecond Laser เป็นการใช้คลื่นพลังงานสูงมากในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อให้เม็ดสีในผิวเกิดการแตกตัว ใช้ในการลดรอยดำจากสิว กระตุ้นคอลลาเจน และช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นครับ

ข้อควรระวังในการทำเลเซอร์คือ หากทำบ่อยครั้ง ชั้นผิวจะบางลง รอยดำเข้มขึ้น และไวต่อแสงมากขึ้น ทำให้เกิดฝ้า กระ ได้ง่ายขึ้นครับ ดังนั้นควรเข้ารับการรักษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและดูแลผิวหลังทำอย่างเคร่งครัดครับ ถึงแม้ว่าขั้นตอนการทำเลเซอร์ไม่ยุ่งยาก แต่ต้องใช้ความต่อเนื่องในการทำ จึงจะเห็นผลดีครับ

เลเซอร์หน้าใส

การทำเลเซอร์หน้าใส ควรเลือกใช้เครื่องที่เหมาะกับสภาพผิว ลักษณะของสิว และควรใช้เครื่องที่ได้มาตรฐาน

  • การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

คนที่มีสิวอักเสบและดูแลรักษาไม่ถูกต้อง หลังสิวหายอาจทิ้งร่องรอยถาวรให้กับผิวหรือที่เรียกว่า หลุมสิวได้ครับ ซึ่ง การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดปัญหาหลุมสิวได้ 

โดยฟิลเลอร์คือสารไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic acid) เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณที่เป็นหลุมสิว จะช่วยดึงดูดน้ำเข้ามาบริเวณที่ฉีด กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น เนียนเรียบขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็ว ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน และไม่ต้องการเสียเวลาพักฟื้น แต่ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้กับหลุมสิวทุกประเภทนะครับ 


รักษาสิวเร่งด่วนวิธีไหนดีที่สุด ?

หากจำเป็นต้องใช้หน้าออกงาน แต่สิวขึ้นก่อนวันงานไม่กี่วัน ทำให้เกิดความวิตกกังวล หาแนวทางที่จะรักษาสิวเร่งด่วนเพื่อให้ทันวันงาน เมื่อสิวขึ้น หมอแนะนำให้ปฏิบัติตามนี้ครับ

  1. ห้ามแคะ แกะ หรือบีบสิว เมื่อเป็นสิวไม่ควรบีบ แกะ หรือสัมผัสบริเวณที่เป็นสิวโดยไม่จำเป็น เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองมากกว่าเดิม นำไปสู่การเป็นสิวอักเสบ เป็นแผลที่รุนแรงขึ้นได้ 
  2. ควรล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน สบู่อ่อน และน้ำอุ่น แต่ไม่ควรล้างเกินวันละ 2 ครั้ง เนื่องจากการล้างหน้ามากเกินไปจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองครับ
  3. ใช้ยาแต้มสิว ยาทาสิว ยาละลายหัวสิว ส่วนใหญ่จะเป็นยาประเภทยาปฏิชีวนะ, benzoyl peroxide, Retinoid หรืออนุพันธ์วิตามิน A เป็นการบรรเทาความรุนแรงของสิวไม่ให้เกิดการอักเสบเพิ่มมากขึ้น โดยจะต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาครับ
  4. ใช้เจลแต้มสิว แผ่นแปะสิว โดยเจลแต้มสิวและแผ่นแปะสิวไม่ได้ช่วยในการรักษาสิวโดยตรง แต่เป็นการช่วยบำรุงผิวในบริเวณที่มีสิว ลดการระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้น และปลอบประโลมผิวในจุดที่เป็นสิว และโดยเฉพาะในแผ่นแปะสิว จะมีสาร ไฮโดรคอลลอยด์ (Hydrocolloid) ที่เป็นตัวช่วยดูดซับไขมัน สิ่งสกปรกที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ จึงทำให้เกิดการอักเสบน้อยลง รอยดำ รอยแดงจากสิวลดน้อยลงได้ครับ
เลเซอร์หน้าใส
  1. การฉีดเมโสหน้าใส เป็นวิธีที่นำสารที่ช่วยบำรุงผิวเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงว่าผิวค่อย ๆ ดีขึ้น ดูชุ่มชื้นขึ้นหลังจากทำประมาณ 3 วัน และหากฉีดต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้งในช่วง 1 เดือนแรก จะเห็นผลที่ชัดเจนขึ้น สิวผด สิวผื่นดูลดลง รอยดำรอยแดงจากสิวดูจางลงได้ครับ

รักษาสิวโดยตัวเองได้ไหม ?

การรักษาสิวด้วยตนเองสามารถทำได้ครับ แต่จะต้องเป็นสิวที่อยู่ในระยะไม่รุนแรงและรักษาด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะหากรักษาไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดสิวอักเสบรุนแรงขึ้นหรือทิ้งรอยแผลเป็น หลุมสิวถาวรได้ครับ

รวมวิธีการรักษาสิวด้วยตนเอง

  1. เมื่อเริ่มเกิดสิว ห้ามแคะ แกะ หรือบีบสิว เพื่อไม่ให้เกิดการอักเสบของสิว ลดโอกาสกิดรอยแผลเป็นจากสิว
  2. การใช้สกินแคร์ ควรเลือกสกินแคร์รักษาสิวที่เหมาะกับสภาพผิว ไม่ใช้สกินแคร์ที่เป็น oil-based
  3. การทาครีมลดรอยสิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินซี, คอร์ติโซน (Cortisone), กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid), อาร์บูติน (Arbutin), กรดโคจิก (Kojic Acid), เซราไมด์ (Ceramide), วิตามินบี 3, ไนอะซิน (Niacin) เพื่อช่วยในการลดการอักเสบของผิวหนัง และทำให้รอยสิวจางลง แต่ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ รวมไปถึงควรปรึกษาเภสัชก่อนใช้ยา เพื่อให้เหมาะกับผิวและปัญหาของแต่ละคนมากที่สุด
  4. การสครับหน้าลดรอยสิว เป็นวิธีที่ช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และช่วยให้ผิวมีความสม่ำเสมอกันมากขึ้น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีส่วนผสมที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นเข้าไปด้วย จะทำให้หลังสครับหน้าผิวไม่แห้ง ช่วยลดความระคายเคืองต่าง ๆ ได้ เช่น น้ำตาลทรายแดง โยเกิร์ต น้ำมะนาว แต่การสครับผิวไม่ควรทำบ่อยเกินไปครับ
สครับผิว
  1. ใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ หอมแดง ไข่ขาว มะนาว มะละกอ มะเขือเทศ เป็นต้น โดยพืชเหล่านี้มีสารที่ช่วยลดการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เป็นวิธีที่ใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่เนื่องจากแต่ละคนมีสภาพผิวที่แตกต่างกัน อาจจะไม่เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนและอาจเกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นได้ จึงควรใช้ด้วยความระมัดระวังครับ

เป็นสิวรักษาไม่หายทำยังไงดี ?

หลายคนมีปัญหารักษาสิวด้วยตนเองเท่าไหร่ก็ไม่หาย เป็น ๆ หาย ๆ อันดับแรกหมอแนะนำให้ค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เพราะการรักษาสิวจากสาเหตุการเกิดสิว เป็นการรักษาที่ตรงจุด สิวมีโอกาสหายและป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้ครับ

ในกรณีที่เป็นสิวรักษาไม่หาย ควรเข้าพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวางแนวทางการรักษาสิวที่เหมาะกับสภาพผิว เพราะถ้าปล่อยสิวทิ้งไว้โดยไม่รักษา นอกจากจะสร้างความเจ็บแล้ว ยังทำให้เจ้าของใบหน้าสูญเสียความมั่นใจ รวมถึงยังเป็นการทำลายผิว ทิ้งรอยแผลเป็นที่รักษาได้ยากในอนาคตได้ครับ


สรุป

การรักษาสิวทำได้หลายวิธี ขึ้นกับสภาพผิวและความรุนแรงของสิวของแต่ละคนครับ มีทั้งการรักษาสิวที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เช่น การใช้ครีมทาลดรอยสิว การใช้ผลผลิตทางธรรมชาติรักษาสิว การรักษาสุขอนามัยส่วนตัว แต่ในรายที่รักษาสิวด้วยตนเองแล้วไม่หาย หรือมีสิวอักเสบระยะปานกลางถึงรุนแรง ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรักษาสิวจากต้นเหตุของการเกิดสิว เพื่อไม่ให้เกิดรอยสิวถาวรที่รักษายากและไม่ให้สิวกลับมาเป็นซ้ำได้อีกครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

สามารถ comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ

บทความแนะนำ

ฟิลเลอร์ (Filler) กับโบท็อกซ์ (Botox) ต่างกันอย่างไร ? ทำพร้อมกันได้ไหม ?

Reading Time: 4 minutes - ฟิลเลอร์ คืออะไร ? - โบท็อกซ์ คืออะไร ? - ฟิลเลอร์ (Filler) กับ โบท็อกซ์ (Botox) ต่างกันอย่างไร ? - เปรียบเทียบข้อดี ข้อจำกัดของฟิลเลอร์ กับโบท็อกซ์ - เลือกฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ดี แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ?

15 วิธี กำจัดไขมันส่วนเกิน ดูแลตัวเองเพื่อสุขภาพและรูปร่า...

Reading Time: 4 minutes - ไขมันส่วนเกิน คืออะไร? - สาเหตุการเกิดไขมันส่วนเกิน - ไขมันส่วนเกิน อันตรายไหม? - 15 วิธีกำจัดไขมันส่วนเกินแบบต่าง ๆ

โบท็อกเยอรมัน Xeomin ช่วยปรับหน้าเรียวดีไหม? มีข้อดีต่างจ...

Reading Time: 3 minutes - โบท็อกเยอรมัน Xeomin คืออะไร? - ฉีดโบท็อกเยอรมัน Xeomin ตำแหน่งไหนได้บ้าง? - ข้อดีของโบท็อกเยอรมัน Xeomin - โบท็อกเยอรมัน Xeomin แตกต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร? - ขั้นตอนการฉีดโบท็อกเยอรมัน Xeomin

รีวิว CoolSculpting วิธีการสลายไขมันด้วยความเย็นเพื่อหุ่น...

Reading Time: 4 minutes มีคนอ่านบทความนี้แล้ว : 1,589 วันที่อัพเดตล่าสุด : 26 April 2024 CoolSculpting รีวิว รีวิว CoolSclupting วิธีการสลายไขมันด้วยความเย็นด้วยเครื่อง Coolsclupting เพื่อหุ่นสวย หุ่นเฟิร์ม กระชับเข้ารูป สำหรับใครที่ต้องการปรับรูปร่างและลดสัดส่วนเฉพาะจุด แบบไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากดูดไขมัน Coolsculpting ช่วยได้ครับ แม้ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ก็สามารถสลายไขมันสะสมได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว Coolsculpting ช่วยลดและกระชับสัดส่วน ได้ทั้งหน้าท้องและไขมันส่วนเกินตามจุดต่างๆ เช่น ต้นแขน,ต้นขา, สะโพก,น่อง,ปีกหลังใต้วงแขน ,เหนียง รวมถึงคุณแม่หลังคลอดที่ต้องการลดและกระชับสัดส่วนก็ทำได้เช่นกันครับ สารบัญ CoolSculpting ทำไมต้องต้องเลือก Coolsculpting? Coolsculpting ทำตรงไหนได้บ้าง ผลลัพธ์หลังจากทำ Coolsculpting รีวิว Coolsculpting ลดไขมันต้นแขน | นิโคล เทริโอ รีวิว Coolsculpting ลดไขมันหน้าท้อง | แอนดี้ เขมพิมุก รีวิว Coolsculpting | […]

รวมวิธีลดแก้ม ลดเหนียง ปรับหน้าเรียวแบบเร่งด่วน แต่ละวิธี...

Reading Time: 6 minutes - วิธีลดแก้ม แบบเร่งด่วน เห็นผลตั้งแต่สัปดาห์แรก มีอะไรบ้าง? - วิธีลดแก้มแบบ ธรรมชาติ

รวมข้อมูลก่อนตัดสินใจทำ Thermage FLX คืออะไร ราคาเท่าไหร่...

Reading Time: 7 minutes - Thermage คืออะไร? - การทำงานของ Thermage - Thermage ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง? - ความแตกต่างระหว่าง Thermage กับ RF ทั่วไป - เครื่อง Thermage มีกี่รุ่น?

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า